จากกรณีคนร้าย 2 คนขับขี่รถ จยย.สวมหมวกกันน็อกแต่งกายมิดชิดมากันเป็นกลุ่มจอดรถอยู่กลางสามแยกไฟแดงลาซาลตัดแบริ่ง ถนนลาซาล แขวงบางนาใต้ เขตบางนา กทม.ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านอาหาร ในร้านอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ จากนั้นคนร้ายทั้ง 2 คน ใช้อาวุธปืนคนละกระบอก กระหน่ำยิงใส่รถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ ราว 10 นัด ซึ่งมี นายวรเชษฐ์ หรือ เฮิรท์ อายุ 37 ปี เป็นคนขับ ส่งผลให้กระสุนปืนถูก นายเจษฎา อายุ 39 ปี คนนั่งเบาะคู่หน้าเข้าที่บริเวณศีรษะ 1 นัด ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนไปเสียชีวิตที่ รพ.สำโรงการแพทย์ เหตุเกิดเมื่อเวลา 02.20 น.วันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ที่ สน.บางนา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสัวสดิ์ รอง ผบช.น.พร้อมด้วย พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคำ ผบก.น.5, พ.ต.อ.ภพธร จิตต์หมั่น รอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.ฤทธี ปานดำ รอง ผบก.น.5, พ.ต.อ.ศิรณวิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5, พ.ต.อ.สุรพงษ์ สุขแย้ม ผกก.สน.บางนา, พ.ต.ท.พจนาจ งบพิมาย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.บางนา, พ.ต.ท.เอกภพ ลิขิตธนสมบัติ รอง ผกก.สส.สน.บางนา, พ.ต.ท.นพดล จำปีแขก สว.สส.สน.บางนา พร้อมชุดสืบสวน บช.น., บก.น.5 และ สน.บางนา เข้าร่วมประชุมติดตามความคืบหน้าคดี

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ทาง พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งรัดจับกุมคนร้ายคดีนี้ โดยกลุ่มผู้เสียหาย รวม 7 คน ไปนั่งรับประทานอาหารกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ ตั้งแต่ช่วง 22.30 น.ของวันที่ 28 มิ.ย.ต่อเนื่องจนถึงเวลาตีหนึ่งของวันที่ 29 มิ.ย.โดยคนร้ายมีการวางแผน รวมกลุ่มขับขี่รถ จยย.มากันทั้งหมด 12 คัน รวมคนร้าย 23 คน มี 11 คันซ้อน 2 กันมา ขับขี่ และมี 1 คันขับเดี่ยวมาคนเดียว ซึ่งตัวผู้ที่ยั่วยุเป็นคู่อริกับทางผู้เสียหาย คือ นายวรเชษฐ์ หรือ เฮิรท์ อายุ 37 ปี ผู้ขับขี่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ที่นั่งอยู่กับเพื่อนรวม 7 คน โดยมีการขับรถ จยย.วน 4 รอบเพื่อยั่วยุทางผู้เสียหาย จนผู้เสียหายทนไม่ไหวลุกออกจากร้าน

จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายเคยทะเลาะวิวาทกันมาแล้ว 4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ปี 2567 ชกต่อยกันและไปแจ้งความที่ สภ.สำโรงเหนือ

จนมาครั้งนี้ เป็นครั้งที่ 5 หลังจากยั่วยุกัน ผู้เสียหายได้ไปขึ้นรถยนต์ฟอร์จูนเนอร์พร้อมกับผู้ตาย จากนั้นได้ขับขี่รถยนต์ฟอร์จูนเนอร์ ไล่กวดรถ จยย.คันที่ยั่วยุ จากแนวทางการสืบสวนกลุ่มคนร้ายวางแผนรวมตัวกันมาขับขี่รถ จยย.ทั้ง 12 คันขับออกจากซอยแบริ่ง 48 แล้วแยกกลุ่ม 4 คันไปอีกเส้นทางหนึ่ง และอีก 3 คนไปอีกเส้นหนึ่ง ก่อนไปจอดรถรอ เมื่อรถผู้ตายขับออกจากร้านอาหาร จากนั้น รถ จยย.อีกกลุ่มของคนร้าย รวม 6 คันขับรถตามผู้ตายไป เพื่อวางแผนหลอกล่อให้ผู้เสียหายขับตามไป และผู้ก่อเหตุกับเพื่อนจะขับประกบตามไปยิง ซึ่งขณะที่ผู้เสียหายขับรถตามรถล่อเป้าไปจนถึงสามแยกไฟแดง และวนกลับมา ทำให้รถ จยย.6 คันที่ตามมา จอดรถและใช้อาวุธปืนยิงใส่รถผู้เสียหาย บริเวณดังกล่าวพบปลอกกระสุน 2 ปลอกเศษกระสุน 1 นัด

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุผู้เสียหายขับรถปีนเกาะ และวิ่งย้อนศร กลับไปร้านอาหารเพื่อไปรับแฟนและบอกว่ามีคนโดนยิง จากนั้นฝั่งผู้ก่อเหตุกลับมายิงซ้ำครั้งที่ 2 ซึ่งปลอกกระสุน 2 ปลอก เศษหัวกระสุน 2 นัด ส่วนจุดที่ 3 อีกกลุ่มที่จอดรออยู่หลังร้านอาหาร ยิงซ้ำอีก จากนั้นผู้เสียหายไปส่งเพื่อนที่ รพ.กระทั่งไปเสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าคนร้ายก่อเหตุอย่างอุกอาจ โดยไม่เกรงกลัวต่อหมาย ยังดีที่ไม่มีประชาชนถูกลูกหลงไปด้วย ประกอบกับจุดเกิดเหตุเป็นช่วงเวลากลางคืนคนน้อย และการจราจรโล่ง ซึ่งกลุ่มดังกล่าวเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ สภ.สำโรงเหนือ

พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่กำชับกับชุดสืบสวนวันนี้จะมีการสืบสวนติดตามจับกุมทั้งกลุ่มแก๊งนี้ด้วย โดยวันนี้มีการออกหมายจับไว้บางรายแล้ว ทั้งนี้ ไม่อยากให้เป็นเยี่ยงอย่างกับกลุ่มวัยรุ่นในการทะเลาะวิวาท และใช้อาวุธปืนแก้ปัญหาก่อความเดือดร้อน ในเขตกรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นมีการประสานงานกับตำรวจภูธรภาค 1 และ สภ.สำโรงเหนือ ระดมกำลังฝ่ายสืบสวนดำเนินการจับกุมอย่างเคร่งครัดต่อไป

- 006