ฝนถล่มเหนือ-อีสาน
‘โคราช’น้ำป่าทะลัก
จันทบุรีชาวสวนอ่วม
ทุเรียนยืนต้นตายอื้อ
กรมอุตุฯเตือนภาคเหนือ-อีสานตอนบน ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง โคราชฝนหนักตลอดคืน ส่งผลน้ำป่าหลากท่วมถนนสายหลักใน อ.พิมาย การจราจรหนึบ ด้านชาวสวนจันทบุรี ระทม น้ำท่วมขังเกือบสัปดาห์ ทำให้ทุเรียนยืนต้นตายคาดเสียหายหลายล้านบาท หวังหน่วยงานรัฐเร่งหาทางระบายน้ำเร็วขึ้น
เมื่อวันที่ 4สิงหาคม กรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ฝนสะสมรายวัน ทุกๆ 24 ชั่วโมง และลมที่ระดับ 925hPa (750 ม.) 10 วันล่วงหน้า ระหว่างวันที่ 4-13สิงหาคม 2567 จากศูนย์พยากรณ์อากาศระยะกลางยุโรป (ECMWF) พบว่าช่วงวันที่ 4-5 สิงหาคม 2567 ทั่วไทยยังมีฝนตกต่อเนื่องโดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ปริมาณส่วนใหญ่เป็นเล็กน้อยถึงปานกลาง และมีตกหนักบางแห่ง บริเวณด้านตะวันออกใกล้หย่อมความกดอากาศต่ำส่วนภาคกลางด้านตะวันตก ภาคตะวันออก กทม.ปริมณฑล และภาคใต้ มีฝนบางแห่ง ด้านรับมรสุม ปัจจัยที่ทำให้ยังมีฝนช่วงนี้มาจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ (ลมฝน) จะมีกำลังอ่อนถึงปานกลาง
ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ยังต้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก ฝนตกสะสม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก มีกระแสลมใต้ ตะวันออกเฉียงใต้ ในระดับกลางจากมหาสมุทรแปซิฟิกและซีกโลกใต้ พัดเข้ามาปกคลุม ฝนยังมีบางแห่ง ส่วนภาคใต้ยังมีฝนบางแห่ง เป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง คลื่นลมมีกำลังอ่อนถึงปานกลาง
ช่วงวันที่ 6-9 สิงหาคม 2567 ทั่วไทยจะมีฝนน้อยลงบ้าง แต่ยังมีตกบางแห่ง ส่วนใหญ่เป็นฝนเล็กน้อยถึงปานกลาง ฝนที่เคยตกหนักลดลงเหลือบางแห่ง ยังเน้นตกทางด้านรับมรสุม เนื่องจากมรสุมมีกำลังอ่อนลงช่วงวันที่ 10-13 สิงหาคม 2567 ฝนจะเพิ่มขึ้น มรสุมเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ต้องเฝ้าระวังและติดตาม ระยะนี้ยังไม่พบสัญญาณการก่อตัวของพายุหมุนเขตร้อนใกล้บริเวณประเทศไทย
ที่ จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเกิดฝนตกอย่างหนักตลอดทั้งคืน ส่งผลให้มีน้ำป่าไหลหลากจากพื้นที่บ้านหนองโทน ต.นิคม อ.พิมายจ.นครราชสีมา เข้าท่วมถนนพิมาย-ชุมพวง บริเวณหลัก กม.ที่ 7-8 หน้าโรงเรียนพิมายสามัคคี 1 บ้านรังกาใหญ่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย ปริมาณน้ำท่วมสูงกว่า 30-50 เซนติเมตร ระยะทางยาว 200 เมตร ทำให้ประชาชนที่สัญจรไปมาในเส้นทางดังกล่าว ได้รับความเดือดร้อน จากปริมาณน้ำที่ท่วมสูงและกระแสน้ำที่ไหลค่อนข้างแรง โดยเฉพาะรถเล็กสัญจรผ่านไปมาลำบาก
ขณะเดียวกันถนนปากทางเข้าไปโรงเรียนพิมายดำรงวิทยาคม บ้านพุทรา ต.รังกาใหญ่ อ.พิมายก็ถูกน้ำป่าไหลเข้าท่วมถนนด้านหน้าโรงเรียน สูงกว่า 30 เซนติเมตร ระยะทางยาว 100 เมตร สาเหตุที่เกิดน้ำท่วมขังพื้นผิวถนนเนื่องจากน้ำรอการระบาย คาดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าท่วมถนนสายหลักก็จะแห้งลงเข้าสู่สภาวะปกติ
ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของ จ.นครราชสีมา เหลือปริมาณน้ำรวมกันในทั้ง 4 อ่างฯ อยู่ที่ 36% โดยอ่างเก็บน้ำลำตะคองเหลือน้ำอยู่ที่ 27.03%, อ่างเก็บน้ำมูลบนเหลือน้ำอยู่ที่ 44.30%, อ่างเก็บน้ำลำแชะเหลือน้ำอยู่ที่ 40.36% และอ่างเก็บน้ำลำพระเพลิงมีน้ำเหลืออยู่ที่ 44.20% ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำฝนได้อีกในปริมาณมาก
ส่วนที่ จ.จันทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์น้ำท่วมพื้นที่ แม้ว่าเริ่มคลี่คลายบ้างแล้ว แต่จากการลงพื้นที่สำรวจความเสียหายภายหลังน้ำลด หลายพื้นที่โดยเฉพาะ ต.วันแซ้ม อ.มะขาม จ.จันทบุรี มีพื้นที่เกษตรกรรมสวนผลไม้ถูกน้ำขังนาน 5 วัน ทำให้ทุเรียนยืนต้นตาย คาดว่าอุทกภัยครั้งนี้จะส่งผลทำให้มีความเสียหายหลายล้านบาท สำหรับระดับน้ำที่แม่น้ำจันทบุรี บริเวณรอยต่อ อ.มะขาม ที่สะพานน้ำรักเกาะสาร ระดับน้ำลดลงกว่า 2เมตร ชาวบ้านริมสองฝั่งได้ทยอยสำรวจความเสียหาย และปรากฏเด่นชัด จากสภาพต้นทุเรียน อายุ 1-4 ปี ใบกลายเป็นสีเหลือง เหี่ยวแห้งเฉา คาดว่าหลังจากนี้อีกประมาณ 1 สัปดาห์ จะเห็นภาพความเสียหายชัดเจนมากขึ้น หรือที่เรียกว่า “ยืนต้นตาย”
นายบุญอยู่ ชัยดิษฐ์ เจ้าของสวนทุเรียนในพื้นที่ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุทกภัยในครั้งนี้ เล่าถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นว่า ภายหลังน้ำท่วมขังมานานเกือบหนึ่งสัปดาห์ ต้นทุเรียนอายุ 1-4 ปี มีสภาพใบเหลืองและทยอยยืนต้นตาย คาดว่าจะมีต้นทุเรียนเสียหาย ประมาณ 60 ถึง 80 ต้น ส่วนต้นทุเรียนอายุ 5 ปีขึ้นไปที่เริ่มให้ผลผลิตแล้ว หลังจากนี้อาจต้องเผชิญกับโรคเชื้อรา รากเน่า โคนเน่า ซึ่งชาวสวนจำเป็นต้องเร่งสำรวจและหาองค์ความรู้ เพื่อมาเยียวยารักษาฟื้นฟูต้น ต้นทุเรียนที่เหลือให้อยู่ต่อไป
นายบุญอยู่ กล่าวยอมรับว่า ภายหลังฝนตกหนักในช่วงวันที่ 27-28 กรกฎาคมที่ผ่านมา เชื่อว่าน้ำจะเข้าท่วมสวนทุเรียน และแม่น้ำสาขาของแม่น้ำจันทบุรี จะสามารถระบายน้ำออกได้ ภายใน 1-2 วัน ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี แต่สำหรับครั้งนี้ น้ำกลับระบายออกได้ช้า ทิ้งช่วง ส่งผลให้ทุเรียนแช่น้ำนานประมาณ 5 วัน จนต้นทุเรียนยืนต้นตายสำหรับอนาคตยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะปลูกใหม่ทดแทน หรือเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ทนน้ำทดแทนหลังจากนี้คาดว่าหน่วยงานด้านเกษตรที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาสำรวจความเสียหายซึ่งหลักเกณฑ์การเยียวยาแน่นอนว่าไม่สามารถทดแทนต้นทุเรียนที่เสียหายไปได้ แต่เป็นการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรที่เกิดขึ้นถ้วนหน้า ที่สำคัญคือหน่วยงานภาครัฐ จะได้หาทางแก้ไขให้การระบายน้ำในพื้นที่วังแซ้ม ไหลออกสู่แม่น้ำจันทบุรีได้รวดเร็วกว่านี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี