ตร.ระดมไล่ล่าคนร้าย
ฆ่าโหดเผานั่งยาง3ศพ
แกะรอยวงจรปิด
มุ่งคนรู้จักผู้ตาย
ตำรวจระดมกำลังร่วม 100 นาย ไล่ล่ากลุ่มคนร้าย ฆ่าโหดเผานั่งยาง 3 ศพ ในสวนปาล์มน้ำมัน สะเทือนขวัญ ส่วนอีก 1 ศพที่เสียชีวิตมาแล้ว 2-3 สัปดาห์คาดเป็นฝีมือกลุ่มเดียวกัน แกะรอยกล้องวงจรปิดทุกเส้นทาง ตั้งปมขัดแย้งผลประโยชน์เรื่องการจัดเก็บปาล์มน้ำมัน
เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีฆาตกรรมก่อนอำพรางศพด้วยการเผานั่งยางในร่องคูน้ำ ภายในสวนปาล์มน้ำมัน พื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง โดยเบื้องต้น มีรายงานว่า นายศุภกรณ์ หรือบิน (สงวนนามสกุล) อายุ 37 ปี ชาว ต.กะลาเส อ.สิเกา ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีดีดังกล่าว เนื่องจากรู้จักกับ นายสุรเชษฐ์ ล้วนเกียรติขจร หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี หนึ่งในผู้เสียชีวิต อีกทั้ง นายศุภกรณ์ ยังเป็นผู้จัดการสวนปาล์มน้ำมันเนื้อที่ 36 ไร่ซึ่งอยู่ติดต่อกับสวนปาล์มน้ำมันเนื้อที่ 100 กว่าไร่ ที่นายสุรเชษฐ์ เป็นผู้จัดการและดูแลอยู่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตำรวจยังไม่ได้มีการขอศาลอนุมัติออกหมายจับบุคคลใดในคดีนี้ โดยมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ทั้งในและนอกเครื่องแบบจาก กองปราบปราม (บก.ป) ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.9 ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.จว.ตรัง ชุดสืบสวน สภ.สิเกา และที่เกี่ยวข้อง ร่วม 100 นาย ปูพรมออกติดตามตัวผู้ก่อเหตุ พร้อมทั้งแสวงหาพยานหลักฐานทั้งหมด ทั้งกล้องวงจรปิดเส้นทางหลบหนีของคนร้าย ที่อาจจะเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มของคนร้าย
ทั้งนี้ช่วงใกล้ค่ำของวันที่ 11 พ.ค. 2568 เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจสอบร้านจำหน่ายล้อรถยนต์ ซึ่งอยู่ในรัศมีใกล้เคียงกับจุดเกิดเหตุ ริมถนนสายตรัง-สิเกา แต่อาจจะไม่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคนร้าย โดยสันนิษฐานไว้ว่าอาจจะเป็นแหล่งที่กลุ่มคนร้ายจะมาซื้อหรือนำยางล้อรถยนต์ไปก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดในส่วนนี้ และในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกบุคคลใกล้ชิด และคนในครอบครัว มาสอบปากคำแล้วจำนวนกว่า 10 ปาก พร้อมประสานให้ญาติผู้เสียชีวิตเข้ามาตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันกับตัวบุคคลที่เสียชีวิต
ด้านเพื่อนสนิท กล่าวว่า นายสุรเชษฐ์ หรือโกเชษฐ์ เป็นคนดี เป็นคนที่สังคมรักและยอมรับ เดิมเป็นชาว อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช แต่ย้ายมาอยู่ใน อ.ทรายขาว จ.กระบี่ โดยมาเป็นผู้จัดการมาดูแลสวนปาล์มแห่งนี้เป็นระยะเวลาหลายปีแล้ว ขณะที่ นายเกษม เกลือมีผล อายุ 60 ปี เพื่อนร่วมงาน กล่าวว่า โกเชษฐ์เป็นคนอัธยาศัยดี ซึ่งเป็นผู้จัดการสวนปาล์มน้ำมันของทีมนาบอน โดยทำงานให้กับบริษัทฯ ในนามทีมนาบอน ซึ่งดูแลสวนปาล์มบางสวน บางแปลงรวมทั้งหมดที่ดูแลหลักหลายพันไร่ โดยจะเป็นผู้ดูแลให้ทั้งหมด จะนำคนงานมาตัดหญ้าและใส่ปุ๋ยให้
อีกทั้งโกเชษฐ์ เป็นกรรมการกลุ่มวิสาหกิจชุมชนร่วมกับตน ซึ่งตนร่วมงานกับโกเชษฐ์มากว่า 10 ปีแล้ว นิสัยส่วนตัวของโกเชษฐ์เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม และเป็นคนที่จริงใจ ก่อนเกิดเหตุทราบว่าโกเชษฐ์ได้รับแจ้งว่ามีคนเข้ามาตัดไม้ภายในสวนปาล์มที่ดูแลอยู่จึงนำลูกน้องมาดู กระทั่งตนทราบข่าวจากทีมงานว่าโกเชษฐ์ถูกฆ่าเผานั่งยางช่วงเวลา 05.30 น. ของวันที่ 11 พ.ค. 2568
ส่วนคนงาน 2 คนที่ถูกฆ่าเผานั่งยางด้วยนั้นเป็นคนงานที่ประจำอยู่ในบริษัทฯ ซึ่งในส่วนของสาเหตุต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบให้ละเอียด ที่ผ่านมาเท่าที่ทราบโกเชษฐ์ไม่เคยมีปัญหาหรือขัดแย้งกับใครมาก่อน ตอนนี้คนในพื้นที่ก็ขวัญผวากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะคนร้ายก่อเหตุอุกอาจ ซึ่งปัญหาที่มีการลักขโมยปาล์มน้ำมันนั้นมีมาก จนต้องขอความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐให้เข้ามาแก้ปัญหาการลักปาล์ม
นายมานิตย์ ท่าจีน นายอำเภอสิเกา กล่าวว่า ช่วงก่อนหน้านี้ในพื้นที่ ต.กะลาเส อ.สิเกา ได้รับเรื่องการขโมยผลปาล์มน้ำมัน จึงได้ดำเนินการป้องปรามร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมประสานกับพื้นที่รับซื้อปาล์มน้ำมัน สำนักงานพาณิชย์จังหวัดลงตรวจพื้นที่ บางส่วนก็แก้ปัญหาไปแล้ว จนประมาณ 1 เดือนกว่าๆ ที่ผ่านมาปัญหานี้ก็เงียบไป ส่วนการคัดกรองคนเข้า - ออกพื้นที่นั้นก็ได้สั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ให้รายงานข้อมูล เบื้องต้นแนวทางการสอบสวนในประเด็นฆ่าเผานั่งยาง น่าจะมุ่งไปในประเด็นขัดแย้งผลประโยชน์ในเรื่องของการจัดเก็บปาล์มน้ำมัน
ส่วนโครงกระดูก และร่างมนุษย์บางส่วนที่ถูกพบเพิ่มเติม หลังถูกฆาตกรรมมาแล้วประมาณ 2-3 สัปดาห์นั้น น่าจะไม่มีความเชื่อมโยงกันกับเหตุการณ์นี้ แต่บุคคลที่ก่อเหตุอาจจะเป็นกลุ่มเดียวกัน เนื่องจากมีพฤติการณ์ที่คล้ายกัน โดยทราบว่าทาง พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 จะได้เดินทางมาประชุมติดตามคดีที่ สภ.สิเกา อีกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่พยายามแกะรอยรถ และบุคคลจากกล้องวงจรปิดริมถนนเส้นทางเข้าออกทุกเส้นทาง รวมทั้งร้านค้าบ้านเรือน และบริเวณแยกไฟแดงสำคัญต่างๆ
รวมทั้งตรวจสอบแหล่งขายยางรถยนต์ ซึ่งคนร้ายซื้อมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทั้งในระยะใกล้ และตรวจสอบย้อนหลังในห้วงระยะเวลา 1 เดือน ขณะเดียวกันที่ สภ.สิเกา ทางพนักงานสอบสวนก็ได้เรียกบุคคลใกล้ชิดคนในครอบครัวมาสอบปากคำ เพื่อเร่งแกะรอยคนร้าย ขณะที่ทาง พล.ต.ต.ภัทรวิชญ์ คีตโมทนียกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง บอกสั้นๆ ว่า ขอเวลาเจ้าหน้าที่ทำงานอีกนิด เชื่อว่าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น และจะแจ้งผลความคืบหน้าให้ได้รับทราบ
สำเหรับเหตุฆาตกรรมสะเทือนขวัญครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตที่สามารถระบุตัวตนได้ 3 ราย คือ 1.นายสุรเชษฐ์ ล้วนเกียรติขจร หรือโกเชษฐ์ อายุ 69 ปี ชาวหมู่ 6 ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ 2.นายอนันต์ โตชนก อายุ 49 ปี ชาวหมู่ 6 ต.ขุนทะเล อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช และ 3.นายวีระยุทธ ตั้นหนูลา อายุ 41 ปี ชาวหมู่ 7 ต.หนองบัว อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งนายอนันต์และนายวีระยุทธ เป็นลูกน้องของโกเชษฐ์
โดยคาดว่าผู้ก่อเหตุมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 4-5 คน และรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ได้ใช้อาวุธปืนยิงทั้ง 3 คนจนเสียชีวิตก่อนนำศพไปเผานั่งยางในร่องคูน้ำ พร้อมทั้งนำรถยนต์ยี่ห้อ มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน และโทรศัพท์มือถือของผู้เสียชีวิตไปด้วย ก่อนมีคนไปพบและแจ้งเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 11พ.ค. 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งในระหว่างการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ยังพบโครงกระดูกพร้อมร่างมนุษย์บางส่วนถูกเผานั่งยางและฝังดินอยู่ในสวนปาล์มน้ำมันห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 200 เมตรด้วย โดยศพที่พบเพิ่มเป็นรายที่ 4 นี้คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 สัปดาห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี