กำลังตำรวจอาวุธครบมือ! ปิดล้อมเทือกเขาบรรทัด ‘บ้านเขาหลัก’ ไล่ล่าติดตามตัว ‘ไอ้บิน ควนกุน’ พร้อมทีมฆ่ายิง-เผานั่งยางในสวนปาล์มน้ำมันโหดเหี้ยม 4 ศพ หลังสืบทราบว่าหนีมากบดานอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้ พร้อมแจกใบปลิวหน้าคนร้ายให้ชาวบ้านแจ้งเบาะแส ด้าน ตร.ประกาศชัด จับตายทันที หากคนร้ายคิดต่อสู้
วันที่ 14 พฟษภาคม 2568 ภายหลังจากมีการออกหมายจับ ผู้ต้องหา 4 คน ประกอบด้วย หัวโจกคือ นายศุภกรณ์ หรือ ‘ไอ้บิน ควนกุน’ อายุ 37 ปี ส่วนอีก 3 คือนายจรณชัย หรือแต้ม อายุ 32 ปี นายปิยะศักดิ์ หรือแจ๊ค อายุ 33 ปี และนายรพีพันธ์หรือเถือก อายุ 36 ปี ในคดีร่วมกันยิงและฆ่าเผานั่งยางอย่างโหดเหี้ยม ภายในสวนปาล์มน้ำมันพื้นที่ หมู่ 1 ต.กะลาเส อ.สิเกา จ.ตรัง จำนวน 4 ศพ เมื่อวันที่ 10 พ.ค.68 ที่ผ่านมา
ความคืบล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.รัฐกร ภักดีวานิช ผกก.สส.ภ.จว.ตรัง พ.ต.ต.ศิวกรณ์ แป้นไทย สว.กก. สส.ภ.จว.ตรัง นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฎิบัติการพิเศษศรีตรัง (หน่วยสวาทศรีตรัง) กำลังตำตรวจ กก.สส.ภ.จว.ตรัง บก.สส.ภ.9 ชาวบ้านและฝ่ายปกครอง ร่วม 60 นาย เดินเท้าขึ้นไปยังเทือกเขาบรรทัด บ้านเขาหลัก ต.น้ำผุด อ.เมืองตรัง ภายในเขตอุทยานแห่งชาติเขาปู่-เขาย่า ซึ่งสภาพเป็นป่ารกทึบ และมีความสูงชัน เพื่อไล่ล่ากดดัน และติดตามตัว แก๊งคนก่อเหตุ หลังวานนี้ (13 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ได้พบรถกระบะ ที่ใช้ในการก่อเหตุขนล้อยางรถยนต์ที่นำไปใช้เผานั่งยาง ถูกจอดอยู่บริเวณหลังบ้านของนายกบ (สงวนชื่อ-นามสกุล) ซึ่งเป็นพ่อของนายแต้ม 1 ในผู้ก่อเหตุ อยู่ในพื้นที่เขตรอยต่อระหว่าง อ.เมือง จ.ตรัง กับ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง และมีพื้นที่ที่ติดกับเขาหลัก จึงเชื่อได้ว่าคนร้ายทั้งหมดน่าจะหลบหนีอยู่บนเทือกเขาแห่งนี้
ทั้งนี้ได้มีการเข้าปิดล้อมขนำ ซึ่งเป็นของชาวบ้านถูกปลูกสร้างเอาไว้บนเทือกเขาจำนวนหลายขนำ จากทั้งหมดประมาณ 27 ขนำ ในเบื้องต้นยังไม่พบตัวกลุ่มคนร้าย โดยในพื้นที่นี้ถือว่า เป็นพื้นที่ที่ผู้ก่อเหตุคุ้นชิน โดยเฉพาะตัวนายแต้ม เคยพักอาศัยอยู่ที่พื้นที่นี้ และที่ผ่านมานายบิน เคยมาอยู่ในพื้นที่แห่งนี้กับนายแต้ม ประกอบกับสายข่าวของตำรวจ สืบทราบว่า ผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน น่าจะกบดานอยู่บนเทือกเขา จึงใช้กำลังเข้าพื้นที่ปิดล้อมกดดันให้มามอบตัว พร้อมกับแจกใบปลิวรูปภาพใบหน้าของผู้ก่อเหตุทั้ง 4 คน ซึ่งเป็นบุคลตามหมายจับ กระจายข่าวสารให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ถ้าหากพบเห็นให้ช่วยแจ้งเบาะแส เบอร์ตรง 191
นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการประกาศชัดเจนว่า หากผู้ก่อเหตุคิดต่อสู้ ก็จะดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยการจับตายทันที แต่ย้ำว่าจะปฏิบัติการในครั้งนี้จะใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และสั่งชุดปฏิบัติการทำงานอย่างระมัดระวัง เนื่องจากสายข่าวแจ้งว่า คนร้ายมีอาวุธปืนยาวและอาวุธปืนสั้น ติดตัวทุกคนอยู่ด้วย
สำหรับเขาหลัก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ มีทั้งน้ำตก ถ้ำ ศูนย์การเรียนรู้ โฮมสเตย์ และผู้นำชุมชนได้ทำวิสาหกิจชุมชนเปิดกิจกรรมพายเรือล่องแก่ง โดยได้ทำจุดชมวิวตามทางไว้สำหรับนักท่องเที่ยว ดังนั้นการค้นหาในครั้งนี้ ไม่น่าจะซับซ้อน
ทางด้าน นายสวัสดิ์ ขุนนุ้ย อายุ 58 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 7 บ้านเขาหลัก บอกว่า หลังจากตำรวจออกหมายจับคดีนี้ พบว่า 1 ใน ผู้ก่อเหตุ คือ นายแต้ม เคยเป็นเด็กในพื้นที่มาก่อน ชาวบ้านก็ช่วยเป็นหูเป็นตา จนมีเบาะแสทราบมาว่า นายแต้ม ได้พาพวกหลบหนีในพื้นที่ ซึ่งถ้าเป็นไปตามที่ตนคาดการณ์ มองว่าสภาพแวดล้อมภายในหมู่บ้านเอื้ออำนวยแก่การหลบหนี โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขาที่มีสวนยางและ ขนำของชาวบ้านด้านบน สามารถเป็นพักพิงให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุได้ แต่ในพื้นที่นี้มีความกว้างถึง 2,000 ไร่ หากคุ้นชินเส้นทางก็สามารถหลบหนีข้ามไปยังจังหวัดอื่นได้ เนื่องจาก ฝั่งทิศตะวันออก สามารถไปยังพื้นที่อำเภอศรีบรรพต จังหวัดพัทลุง ส่วนทิศเหนือ สามารถทะลุไปยัง จังหวัดนครศรีธรรมราชได้
สำหรับตนเอง อยากบอกกับนายแต้มว่า ถ้าสำนึกผิดกลับตัวได้ ก็อยากให้ใช้โอกาสนี้ในการมอบตัว พร้อมยืนยันว่านายแต้ม ไม่ใช่คนหัวรุนแรงตั้งแต่เด็ก เนื่องจากในอดีต ก็เป็นคนขับรถส่งนักเรียน ทำอาชีพสุจริต แต่เมื่อย้ายไปอยู่กับภรรยาที่อำเภอสิเกา ก็น่าจะทำให้แวดล้อมเปลี่ยนไป ซึ่งตนเองก็ไม่คาดคิดว่านายแต้ม จะร่วมก่อเหตุในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ยืนยันว่านายแต้มไม่น่าจะมีความคิด ในการตอบโต้หรือต่อสู้ตำรวจอย่างแน่นอน แต่กับผู้ต้องหาที่เหลือตนไม่สามารถคาดเดาอารมณ์ได้ ส่วนเบาะแสที่ คาดว่า 4 คนร้าย หนีขึ้นไปกบดานบนภูเขาท้ายหมู่บ้านนั้น ไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน เนื่องจากในอดีตพื้นที่นี้เป็นพื้นที่สีแดง (คอมมิวนิสต์) ที่เคยเกิดการปะทะกันตั้งแต่อดีต ทำให้ชาวบ้านมีความคุ้นชิน กับสถานการณ์นั้นและรู้วิธีการอยู่อย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตามวานนี้ (13 พ.ค.) ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล รอง ผบก.สส.ภ.9 ปล่อยแถวนำทีมกระจายกำลังเข้าไปปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมาย 5 จุด บุคคลที่เกี่ยวของกับคดีดังกล่าว โดยจุดที่สำคัญ ตำรวจนำกำลังเข้าตรวจค้นที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านของ อดีต อส.จ.ตรัง รายหนึ่ง ซึ่งฐานข้อมูลของชุดทำงาน พบว่ามีความเกี่ยวข้องกับนายบิน ผู้ต้องหาสำคัญ ซึ่งได้แสดงหมายค้นให้กับลูกชาย และนำตรวจค้นภายในบ้านพักไม่พบหลักฐานความผิดแต่อย่างใด
จุดต่อมาบริเวณบ้านของนายบิน เจ้าหน้าที่ก็ได้แสดงหมายค้นให้กับญาติทราบ ก่อนเข้าทำการตรวจค้นซึ่งยังไม่พบว่าผู้ต้องหากลับมาอยู่ที่บ้านหรือหลักฐานเชื่อมโยงแต่อย่างใด ส่วนอีก 3 จุดที่เหลือเป็นบ้านพักของผู้ต้องหาอีก 3 คน เจ้าหน้าที่จะเก็บหลักฐานเพิ่มเติมเร่งจับกุมกลุ่มผู้ก่อเหตุต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี