191 รวบเจ้าบ่าวปราจีนฯ ลักลอบขนยาบ้ากว่า 5 ล้านเม็ด เตรียมกระจายเข้ากรุง

ตามนโยบายการบริหารราชการของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ.2568 โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร./ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี ที่ปรึกษาพิเศษ ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ. ศอ.ปส.ตร., พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผู้ช่วย ผบ.ตร./รอง ผอ.ศอ.ปส.ตร. ได้มอบนโยบาย ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจป้องกันและปราบปรามการตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี มุ่งเน้นข้อหา ความผิดร้ายแรง ได้แก่ การครอบครองยาเสพติดเพื่อการค้าจำหน่าย ผลิต นำเข้า ส่งออกสมคบ สนับสนุน ช่วยเหลือแก่กลุ่มเครือข่ายยาเสพติด

กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น., พล.ต.ต.วสันต์ เตชะอัครเกษม รอง ผบช.น., พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น., พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น. และ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ รอง ผบช.น.  กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ โดย พล.ต.ต.วรวิทย์ ญาณจินดา ผบก.สปพ.,ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาใน เครือข่ายยาเสพติดวันเวลาจับกุม/ตรวจยึด สถานที่จับกุม/ตรวจยึด วันที่ 15 พฤษภาคม 2568 เวลาประมาณ 08.00 น.บริเวณ ถนนบ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จับกุมผู้ต้องหา จำนวน 1 ราย คือ นายเม่น อายุ 22 ปี หนุ่มชาวจังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งมีสถานะเป็น “เจ้าบ่าวป้ายแดง” ผู้ต้องหา โดยกล่าวหาผู้ต้องหา ว่า “ร่วมกันกับพวกที่หลบหนีจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1(ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และกระทำโดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน และพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว”

พร้อมด้วยของกลาง 1. ยาบ้า จำนวนประมาณ 5,140,000 เม็ด 2. อาวุธปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 กระบอก 3. ลูกกระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 10 นัด 4. รถยนต์กระบะ ยี่ห้อ มาสด้า จำนวน 1 คัน 5. โทรศัพท์มือถือ จำนวน 1 เครื่อง

พฤติการณ์กล่าวคือ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดลักลอบจำหน่ายยาเสพติดในพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยกลุ่มจะใช้รถยนต์หลายคันในการลักลอบไปรับยาเสพติดจากบริเวณพื้นที่ริมโขง จ.อำนาจเจริญ แล้วบรรทุกยาเสพติดกลับมาเก็บซุกซ่อนภายในบ้านของตนบริเวณพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี เพื่อรอส่งยาเสพติดให้กับลูกค้าในพื้นที่ อ.ลำลูกลูกกา จ.ปทุมธานี ต่อมาในวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับและการทำสืบสวนเพิ่มเติมจนทราบว่ากลุ่มเคลื่อนขึ้นไปรอรับยาเสพติดบริเวณริมโขง พื้นที่ จ.อำนาจเจริญ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสะกดรอยติดตามจนเชื่อว่ากลุ่มเครือข่ายยาเสพติดได้เดินทางไปรอรับยาเสพติดจริง และจะนำยาเสพติดกลับมาเก็บซุกซ่อนไว้ที่บ้านของกลุ่มฯ ในพื้นที่ ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ โดยผู้บังคับบัญชามีคำสั่งให้ตรวจค้นจับกุมเป้าหมาย

จนกระทั่งในวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 กลุ่มผู้ต้องหาได้ขับรถยนต์ จำนวน 3 คัน ไปรับยาเสพติดบริเวณ ถนนริมแม่น้ำโขง จ.อุบลราชธานี เชื่อว่ากลุ่มเครือข่ายได้รับยาเสพติดแล้ว โดยใช้รถยนต์ เป็นคันบรรทุกยาเสพติด และมีรถยนต์อีกจำนวน 2 คันทำหน้าที่ขับนำและคอยระวังเส้นทางเพื่อลำเลียงยาเสพติดมาส่งให้กับลูกค้าบริเวณพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สะกดรอยติดตาม กระทั่งรถยนต์ ขับเข้าบริเวณพื้นที่ ถ.บ้านหนองหอย ต.ศรีมหาโพธิ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี โดยขับใช้ถนนเส้นรองทะลุเพื่อจะนำยาเสพติดเข้าไปเก็บภายในบ้านของกลุ่มฯ แต่เนื่องจากรู้ว่าถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจึงเร่งความเร็วและขับหลบหนีการจับกุมจนมาชนรถยนต์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจค้น โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาซึ่งเป็นคนขับรถคันดังกล่าวไว้ได้ จากนั้นได้ตรวจค้นภายในรถยนต์บรรทุกฯ พบยาบ้าของกลางประมาณ 5,140,000 เม็ด บรรจุอยู่ภายในกระสอบ ซุกซ่อนอยู่ภายในห้องโดยสารของรถยนต์กระบะ

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมแจ้งสิทธิให้ผู้ต้องหาทราบสำหรับรถยนต์อีกสองคันที่คอยขับนำทางได้ขับรถหลบหนีไปในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แสดงตัวขอตรวจค้นผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ควบคุมผู้ต้องหา พร้อมของกลาง นำตัวผู้ต้องหาไปทำบันทึกจับกุมและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ที่ กก.สายตรวจ บก.สปพ. และจะทำการซักถามขยายผลถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง และนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป