‘ปานเทพ’ พาผู้เสียหายร้านทองกว่า 40 ราย จี้ตำรวจติดตามสอบถามความคืบหน้าคดีบริษัทชักชวนลงทุน หลังจากผ่านไปร่วม 2 เดือน มูลค่าความเสียหายพุ่งกว่า 600 ล้านบาท
วันนี้ (22 พ.ค.) ที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) ถนนพหลโยธิน เขตจตุจักร กทม.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต พร้อมด้วยกลุ่มผู้เสียหายกว่า 40 ราย ที่เคยเข้าแจ้งความกับตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เมื่อวันที่ 31 มีนาคม และ 18 เมษายน 2568 กรณีถูก บริษัทแห่งหนึ่ง ฉ้อโกงและยักยอกทรัพย์ เดินทางมาติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากแจ้งความผ่านไปนานร่วม 2 เดือน โดยมีผู้เสียหายรวมทั้งหมดกว่า 100 ราย รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 600 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านค้าปลีกทอง
นายปานเทพ กล่าวว่า ผู้เสียหายเดินทางมาครั้งนี้ เพราะต้องการ 1.สอบถามความคืบหน้าของคดี เพราะยังพบว่าแอปพลิเคชั่นของร้าน ยังเปิดทำงานอยู่ 2.ต้องการยื่นคำร้องเพิ่มเติมให้สอบสวนบุคคลเป้าหมายที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมต่างๆในการซื้อขายฝากทองคำ ชักชวนคนมาแต่ลูกค้า 8 คน พร้อมดูเส้นทางการเงิน 3.สิ่งที่ทางตำรวจเห็นว่าเป็นประโยชน์ต้องการสอบเพิ่มเติม ต้องการให้เร่งรัดคดี โดยขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหา อายัดบัญชีธนาคาร เพื่อบรรเทาความเสียหาย ก่อนที่ทรัพย์สินเหล่านั้นจะหายไป
ทั้งนี้ พฤติการณ์การฉ้อโกงของบริษัทดังกล่าว แม้ว่าจะเปิดทำธุรกิจมานานนับ 10 ปี แต่เพิ่งมาเกิดปัญหาไม่สามารถซื้อทองคำหรือโอนเงินให้ลูกค้าได้เมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งทางผู้เสียหายเชื่อว่าผู้บริหารและพนักงานของบริษัท มีการวางแผนเป็นขั้นตอน ไร้ความรับผิดชอบ โดยความเสียหายเกิดขึ้นช่วงวันที่ 13-27 มีนาคม 2568 มีลักษณะแตกต่างกัน บางรายขายทองแต่ไม่ได้รับเงิน ผู้เสียหายได้ส่งมอบทองให้กับบริษัทตามกำหนด แต่ถึงวันนัดรับเงินกลับไม่ได้รับชำระ บางรายถอนทองคำที่ฝากไว้เป็นหลักประกันไม่สามารถถอนคืนได้ โดยบริษัทอ้างว่าไม่มีทองคำให้ บางรายนำทองรูปพรรณเก่าไปส่งเพื่อรีไฟน์เป็นทองแท่ง เมื่อถึงวันนัดรับทองแท่ง กลับไม่ได้รับทอง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้เสียหายได้รวมตัวกันและทราบภายหลังว่า บริษัทแห่งนี้ เริ่มไม่จ่ายเงินให้กับลูกค้ารายแรก มูลค่า 116 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่บริษัทยังคงดำเนินการรับซื้อทองอย่างต่อเนื่อง โดยจูงใจให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดและขอรับทองไปก่อน ทั้งที่ทราบดีว่าสถานะทางการเงินของบริษัทไม่สามารถชำระคืนลูกค้าได้ ที่น่าตกใจคือบริษัทนำทองของผู้เสียหายไปขายให้กับโบรกเกอร์รายใหญ่ ซึ่งจะสามารถนำเงินมาชำระคืนผู้เสียหายได้ แต่บริษัทกลับปฏิเสธว่าไม่มีเงินจ่ายคืน และบ่ายเบี่ยงเมื่อถูกทวงถามเพื่อขอทองคืนว่าทองไม่มีแล้ว
สำหรับลำดับเหตุการณ์คดีนี้ เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2568 ผู้เสียหายรวมตัวกันครั้งแรก หลังบริษัท SCT ซึ่งเป็นบริษัทค้าส่งทองคำรายหนึ่งของสมาคมค้าทองคำ ย่านวังบูรพา ประกาศปิดตัวชั่วคราว ก่อให้เกิดความเสียหายกว่า 400 ล้านบาทตามที่เป็นข่าว ต่อมาวันที่ 18 เมษายน 2568 ผู้เสียหายได้รวมตัว ขอให้นายปานเทพ เป็นตัวแทนผู้เสียหายในการเรียกร้องผ่านสื่อมวลชน เพื่อร้องขอความยุติธรรม
ทั้งนี้ ตลอดช่วงเดือนเมษายน-ปัจจุบัน บริษัทดังกล่าวติดต่อลูกค้าหลายราย ให้เซ็นเอกสารไม่ดำเนินคดีทางแพ่งและอาญากับบริษัท อ้างว่าจะโอนเงินคืน แต่เท่าที่กลุ่มผู้เสียหายทราบ เป็นเพียงการโอนคืนรายย่อยเพียงเล็กน้อย เสมือนเป็นการเยียวยาเพื่อสร้างหลักฐานว่าได้บรรเทาความเสียหายแล้ว เพื่อเจตนาจะเปลี่ยนคดีอาญาให้เป็นคดีทางแพ่ง
คดีนี้นายปานเทพ และกลุ่มผู้เสียหาย มีความเคลือบแคลงสงสัย ว่าการกระทำของบริษัทน่าจะมีเจตนาฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ เพราะมีการวางแผนเป็นขั้นตอน ตั้งใจวางแผนเร่งส่งทอง เชิญชวนซื้อทองขายทองด้วยโปรโมชั่นต่างๆ ก่อนจะปิดบริษัทไป
นอกจากนี้ผู้เสียหายยังตั้งข้อสังเกตต่อการบริหารงานของบริษัท ว่ามีเจตนาเร่งรัดการส่งทอง แม้จะรู้ตัวว่าไม่สามารถจ่ายเงินและส่งคืนทองได้ แต่กลับมีเจตนาให้พนักงานโทรศัพท์ชวนให้เร่งส่งทองและส่งเงิน บ่ายเบี่ยงการคืนเงินและทอง หลังจากประกาศปิดบริษัท ได้แจ้งให้รอโดยไม่สามารถระบุเวลาคืนได้ อ้างแต่เพียงว่ารอประชุมผู้บริหาร ตัดขาดการติดต่อตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าบริษัทเริ่มแสดงเจตนาถึงการไม่รับผิดชอบ ตัดขาดการติดต่อกับลูกค้าบางรายที่มียอดหนี้สูง
015
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี