แอม ไซยาไนด์  สู้คดีวางยาเหยื่อ3 คดี  ศาลนัดสืบพยานโจทก์-จำเลยต้นปี 69

วันที่ 9 มิถุนายน 2568ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีฆาตกรรมวางยาพิษ ที่มีนาง สรารัตน์  หรือแอม ไซยาไนด์ เป็นจำเลย รวม 3 คดี ได้แก่ คดีหมายเลขดำ อ.839/2568 คดีหมายเลขดำ อ.1192/2568 และคดีหมายเลขดำ อ.1193/2568 ซึ่งมีพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง 

โดยวันนี้ศาลได้เบิกตัวแอมไซยาไนด์ จากทัณฑสถานหญิงกลางมาศาล

ขณะที่บรรยากาศภายในห้องพิจารณาคดี มีเพียงพนักงานอัยการฝ่ายโจทก์กับทนายความของแอม ไซยาไนด์  ไม่ปรากฏว่ามีญาติของผู้ตาย รวมทั้ง น.ส.ธันย์นิชาเอกสุวรรณวัตร์ หรือทนายพัช และ พ.ต.ท.วิฑูรย์  อดีตสามี เดินทางมาร่วมฟังการพิจารณาคดีแต่อย่างใด 

สำหรับคดีหมายเลขดำ อ.839/2568 เป็นคดีการเสียชีวิตของนางมณฑาทิพย์ ขาวอินทร์ ซึ่งได้กล่าวหาแอม ไซยาไนด์จำนวน 4 ข้อหา ได้แก่ ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ปลอมปนอาหารให้บุคคลอื่นใช้และการปลอมปนนั้นเป็นแห่ผู้อื่นหรือแก่ความตายลักทรัพย์ และลักทรัพย์ในเวลากลางคืน จากการสอบคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นางสรารัตน์ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา 

โดยคดีดังกล่าว พนักงานอัยการฝ่ายโจทก์ได้ขอสืบพยาน จำนวน 31 ปาก ประกอบไปด้วย เครือญาติของผู้ตาย เพื่อนผู้ตาย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ส่วนฝั่งจำเลยขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานใหม่ เนื่องจากติดขัดปัญหาเอกสารไม่ครบ แต่เบื้องต้นจะยื่นสืบพยาน 7 ปาก ประกอบไปด้วย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ สามีของผู้ตาย รวมถึง พ.ต.ท.วิฑูรย์ รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามี

นอกจากนี้ศาลสอบคำให้การจำเลยและตรวจพยานเอกสาร คดีดำ อ.1192/2568 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษฝ่ายคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง

ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยให้การปฎิเสธ

ศาลสอบถามแนวทางต่อสู้คดีของจำเลย ซึ่งจำเลยแถลงว่า จำเลยกับน.ส.กรรณิกา ตุลาเดชานุรักษ์ ผู้ตายรู้จักกันเป็นเพื่อนของเพื่อน นอกจากนี้จำเลยไม่ได้นำสารพิษโพแทสเซียมไซยาไนด์ปลอมปนใส่ลงในอาหารให้ผู้ตายรับประทาน จำเลยไม่เคยหลอกลวงผู้ตายและไม่เคยเอาทรัพย์ของผู้ตายไป

ต่อมาโจทก์แถลงว่า มีเอกสารที่จะให้จำเลยตรวจสอบรวม 31 ฉบับ ขณะที่ทนายความจำเลยแถลงไม่มีพยานเอกสารหรือพยานวัตถุที่จะส่งต่อศาล โจทก์แถลงขอสืบพยานรวม 27 ปาก ใช้เวลา 5 นัด จำเลยแถลงขอสืบพยาน 4 ปาก ใช้เวลา 1 นัด

ศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้สืบพยานโจทก์ 5 นัด สืบพยานจำเลย 1 นัด รวมทั้งหมด 6 นัด โดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 19 พฤษภาคม 2569 ส่วนคดีดำอ.1193/2568 ศาลอ่านและอธิบายคำฟ้องให้จำเลยฟังแล้ว จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลสอบถามแนวทางต่อสู้คดีของจำเลย ซึ่งจำเลยแถลงว่าจำเลยกับนางมณีรัตน์ พจนารถ ผู้ตายรู้จักกัน ผู้ตายเป็นพี่สาวของสะใภ้ของจำเลย และจำเลยไม่ได้นำเอกสารโพแทสเซียมไซยาไนด์ปลอมปนใส่ในอาหารให้ผู้ตายรับประทาน

โจทก์แถลงว่ามีพยานเอกสารที่จะให้จำเลยตรวจสอบรวม 21 ฉบับ ซึ่งศาลรับไว้ ขณะที่ทนายความจำเลยแถลงไม่มีพยานเอกสารและพยานวัตถุที่จะส่งในวันนี้

ต่อมาโจทก์แถลงต่อศาลขอส่งสืบพยานรวม 20 ปาก ใช้เวลา 4 นัด ส่วนทนายความจำเลยแถลงขอส่งเอกสาร 5 ปาก ใช้เวลา 1 นัด

พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้สืบพยานโจทก์ 4 นัด และสืบพยานจำเลย 1 นัด รวมทั้งหมด 5 นัด โดยกำหนดนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 21 เมษายน2569 

ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ ศาลอาญามีคำพิพากษาประหารชีวิต สถานเดียวนางสรารัตน์ คดีการเสียชีวิต น.ส.ศิริพร ขันวงษ์  หรือก้อยนอกจากนี้ ศาลยังได้พิพากษาจำคุก 2 ปีจำเลยอีก 2 คนในกรณีช่วยเหลือซ่อนเร้นทำลายหลักฐาน เพื่อให้แอม ไซยาไนด์ รับโทษน้อยลง คือ น.ส.ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัตร์ หรือทนายพัช และ พ.ต.ท.วิฑูรย์  รังสิวุฒาภรณ์ อดีตสามี และอดีต รอง ผกก.สภ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ซึ่งต่อมาศาลได้ลดโทษ 1 ใน 3 ของ พ.ต.ท.วิฑูรย์ ให้จำคุกแค่ 1 ปี 4 เดือน เนื่องจากให้การเป็นประโยชน์ โดยทั้งสองคนได้รับการประกันตัวในระหว่างอุทธรณ์ต่อสู้คดี 

โดยนางสรารัตน์ ยังเหลือคดีที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและข้อหาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องที่อยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอีกหลายคดี.