ส.ว.ลงพื้นที่ชายแดนเขาพระวิหาร ตรวจเยี่ยมความพร้อมชาวบ้าน รับมือสถานการณ์ตึงเครียดไทย-กัมพูชา
คณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชน ลงพื้นที่บ้านภูมิซรอล อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อประเมินความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความปลอดภัยจากท่าทีผู้นำกัมพูชา หลังเคยเป็นพื้นที่กระสุนตกเมื่อปี 2554 ด้านชาวบ้านเสนอขอปรับปรุงหลุมหลบภัยและเรียกร้องสิทธิ์ทำกินในพื้นที่เดิมที่ติดชายแดน
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2568 เวลา 09.00 น.ที่ศาลาประชาคม บ้านภูมิซรอล หมู่ 12 ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนโครงการสมาชิกวุฒิสภาพบประชาชนกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ตอนล่าง) และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะประชาชนชาวตำบลเสาธงชัย ซึ่งเป็นพื้นที่ชายแดนไทยติดกับกัมพูชา และเคยได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งกรณีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2554 จนเป็นพื้นที่กระสุนตกและต้องมีการอพยพประชาชนกว่า 2,000 คนจาก 13 หมู่บ้าน
การลงพื้นที่ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐบาลไทยในการให้ความปลอดภัยจากท่าทีของผู้นำกัมพูชา รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะและปัญหาความเดือดร้อนต่างๆ ในพื้นที่ โดยมีนายสุริยา บุตรจินดา รองผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ, จ่าเอก สมควร สิงห์คำ นายอำเภอกันทรลักษ์ พร้อมด้วยส่วนราชการ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้านร่วมให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
คณะ ส.ว. ได้รับฟังปัญหา ความคิดเห็น ความต้องการ และข้อเสนอแนะจากประชาชนในพื้นที่อย่างตั้งใจ โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยจากสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา การเตรียมความพร้อมรับมือ การบริหารจัดการหากเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนของหน่วยงานต่างๆ อย่างทันท่วงที ทั้งแผนการอพยพและการดูแลประชาชนที่ต้องทิ้งบ้านเรือน
นายวีระยุทธ์ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย ได้กล่าวรายงานต่อคณะสมาชิกวุฒิสภาฯ ถึงความพร้อมด้านหลุมหลบภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งร้องขอให้มีการปรับปรุงเพิ่มเติม ส่วนด้านการอพยพและการดูแลจากภาครัฐนั้นเป็นไปด้วยดี อย่างไรก็ตาม กำนันยังได้เรียกร้องถึงปัญหาที่ดินทำกินเดิมของบรรพบุรุษที่ติดชายแดน ซึ่งปัจจุบันชาวบ้านไม่สามารถเข้าไปทำกินได้ สร้างความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ กำนันยังเน้นย้ำว่าชาวบ้านตำบลเสาธงชัยมีประสบการณ์และความพร้อมสูงจากการเผชิญสงครามภายในของกัมพูชาเมื่อปี 2525 และผลกระทบจากข้อพิพาทปราสาทพระวิหารในปี 2554 ทำให้พร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง และมีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ที่เข้มแข็ง พร้อมดูแลชาวบ้านในภาวะฉุกเฉินก่อนที่ภาครัฐจะเข้าถึง
พลตำรวจตรี ฉัตรวรรษ แสงเพชร ประธานคณะกรรมการฯ เปิดเผยหลังการลงพื้นที่ว่า จากการพูดคุยกับประชาชนและส่วนราชการ พบว่าทุกฝ่ายมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นจุดรวมพลผู้รออพยพ เส้นทางต่างๆ และได้มีการซักซ้อมประชาชนในพื้นที่ รวมถึงจัดทำหลุมหลบภัยให้เพียงพอ ดังนั้น หากเกิดเหตุปะทะ หรือมีลูกกระสุนตกในพื้นที่ ชาวบ้านจะได้รับความปลอดภัย ทั้งในส่วนของชีวิต ทรัพย์สิน และสัตว์เลี้ยง ส่วนปัญหาความไม่ปลอดภัยในพื้นที่ชายแดนนั้น ประชาชนไม่ต้องการให้เกิดสงคราม ซึ่งจะต้องพิจารณาต่อไปว่ารัฐบาลจะสามารถปรับงบประมาณเพื่อการป้องกันภัยด้านความมั่นคงได้หรือไม่ โดยตั้งเป้าหมายที่จะทำให้พื้นที่ชายแดนเป็นพื้นที่ปลอดภัย สามารถเดินทางไปมาหาสู่และทำมาหากินได้ตามปกติ
จากนั้น คณะ ส.ว. ได้เดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร เพื่อศึกษาสภาพข้อเท็จจริงและภูมิประเทศบริเวณผามออีแดง ก่อนจะเดินทางต่อไปยังอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อวางพวงมาลา ณ อนุสาวรีย์ พันตรี อนุพงศ์ บุญญะประทีป วีรชนผู้กล้าที่เสียสละอุทิศตนรักษาอธิปไตยของชาติ และตรวจสภาพจริงของภูมิประเทศที่เนิน 500 ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี