‘ป.ป.ช.-ปปป.-ป.ป.ท.’ผนึกกำลังบุกจับ‘ปลัดอำเภอ’ในเชียงใหม่ คาวิทยาลัยการปกครอง เหตุทุจริตเรียกรับเงินค่าธรรมเนียม‘บัตรชมพูต่างด้าว’เกินจริง เงินสะพัดกว่า 3 ล้าน
30 มิถุนายน 2568 นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายให้นายสุขสันต์ ประสาระเอ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ และนายนิรันดร ศรีภักดี ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ป.ช. ประจำจังหวัดเชียงใหม่ , นายไพโรจน์ นิยมเดชา ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 2 พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนฯ 2 เจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริตภาค 5 และเจ้าหน้าที่งานสืบสวนคดีทุจริตประจำจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกับกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) และสำนักงาน ป.ป.ท. จับกุมปลัดอำเภอแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ปฏิบัติหน้าที่ผู้ช่วยนายทะเบียนจังหวัด (ทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่) ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ลงวันที่ 26 มิ.ย.68
ทั้งนี้ จับกุมในข้อหาเป็นเจ้าพนักงาน เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 149 มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และฐานเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ เจ้าหน้าที่ของรัฐต่างประเทศ หรือเจ้าหน้าที่องค์การระหว่างประเทศ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 172 และมาตรา 173
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้ร่วมกันนำหมายค้นของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 ที่ 1/2568 ลงวันที่ 26 มิ.ย.68 เข้าทำการตรวจค้นที่บ้านของปลัดอำเภอนายนี้ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน
สืบเนื่องจากสำนักงาน ป.ป.ช. ได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้เสียหาย ซึ่งประกอบอาชีพเป็นนายหน้าแรงงานต่างด้าว ได้นำแรงงานต่างด้าวเข้าทำบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย (บัตรชมพู) และคัดแบบรับรองรายการทะเบียนประวัติของคนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ (ท.ร. 38/1) ตามกฎกระทรวงกำหนดให้คนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยปฏิบัติเกี่ยวกับการทะเบียนราษฎร พ.ศ. 2562
กำหนดค่าธรรมเนียมการออกบัตรประจำตัวฯ (บัตรชมพู) ฉบับละ 60 บาท และค่าธรรมเนียมการขอคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนฯ ฉบับละ 20 บาท แต่ปลัดอำเภอนายนี้ ได้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวจากนายหน้าแรงงานต่างด้าว จำนวน 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย ซึ่งมีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมตามกฎหมาย (เงินส่วนต่าง) จำนวน 120 บาท เฉพาะผู้เสียหายที่เข้าแจ้งเบาะแสกับสำนักงาน ป.ป.ช. เพียงรายเดียว
ทั้งนี้ มีเงินส่วนต่างเกินจากค่าธรรมเนียมฯ ตั้งแต่ปลัดอำเภอนายนี้ เข้ามาปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าศูนย์บริหารการทะเบียนภาค 5 สาขาจังหวัดเชียงใหม่ เมื่อประมาณ ต้นปี พ.ศ. 2566 จำนวนกว่า 2.4 ล้าน - 3.6 ล้านบาท
นอกจากนี้พบว่าในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้ประกอบอาชีพตัวแทนนายหน้าแรงงานต่างด้าวกว่า 100 ราย ซึ่งพฤติการณ์เก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าวเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่าปลัดอำเภอนายนี้ เรียกเก็บค่าธรรมเนียมฯ รายละ 200 บาทต่อแรงงานต่างด้าว 1 ราย หากตัวแทนนายหน้ารายใดไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว จะไม่ได้คิวนัดเพื่อนำแรงงานเข้าทำบัตรประจำตัวฯ
สำนักงาน ป.ป.ช. บก.ปปป. และสำนักงาน ป.ป.ท. จึงได้สนธิกำลังร่วมกันสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้เข้าจับกุมผู้ถูกกล่าวหาพร้อมเงินของกลาง จำนวน 15,200 บาท ณ วิทยาลัยการปกครอง อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งใช้เป็นสถานที่ในการออกบัตรประจำตัวฯ (บัตรชมพู) และคัดสำเนาแบบรับรองรายการทะเบียนฯ
ภายหลังการจับกุมผู้ถูกกล่าวหาเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2566 มาตรา 22 และมาตรา 23 โดยได้นำตัวผู้ถูกกล่าวหาไปทำบันทึกการจับที่ สภ.ดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ///-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี