แฉบ่อนเขมรจ่อปิดนับ10
เจอขึงชายแดนระส่ำหนัก
ผบ.ทสส.จัดหนักแก๊งคอล
ตั้ง‘ฉก.นานาชาติ’ล้างใหญ
ผบ.ทสส.เตรียมจัดตั้ง “ฉก.นานาชาติ” ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลางเดือนกรกฎาคมนี้ หวังจับเพื่อนบ้าน-นานาประเทศ ปราบให้ สิ้นซาก เหตุเป็นภัยคุกคามต่อคนทั้งโลก ด้าน “ธนกร” ฝากรัฐบาล-จนท.รุกหนักปราบอย่าแผ่ว ชี้มาตรการเข้มชายแดนเขมรมาถูกทาง ทำบ่อนปอยเปตระส่ำจ่อปิดตัวนับ 10 แห่งสิ้นเดือนก.ค.นี้
เมื่อวันที่ 13กรกฏาคม 2568 พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ผอ.ศอ.ปชด.) กล่าวถึงกรณีการปราบแก๊งสแกมเมอร์ ว่า ตนขอแบ่งออกเป็น 2 โซนคือ 1.ทางเมียนมา เมื่อเร็วๆนี้มีการประชุม 3 ฝ่ายอีกครั้งที่ประเทศเมียนมาโดยกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้ส่งผู้แทนไปประชุม และทางจีน ส่งนายหลิว จงอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนเข้าร่วมการประชุม ส่วนเมียนมาก็มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่เข้าร่วมการประชุมด้วย ทั้งนี้ ได้ข้อสรุปว่าจะดำเนินการเรื่องการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่อไป เนื่องจากยังมีประชาชน อยู่ในขบวนการคอลเซนเตอร์ ปัจจุบันส่งกลับไปแล้ว กว่า 8,000 คน คาดการณ์ว่าเป้าเดิม น่าจะมีรวมกัน ถึง 50,000 คน
พล.อ.ทรงวิทย์ กล่าวว่า ส่วนโซน 2 คือ ฝั่งตรงข้าม อ.แม่สอด จ.เมียวดี โซนดังกล่าวทางประเทศจีน มองไว้ 50,000 คน ที่ต้องส่งกลับ ส่วนผู้นำทางเมียนมาที่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ปัจจุบันหลายบริษัท ทางเมียนมา ใช้กฎหมายบังคับให้ยุติการเป็นบริษัท และมีหมายจับจากต่างประเทศด้วยตนหวังว่าเขาจะกลับมาร่วมมือ ในการสร้างเมืองที่ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มากขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเมียนมาถูกกดดันจากการตัดไฟ ตัดอินเทอร์เน็ต และตัดน้ำมันมากขึ้น ก็มีการโยกย้าย ซึ่งส่วนหนึ่งจะไปทางตะวันออก โดยทาง หน่วยเฉพาะกิจ 88 ก็จะไปดำเนินการภาคตะวันออกมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีการออกหมายจับและการขอความร่วมมือในการปราบปราม ทั้งในประเทศและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งนานาชาติ ซึ่งกลางเดือนกรกฎาคมนี้ จะมีการจัดตั้ง หน่วยเฉพาะกิจนานาชาติ ในประเทศไทยในการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ส่วนรายละเอียดทาง โดยเฉพาะกิจ 88 จะเป็นผู้ชี้แจง
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องร่วมมือกับต่างชาติและประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากเป็นภัยคุกคามของคนทั้งโลก และบุคคลที่อยู่ในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีเพียงชาติเดียว โดยทางเมียนมามีกว่า 20 ชาติ ที่เราสามารถช่วยเหลือออกมาได้ ดังนั้นประเทศที่ยื่นมือเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ คือ ประเทศจีนและประเทศเมียนมา ตนหวังว่าเรื่องนี้จะเป็นสิ่งหนึ่งที่เราสามารถทำร่วมกันได้เนื่องจากเป็นภัยต่อคนทั้งโลก”พล.อ.ทรงวิทย์กล่าว
ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวว่า ถึงแม้ปัญหาแก๊งค์สแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาหลายจุดจะลดลง แต่ยังคงมีการปฏิบัติการหลอกลวงประชาชนอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งหลายคนต้องถูกสูญเสียทรัพย์สินที่สะสมมาทั้งชีวิต จนต้องเป็นหนี้สินล้นพ้นตัวหลายคนถึงกับสูญเสียชีวิต ขอฝากรัฐบาลผู้ที่เกี่ยวข้องและโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารเพิ่มมาตรการคุมเข้มในการปราบปรามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาให้เข้มข้นจริงจังต่อไป
นายธนกร กล่าวว่า ที่ผ่านมาผลจากการดำเนินมาตรการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากการตัดน้ำ ตัดไฟและอินเตอร์เน็ต พร้อมทั้งควบคุมด่านชายแดน ถือว่าได้ผลตอบรับที่ดีมีจำนวนลดลงอย่างมาก ช่วยลดการสูญเสียของประชาชนลง จึงขอสนับสนุนคงมาตรการดังกล่าวอย่างต่อเนื่องและควบคุมให้เข้มข้นกว่าเดิม เพื่อกวาดล้างเอาผิดเครือข่ายมิจฉาชีพทุนเทาให้ได้มากที่สุด ทั้งนี้ ได้รับรายงานว่าจากมาตรการของไทย ทำให้บ่อนปอยเปตกว่า 10 จุดในกัมพูชาต้องปิดตัวลงภายในสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ เพราะไม่มีนักพนันข้ามฝั่งไปซึ่งนับว่าเป็นมาตรการที่มาถูกทางแล้ว ขอสนับสนุนเจ้าหน้าที่ทหารเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายปกครองและรัฐบาลคุมเข้มสถานการณ์ในระยะยาวเชื่อว่าหากดำเนินการมาตรการอย่างต่อเนื่องจะสามารถตัดวงจรเครือข่ายได้อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี