บ้านหนองจานเดือด! เขมรใช้โล่มนุษย์กดดันทหารไทย รื้อป้ายคำสั่งไล่พ้นพื้นที่

บ้านหนองจานเดือด! เขมรใช้โล่มนุษย์กดดันทหารไทย รื้อป้ายคำสั่งไล่พ้นพื้นที่

วันศุกร์ ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

บ้านหนองจานเดือด!

เขมรใช้โล่มนุษย์กดดันทหารไทย

รื้อป้ายคำสั่งไล่พ้นพื้นที่

ส่งตร.คุมฝูงชนประจำการ

มทภ.1ย้ำปชช.อย่าหลงกล

เขมร”ป่วน! ใช้วัยโจ๋-เด็ก-คนแก่ เป็นโล่มนุษย์ถือท่อนไม้ ฮือประชิดชายแดน ประจันหน้าทหารไทย ชายแดน“บ้านหนองจาน” กดดันจนท.ไทยรื้อป้ายคำสั่งไล่คนเขมร 170 ครัวเรือนออกจากพื้นที่ทภ.1แฉแผนทหารเขมรระดมคนจากนอกพื้นที่ถือไม้เป็นอาวุธยั่วยุ ก่อกวนทหารไทย เตรียมกล้องเก็บภาพไปฟ้องโลก ซัดละเมิดข้อตกลงหยุดยิง จี้ทางการเขมรจัดระเบียบคนของตัวเอง ไม่ทำลุยฟ้องดำเนินคดี ด้านตำรวจสระแก้วส่งชุดควบคุมฝูงชนคุมพื้นที่ ขณะที่มทภ.1-ผู้ว่าฯสระแก้ว ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ขอประชาชนใจเย็น อย่าเดินตามเกมกัมพูชา ใช้นานาชาติ กดดันไทย ต้องเดินเกมย้อนศรดึงเขมรมาเดินตามเกมเรา

เมื่อวันที่ 4 กันยายน เวลา 07.00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา(ศบ.ทก.)รายงานสถานการณ์ชายแดน 11 จุดใน 7 จังหวัดว่า เหตุการณ์ทั่วไปปกติ กองทัพไทยยังตรึงกำลังและเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง


ศบ.ทก.มีแผนสร้างรั้วยาว16กม.ที่สระแก้ว

นายจิรายุกล่าวต่อว่า วันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการ ศบ.ทก.ประชุมด้านความมั่นคงและการต่างประเทศ โดยคณะผู้สังเกตการณ์นานาชาติ (IOT) ลงพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและตราด เมื่อวันอังคารที่ 2 กันยายนที่ผ่าน เพื่อตรวจสอบการปฏิบัติงานด้านความมั่นคง การเก็บกู้ทุ่นระเบิดและดูแลประชาชน ซึ่งผลการตรวจสอบยืนยันว่าไทยยึดมั่นการปฏิบัติตรงไปตรงมา โปร่งใส พร้อมร่วมมือรักษาสันติภาพในภูมิภาค

ทั้งนี้ ไทยเตรียมประชุม GBC สมัยวิสามัญครั้งที่ 2 ที่จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชา และจ.ตราด ในระหว่างวันที่ 7 - 10 กันยายน พร้อมดำเนินการเชิงรุกบนเวทีนานาชาติ เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องทุ่นระเบิดต่อเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหประชาชาติ (UN)และคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ และรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ขณะเดียวกัน ศบ.ทก. ยังมีแผนที่สร้างรั้วยาว 16 กิโลเมตรในพื้นที่หลักเขตแดนที่ 50 - 51 ที่ จ.สระแก้ว เพื่อเสริมความปลอดภัยของประชาชน และป้องกันการบุกรุกพื้นที่จากฝั่งกัมพูชาด้วย

โร่แจงสร้างรั้วชายแดนแค่อนุมัติหลักการ

อย่างไรก็ตาม ช่วงบ่ายวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศบ.ทก.โพสต์เพจเฟซบุ๊กชี้แจงข้อเท็จจริงตามการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 กันยายนว่า ที่ประชุมรับทราบแนวทางจากจ.สระแก้วถึงการจัดการพื้นที่ ประกอบด้วย 1.แผนสร้างรั้วในหลักเขตแดนที่ 50 - 51 ระยะทาง 16 กิโลเมตรและ 2. มาตรการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้ประชาชนในพื้นที่ เช่น สำรวจสิทธิการครอบครองที่ดินในพื้นที่อย่างละเอียด ตลอดจนมีมาตรการดำเนินการตามกฎหมายไทย ในการประกาศใช้กฎหมายกับชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ และแจ้งความดำเนินคดีกับราษฎรกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ป่าไม้ ตามพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป่าไม้ พ.ศ. 2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 โดยชั้นนี้ ยังมิได้อนุมัติ แต่เป็นการรับทราบ และเห็นชอบในหลักการ เป็นไปตามกฎหมายไทย และขั้นตอนที่เกี่ยวข้อง

เจอลูกเหล็กสะเก็ดระเบิดอื้อที่สุรินทร์

ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌาสุขสุวานนท์กองทัพบกร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยังจัดชุดพิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบบ้านเรือนประชาชนในหมู่บ้านโจรก ตำบลด่าน อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ หลังเกิดเหตุกระสุนจากอาวุธวิถีโค้งของฝ่ายกัมพูชาตกลงมาในหมู่บ้าน ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 2 ราย และบาดเจ็บ 2 ราย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหลุมระเบิดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1.30 เมตร หน้าบ้านที่ได้รับความเสียหาย จึงเก็บตัวอย่างน้ำและดินจากบริเวณหลุม นำไปตรวจสอบองค์ประกอบสารระเบิดในห้องปฏิบัติการต่อไปนอกจากนี้ ยังพบหลักฐานสำคัญคือ “ลูกเหล็กทรงกลม” หรือ Ball Bearing (ลูกเหล็กสะเก็ดระเบิด/ลูกปราย) จำนวนมากปะปนอยู่ในพื้นที่ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ให้ความเห็นว่า ลูกเหล็กเหล่านี้ถูกบรรจุไว้ในวัตถุระเบิดเพื่อเพิ่มอานุภาพการสังหารบุคคลวงกว้าง ก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงยิ่งกว่าเศษสะเก็ดระเบิด (Fragment) ที่เกิดจากการแตกตัวของโลหะทั่วไป

ดังนั้น เมื่อกระสุนประเภทนี้ตกลงในพื้นที่ชุมชนพลเรือน ย่อมส่งผลทำลายชีวิตประชาชนอย่างร้ายแรงเป็นวงกว้าง และหากยิงโดยเจตนา หรือยิงโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อพลเรือน ถือเป็นการละเมิดหลักมนุษยธรรมสากล เข้าข่ายเป็นอาชญากรรมสงคราม (War Crime) ตามกฎหมายระหว่างประเทศทั้งนี้ จะส่งหลักฐานดังกล่าวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปประท้วงด้านมนุษยธรรมในเวทีระหว่างประเทศต่อไป

ใช้เด็ก-ผญ.ป่วน‘หนองจาน’กดดันไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่บ้านหนองจานอ.โคกสูง จ.สระแก้ว หลังเจ้าหน้าที่ไทย นำโดยทหาร กรมป่าไม้ ตำรวจตระเวนชายแดน และฝ่ายปกครองในพื้นที่ นำโดยนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ร่วมกันติดตั้งป้ายประกาศ 3 ภาษา (ไทย–อังกฤษ–เขมร) แจ้งเตือนให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกเข้ามาในพื้นที่เขตไทย ออกจากบริเวณดังกล่าวโดยทันทีนั้น สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มคนเขมรที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ได้รวมตัวกันจำนวนหนึ่ง ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เข้ากดดันทหารไทยที่อยู่หน้าแนว ส่งผลให้บรรยากาศในพื้นที่ตึงเครียดขึ้นมาทันที มีวัยรุ่นเขมรใช้ท่อนไม้เป็นอาวุธ ขนาดประมาณ 2 เมตร ขณะที่ทหารกัมพูชายืนคุมเชิงอยู่ด้านหลัง พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอซึ่งขณะเกิดเหตุ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่1 อยู่ระหว่างตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการกองกำลังบุบูรพา จ.สระแก้ว

ด้านเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย จัดกำลังเสริมทั้งทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เข้าควบคุมสถานการณ์อย่างเข้มงวด พร้อมจัดชุดลาดตระเวนรอบพื้นที่ป่าแนวชายแดน ป้องกันเหตุที่อาจบานปลายรุนแรง

แหล่งข่าวจากฝ่ายปกครองจังหวัดสระแก้วเผยว่า ได้กำชับเจ้าหน้าที่ทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความสุขุม รอบคอบ และใช้ความอดทนสูงสุด เน้นย้ำ “หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและการปะทะโดยตรง” เพื่อไม่ให้สถานการณ์ลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างประเทศอย่างไรก็ตาม ถึงช่วงสายของวันนี้ สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจ้าหน้าที่ไทย แม้จะมีความตึงเครียดบางจุด แต่ยังไม่พบเหตุปะทะหรือการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด โดยทุกฝ่ายจับตาความเคลื่อนไหวของชาวกัมพูชาอย่างใกล้ชิด

ทภ.1แฉเขมรเกณฑ์คนปิดถนนประท้วงไทย

ช่วงบ่ายวันเดียวกัน กองทัพภาคที่1 (ทภ.1) แจ้งว่า กองกำลังบูรพาตรวจพบมีการระดมชาวกัมพูชานอกพื้นที่ปิดถนนหมายเลข 58 ฝั่งกัมพูชา และเกณฑ์คนที่สัญจรไปมาให้เข้ามาสมทบมวลชนกัมพูชาประท้วงทหารไทยใกล้บริเวณหลักเขตแดนที่ 46 เหตุไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยติดป้ายเตือนให้ประชาชนชาวกัมพูชา 170 หลังคาเรือนย้ายออกจากพื้นที่ เพราะเป็นการรุกล้ำประเทศไทย บ้านหนองจาน จ.สระแก้ว ถือเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งกองกำลังบูรพาจะดำรงไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ ไม่ให้ใครมารุกราน

ส่งตำรวจควบคุมฝูงชนคุมเชิง

กองทัพภาคที่1 ยังชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้วว่า สืบเนื่องจากวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา จ.สระแก้ว ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องติดตั้งป้ายประกาศให้คนกัมพูชาจำนวน 170 ครัวเรือน ย้ายออกจากพื้นที่รุกล้ำบริเวณบ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งประเทศไทยต่อมาเช้าวันที่ 4 กันยายน มวลชนเขมรประมาณ 150 คน เคลื่อนเข้ามาชุมนุมประท้วงใกล้หลักเขตแดนที่ 46 กองกำลังบูรพา โดยกองกำลังเฉพาะกิจที่ 12 เข้าตรวจสอบและจัดกำลังเข้าควบคุมสถานการณ์ พร้อมประสานผู้บังคับกองพลน้อยราบที่ 51 ให้จัดกำลังฝ่ายกัมพูชาควบคุมประชาชนฝั่งตนเอง มิให้เกิดการยั่วยุหรือความรุนแรงในพื้นที่โดยฝ่ายไทยได้จัดกำลังตำรวจควบคุมฝูงชน (คฝ.) จากตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้วเข้ารักษาการณ์ในพื้นที่

ทภ.1ฮึ่มฟ้อง170ครัวเรือนเขมรรุกแผ่นดินไทย

ด้านพลตรีสุรวิชญ์แดงจันทร์ เสนาธิการกองทัพภาคที่1ในฐานะโฆษกกองทัพภาคที่1กล่าวถึงกรณีชาวกัมพูชารวมตัวกดดันทหารไทยที่บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว อ.โคกสูง จ.สระแก้ว หลังนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดป้ายเตือนให้ย้าย 170 ครัวเรือนกัมพูชาที่รุกล้ำออกจากพื้นที่ของไทย หากเพิกเฉยจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย ตามกฎหมายดังนี้1.พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ. 25222.พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

จี้ทางการเขมรจัดระเบียบมวลชนตัวเอง

พลตรีสุรวิชญ์ กล่าวต่อว่า อยากชี้แจงประชาชนให้ทราบว่า ขณะนี้ในพื้นที่ควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งเป็นเรื่องไม่เหนือความคาดหมาย หลังผู้ว่าฯจ.สระแก้วสั่งติดป้ายเตือน ก็ปรากฏมวลชนกัมพูชามีทั้งเด็ก ผู้หญิง คนชรา เข้ามากดดันทหารไทย เป็นการแสดงออก ก็ปล่อยให้เขาทำไป ขณะที่การติดป้ายดังกล่าว อยู่ในพื้นที่ไทย หากฝ่าฝืนมารุกล้ำทำลายป้ายเหมือนการรื้อรั้วลวดหนามที่ผ่านมา จะดำเนินคดีตามกฎหมาย

“ทหารไทยไม่อยากแจ้งข้อกล่าวหากับคนเขมร จึงประสานทางการกัมพูชา ให้เข้ามาจัดระเบียบคนของตัวเอง อย่าให้รุกล้ำเข้ามาฝั่งไทยหรือทำลายป้าย แต่หากฝ่าฝืน จะดำเนินการตามกฎหมายไทยให้ถึงที่สุด” โฆษก ทภ.1กล่าว

มทภ.1-ผวจ.สระแก้วลงพื้นที่หนองจาน

ที่จ.สระแก้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาคที่1 (มทภ.1) พร้อมนายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วและคณะ เดินทางลงพื้นที่ บ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง พบประชาชน และตรวจเยี่ยมกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนถนนศรีเพ็ญก่อนเเดินทางต่อไปที่หลักเขตแดนหมุด 46–47 ตรวจสอบพื้นที่ข้อพิพาท

พล.ท.อมฤตให้สัมภาษณ์ว่า ตนมาบ้านหนองจานวันนี้ มีจุดประสงค์อยู่ 4 เรื่องคือ 1.มาดูพื้นที่ที่เรากำหนดไว้ในการอำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยให้ประชาชนที่จะเข้ามาให้กำลังใจ และมาดูความเรียบร้อย 2.ตรวจเยี่ยมการปฎิบัติงานของกำลังพลหน้าแนวในพื้นที่ของกองกำลังบูรพา มาดูปัญหาข้อขัดข้อง และเน้นย้ำเรื่องควบคุมพื้นที่ให้ได้ 3.มาเยี่ยมประชาชนบ้านหนองจานที่ได้รับโฉนด ที่ผู้ว่าฯสระแก้วมาดำเนินการให้ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นทิศทางที่ดีที่จะนำไปสู่พื้นที่อื่นอีก ทั้งนี้ทุกอย่างมีขั้นตอนต้องมีระยะเวลา และ 4.มาติดตามความคืบหน้าการปฎิบัติงาน ในพื้นที่กองทัพภาคที่1ซึ่งค่อนข้างยากหลายมิติ ไม่เฉพาะการปฎิบัติการทางทหารอย่างเดียว สิ่งสำคัญคือเราต้องเข้าใจ คิดเหมือนกัน คิดตรงกัน เพื่อเดินหน้าต่อไปในการบูรณาการทุกภาคส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

อย่าหลงกลเดินตามเกมเขมรให้ตปท.บี้ไทย

“ตอนนี้การทำงานร่วมกันระหว่างกองกำลังบูรพาและจังหวัดสระแก้วแน่นแฟ้นเป็นอย่างยิ่ง เพื่อขับเคลื่อนตามกลไกที่มีอยู่ สิ่งที่เขมรต้องการคือให้นานาชาติมาปิดล้อมเรากดดันเรา แต่เราไม่หลงกล เราต้องย้อนกลับไปว่าจะทำอย่างไรให้นานาชาติมากดดันกัมพูชาแทน”มทภ.1กล่าว และว่า ปัจจุบันเราปิดด่าน ทำให้ปัญหาสแกมเมอร์น้อยลง รวมถึงชาวเขมรที่พยายามลักลอบเข้าไทย เราจับได้จำนวนมาก และเห็นผู้นำกัมพูชาไปปรากฏตัวที่จีนที่สหรัฐฯบ้าง เพื่อต้องการแสดงออกว่ามีมหาอำนาจดูแล ตรงนี้เราต้องไม่เดินไปตามเกมเขา ต้องให้เขาเดินเข้ามาในเกมของเรา ทั้งนี้ วันที่ 10 กันยายน จะประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา( GBC )จะได้รวบรวมข้อมูลจากผลประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค( RBC) ทั้งหมดทุกพื้นที่ กองทัพภาคที่1และกองทัพภาคที่2 นำไปเสนอ และยื่นกับกัมพูชา เพื่อพูดคุยหาข้อสรุป

“ขอให้ประชาชนใจเย็นๆ เราต้องไม่เดินไปในเกมของเขา ต้องให้เขาเข้ามาในเกมของเรา”มทภ.1ย้ำและว่า ตนได้ติดตามเรื่องทุ่นระเบิด ไปดูพื้นที่มีระเบิดตกค้าง ซึ่งเขมรรับข้อเสนอของกองทัพภาคที่1 ในการเก็บกู้ระเบิด ส่วนในพื้นที่ทางทหารเราจะพยายามควบคุมไม่ให้มีการวางระเบิดใหม่ขึ้น ซึ่งเราสามารถควบคุมได้ทุกพื้นที่ กรณีสถานการณ์ที่บ้านหนองจานนั้นเป็นเรื่องปกติของกัมพูชา เพราะเมื่อผู้ว่าฯสระแก้วไปปักป้าย เพื่อให้กัมพูชาย้ายออกไป เพราะหากเราดำเนินการตาม พ.ร.บ.ตรวจคนเข้าเมืองและกฎหมายป่าไม้ และเป็นธรรมดาที่กัมพูชาจะเอาเด็ก หรือผู้หญิงมาแสดงซึ่งเราก็คุมสถานการณ์ไว้ได้

ทหารเขมรตั้งแถวประจัญตร.คฝ.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 15.00 น. เพจArmy Military Force โพสต์ภาพและคลิปสถานการณ์ที่บ้านหนองจาน จ.สระแก้วว่า ทหารเขมรสวมผ้าปิดหน้า ตั้งแถวเรียงหน้ากระดานประจันหน้ากับกองกำลังบูรพาและตำรวจควบคุมฝูงชน สภ.จ.สระแก้วของไทย หลังจากก่อนหน้านี้ ทหารเขมรให้ชาวบ้าน ซึ่งเป็นเด็ก คนแก่ ออกายืนถือไม้ด่าทอ ยั่วยุ ประจันหน้าทหารไทย โดยอ้างว่าอาจถูกไทยทำร้ายร่างกายได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าประนาณที่สุดคือ ทหารเขมรให้เด็กถือท่อนไม้มายั่วยุท้าทายด่าทอทหารไทย ด้วยถ้อยคำหยาบคาย หวังให้เกิดเหตุรุนแรงบานปลาย

มทภ.2ย้ำสถานการณ์ชายแดนยังไม่จบ

วันเดียวกัน พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางไปบรรยายพิเศษหัวข้อ “อาชีวะอาสา เสริมสร้างอธิปไตย ประเทศไทยให้มั่นคง” ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ ร.9 วิทยาลัยอาชีวศึกษานครราชสีมา มีอาจารย์ นักศึกษาจากสถานศึกษา 26 แห่ง ในสังกัดสำนักงานอาชีวศึกษาจังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมรับฟังบรรยายพิเศษในครั้งนี้กว่า 800 คนโดยแม่ทัพภาค 2 กล่าวตอนหนึ่งว่า เวลาร้องเพลงชาติเราร้องด้วยใจหรือไม่ เราลองหลับตานึกถึงคนที่เขาไม่มีแผ่นดินอยู่ เขาจำเพลงชาติของตัวเองแทบไม่ได้ บางประเทศบ้านแตกสาแหรกขาด แล้วพวกเรายังอายอยู่หรือที่จะร้องเพลงชาติ ในโรงหนังอายเหลือเกินที่ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี พระเจ้าอยู่หัว บรรพบุรุษของเรารักษาแผ่นดินไว้ อายเหลือเกินที่จะร้องเพลงเทิดทูนพระองค์ท่าน ตนเข้าไปในโรงหนังมีคนยืนอยู่ไม่เกิน 5 คน หนึ่งในนั้นก็คือตน จะไปอายทำไม

แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวต่อว่า น้องๆต้องภูมิใจในความเป็นชาติไทย ร้องดังๆ ร้องเพลงชาติ เพลงสรรเสริญพระบารมีร้องไปเลยในโรงหนัง ไม่ต้องอาย เราร้องให้บรรพบุรุษ ร้องให้อดีตพระมหากษัตริย์ ท่านมองเราอยู่ มองลูกหลานท่านทำอะไรอยู่ เราร้องให้กับพวกท่านเหล่านั้นว่าพวกเรายังคิดถึง และพวกเราจะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-เขมรขณะนี้ ยังไม่จบ เป็นเพียงหยุดยิงชั่วคราว ยังไม่จบศึกเขมร เขมรเรียกเราว่า เสียม กูก็เรียกมึงว่า เมร เหมือนกัน เสียม ภาษาอีสานแปลว่า แหลมคม ขอบใจนะที่เรียกกูเสียม กูจะเอาไปทิ่มแทงพวกมึงนี่แหละ หารู้ไม่ว่าเสียมบ้านกูคมมากเลย

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top