กทม.ยันใช้เวลาระบายเร็วขึ้นกว่าปี’65 แก้จุดเสี่ยงท่วมพญาไท-แจ้งวัฒนะ-บางเขน

กทม.ยันใช้เวลาระบายเร็วขึ้นกว่าปี’65 แก้จุดเสี่ยงท่วมพญาไท-แจ้งวัฒนะ-บางเขน

วันพุธ ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568, 12.47 น.

กทม. แก้จุดเสี่ยงน้ำท่วมสำเร็จ พญาไท-แจ้งวัฒนะ-บางเขน ระบายน้ำได้เร็วขึ้นกว่าปี 65

วันที่ 24 ก.ย. 68 นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงสถานการณ์การระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ ในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับปี 2565 พบว่า เดิมในปี 2565 ช่วงฤดูฝนที่มีฝนตกหนักเกิน 100 มิลลิเมตร ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีหลายพื้นที่ที่มีน้ำท่วมขังหรือใช้เวลาระบายน้ำจากพื้นที่ค่อนข้างนาน แต่ปัจจุบันภายหลังจากการก่อสร้างโครงการต่าง ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพระบบการระบายน้ำในพื้นที่แล้วเสร็จ ส่งผลให้ปัจจุบันในพื้นที่กรุงเทพฯ สามารถระบายน้ำออกจากพื้นที่ได้รวดเร็วขึ้น


พื้นที่ชั้นใน เช่น เขตพญาไท ในปี 2565 บริเวณถนนพระรามที่ 6 ช่วงลงทางด่วน ซึ่งเคยใช้เวลาระบายน้ำมากกว่า 3 ชั่วโมง 24 นาที เขตราชเทวี บริเวณถนนศรีอยุธยา หน้าวังสวนผักกาด ถนนศรีอยุธยา หน้าโรงเรียนสันติราษฎร์ ถนนเพชรบุรี บริเวณแยกบรรทัดทอง และถนนพญาไท หน้ากรมปศุสัตว์ ที่มักเกิดน้ำท่วมขังเป็นประจำ หลังจากกรุงเทพมหานครได้ดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมถนนศรีอยุธยา และถนนพระรามที่ 6 และโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำในแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน (โครงสร้างใต้ดิน) ช่วงจากถนนพระรามที่ 6 ถึงซอยระนอง 1 แล้วเสร็จ ส่งผลให้ปัจจุบันจุดเสี่ยงน้ำท่วมดังกล่าวสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น ใช้ระยะเวลาน้อยลง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการระบายน้ำหลายชั่วโมง

บริเวณวงเวียนบางเขน พื้นที่เขตบางเขน เป็นจุดเชื่อมต่อของถนนสายหลักหลายสายเข้าด้วยกัน ได้แก่ ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทรา และถนนพหลโยธิน และบริเวณดังกล่าวเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ วัด และมหาวิทยาลัย ในปี 2565 ถนนพหลโยธิน บริเวณวงเวียนบางเขน เคยเกิดปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย นานถึง 24 ชั่วโมง และในปีที่ผ่านมาถนนแจ้งวัฒนะซอย 2 ขาเข้าวงเวียนบางเขน เคยเกิดน้ำท่วมขังนานถึง 5 ชั่วโมง 35 นาที แต่เมื่องานก่อสร้างแก้มลิงวงเวียนบางเขนแล้วเสร็จ สามารถช่วยบริหารจัดการน้ำ และลดระยะเวลาการระบายน้ำจากบริเวณวงเวียนบางเขน โดยการรองรับน้ำฝนส่วนเกินเข้ามากักเก็บในพื้นที่แก้มลิงไว้ก่อน เพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมบริเวณดังกล่าว หลังจากฝนหยุดตก น้ำในระบบระบายน้ำลดลงกลับสู่สภาวะปกติ จึงจะสูบน้ำจากแก้มลิงระบายออกสู่คลองรางอ้อรางแก้วเพื่อเตรียมรองรับฝนในรอบถัดไป

บริเวณ5นนแจ้งวัฒนะ พื้นที่เขตหลักสี่ เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการสำคัญและพื้นที่รอยต่อระหว่างจังหวัด ในปี 2565 เคยเกิดน้ำท่วมขังใช้เวลาระบายน้ำตั้งแต่ 3 ชั่วโมงไปจนถึงเกือบ 6 ชั่วโมง ที่ถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้า มทบ.11 ถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณหน้าห้างโลตัส และถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณปากซอยแจ้งวัฒนะ 10 หลังจากกรุงเทพมหานครดำเนินการปรับปรุงระบบระบายน้ำบ่อสูบน้ำ คลองแยกคลองบางตลาด ตอนศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะแล้วเสร็จ ปัจจุบันสามารถระบายน้ำได้ดีขึ้น ใช้ระยะเวลาน้อยลง จากเดิมที่ต้องใช้เวลาในการระบายน้ำหลายชั่วโมง

โฆษกของกรุงเทพมหานคร กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันประสิทธิภาพการระบายน้ำในพื้นที่กรุงเทพฯ มีศักยภาพที่ดีขึ้น สามารถแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่าง ๆ ที่เคยเป็นปัญหาได้อย่างดี ซึ่งนอกจากระบบระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแล้ว กรุงเทพมหานครยังมีการดำเนินการในด้านต่าง ๆ ควบคู่กันไปด้วย อาทิ การขุดลอกคลองเปิดทางน้ำไหล ลอกท่อระบายน้ำป้องกันเศษขยะหรือกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำไหล รวมถึงจัดเตรียมหน่วย BEST และเจ้าหน้าที่พร้อมคอยลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง ในช่วงที่เกิดฝนตกหนัก เพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวกและได้รับความเดือดร้อนน้อยที่สุด ประชาชนมั่นใจได้ว่ากรุงเทพมหานครพร้อมดูแลและเคียงข้างประชาชนในทุกสถานการณ์ และขอความร่วมมือทุกคนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยกันป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ต่าง ๆ ด้วยการไม่ทิ้งขยะลงคลอง หรือท่อระบายน้ำ เพื่อให้การระบายน้ำในพื้นที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

036

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top