วันพุธ ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
‘รอง จตช.’โต้‘บิ๊กโจ๊ก’ปมบัญชีม้า ชี้เป็นเครื่องมือแก๊งเว็บพนัน-ฟอกเงิน ย้ำไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กร แต่เป็นคดีผู้ต้องหาปะทะกฎหมาย
19 พฤศจิกายน 2568 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (รอง จตช.) แถลงกรณีที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (อดีตรอง ผบ.ตร.) พาดพิงถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้บัญชีม้ากันอย่างเป็นปกติ ว่า ตำรวจทุกคนรู้ดีว่าบัญชีม้าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรอาชญากรรม อดีตรอง ผบ. ตร.ก็รู้ดีว่าการใช้บัญชีม้าเป็นช่องทางของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เป็นช่องทางของการพนันออนไลน์ที่ใช้ในการหลบเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าพนักงานของรัฐ เป็นเครื่องมือในกระบวนการฟอกเงินอย่างดี เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องปกติ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่หากใครเกี่ยวข้อง ย่อมส่อไปในทางทุจริตและผิดกฎหมาย เหมือนอย่างเช่นพ่อบ้านของท่านอดีตรอง ผบ.ตร. ใช้บัญชีม้าจำนวนหลายบัญชีเพื่อรับเงินที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน และเงินที่ยังไม่ทราบแหล่งที่มาได้จำนวนมาก แน่นอนว่าเรื่องของบัญชีม้าถ้าใครใช้ก็จะต้องถูกดำเนินคดี ทั้งผู้ที่ใช้และผู้ที่เปิดบัญชี จะต้องรับความผิดทางอาญา
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวต่อว่า ถ้าพี่น้องประชาชนได้หยุดคิดสักนิดหนึ่ง อยากให้พิจารณาว่าผู้ที่ออกมากล่าวหา เรื่องที่ท่านออกมากล่าวหาสุดท้ายจะลากเข้าไปสู่เรื่องของท่านเอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมรับการตรวจสอบและพร้อมรับฟังเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนทุกคน แต่การรับฟังข้อมูลเพียงด้านเดียวโดยเฉพาะจากอดีตข้าราชการตำรวจที่ถูกตั้งคณะกรรมการและถูกไล่ออกจากราชการ และปัจจุบันยังมีสถานะเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินจากเว็บพนัน ก็ขอให้พี่น้องสื่อมวลชน พี่น้องประชาชน ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อกล่าวหาหรือข้อกล่าวอ้าง กับข้อเท็จจริงที่เป็นพยานหลักฐานและขณะนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรม
เมื่อถามถึงประเด็นการขอหมายจับกุมของชุดดำเนินคดี ลูกน้องที่ติดตามอดีตรอง ผบ.ตร. ที่ไม่ระบุถึงตำแหน่ง อาชีพ ทราบว่าหลังจากที่มีการจับกุม ลูกน้องของอดีตรอง ผบ.ตร.ได้ไปร้องที่ศาล เพื่อขอความเป็นธรรมในเหตุการณ์นี้ แต่ศาลก็ได้ยกคำร้อง ทั้งนี้ศาล ได้จบในกระบวนการตัดสินแล้ว แต่ตัวท่านไม่แจ้งต่อสาธารณชนว่าศาลได้เป็นที่ยุติแล้ว ขอย้อนถามว่าตัวท่านยังยึดติดอยู่หรือไม่
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งภายในองค์กร แต่เป็นเรื่องขององค์กรผู้บังคับใช้กฎหมายกับผู้ต้องหาเรื่องนี้ ยืนยันว่าไม่ใช่ความขัดแย้งในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กลุ่มผู้ต้องหาจะมีความโกรธแค้นเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนจับกุมหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่พอเข้าใจได้ เพราะท่านเป็นฝ่ายที่ถูกสืบสวนจับกุม และเป็นสิทธิของผู้ต้องหาในชั้นสอบสวนว่าท่านจะให้การอย่างไรก็ได้เพื่อให้ตนเองพ้นผิด แต่การที่ท่านมาพูดในสาธารณะบ่อยๆ ก็จะต้องระมัดระวัง
“จะแพ้แล้วพาลหรือไม่ จะเสียผลประโยชน์หรือไม่ อยากให้ทุกท่านกลับมาพูดในส่วนข้อเท็จจริงในคดีซึ่งอยู่ในสำนวนการสอบสวน อยู่ในกระบวนการขอออกหมายจับของศาลยุติธรรม ขณะนี้สำนวนได้ถูกส่งไปทั้งหมดแล้วในทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับท่านรอง ผบ.ตร. เรื่องทั้งหมดถูกส่งไปอยู่ในสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กระบวนการตามกฎหมายแล้วข้อเท็จจริงอยู่ในนั้นทั้งหมด” รองจตช. ระบุ
รอง จตช. กล่าวว่า กรณีการเข้าไปชี้แจงที่คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ เรื่องนี้กำลังทำรายงานถึงผู้บังคับบัญชาถึงการไปปฏิบัติหน้าที่แทนท่านในวันนั้น เนื่องด้วยหนังสือเชิญของกรรมาธิการ เป็นการเชิญผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติซึ่งต่อมาได้มอบหมายตน ได้เห็นรูปแบบกระบวนการในกรรมาธิการ ยอมรับว่ากังวลใจในข้อกฎหมายและระเบียบที่เกิดขึ้น แต่เนื่องจากสถานการณ์วันนั้นและมีการถ่ายทอดสด ก็มีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลแบบสดๆ ซึ่งไม่ตรงกับหนังสือเชิญ แต่ท่านประธาน กมธ. ก็บอกว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกันกับข้อคำถามที่ส่งล่วงหน้าขอให้ตอบ
“ฉะนั้นแล้วเรื่องหนังสือเชิญจากนี้ก็ต้องมีความชัดเจนว่าต้องการถามเรื่องใด ส่วนรูปแบบจะมีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ผู้ร้องก็มีลักษณะเป็นผู้ต้องหา พยานที่ผู้ร้องนำมาก็เป็นผู้ต้องหา ในคดีเดียวกัน ฝ่ายดังกล่าวก็ถือว่าเป็นฝ่ายได้เสีย การเปิด ให้มีการเผชิญหน้าระหว่าง ฝ่ายผู้ต้องหากับฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นผู้บังคับใช้กฎหมายลักษณะในรูปแบบนี้” พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าว
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ส่วนตัวยอมรับว่ามีความกังวล ปกติรูปแบบนี้เราจะเห็นในการพิจารณาคดีของศาลที่กลุ่มผู้ต้องหากลุ่มผู้กล่าวหา หรือฟังโจทก์ฝั่งจำเลย จะต้องมาเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน การเปิดเผย ก่อนที่เรื่องจะขึ้นสู่การพิจารณาของศาลมีข้อกังวลหลายเรื่อง พยานในคดีจะกังวลหรือไม่ที่ถูกนำมาเปิดเผย พนักงานสอบสวนกังวลหรือไม่ที่จะตอบข้อซักถามกรรมาธิการอย่างไร ข้อมูลที่เผยแพร่ออกทางพี่น้องสื่อมวลชน ในกฎหมายระเบียบที่เกี่ยวข้อง กับสภา ตนเคารพต่อกระบวนการทำงานของกรรมาธิการและสภาผู้แทนราษฎร ตนเคารพในระบอบประชาธิปไตย ท่านเป็นตัวแทนประชาชนผมเข้ารอบได้ให้แก่ท่าน
“ผมในฐานะส่วนตัวและสำนักงานตำรวจแห่งชาติเคารพและให้เกียรติกรรมาธิการพร้อมจะไปตอบข้อซักถาม แต่รูปแบบที่เห็นในวันนั้นมันมีความกังวลใจ การที่ต้องเผชิญหน้าระหว่างตำรวจกับผู้ต้องหา ซึ่งเคยเป็นสมาชิกในองค์กรสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และปัจจุบันยังเป็นผู้ต้องหาคดีฟอกเงิน รูปแบบนี้ควรจะเกิดในกระบวนการศาลมากกว่า การที่กลุ่มผู้ต้องหาแสดงกริยาอาการ ในครั้งที่เชิญอาจารย์จากจุฬาลงกรณ์ เข้าข่ายก้าวร้าว หรือข่มขู่พยาน” พล.ต.ท.ไตรรงค์ ระบุ
พล.ต.ท.ไตรรงค์ กล่าวว่า ในการประชุมกรรมาธิการรอบที่จะถึงนี้ที่มีการเชิญ ผบ.ตร. และจากการพิจารณามีรูปแบบคำถามลักษณะเดิม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากเห็นว่าเรื่องนี้จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เรื่องนี้จะต้องประมวลมีความเห็น เสนอไปยังกรรมาธิการ เสนอไปยังรัฐสภาเพื่อขอปรึกษาหารือก่อน ไม่อยากให้อนาคต ไม่อยากเห็นผู้ถูก กล่าวหาหรือผู้ต้องหาใช้เวทีสาธารณะแบบนี้มาสร้างฉันทมติทางสังคม และสร้างความได้เปรียบทางสงครามข้อมูลข่าวสารหรือสร้างความตระหนักรู้
“วันนี้ไม่สามารถบอกได้ว่าจะไป หรือไม่ไปร่วมการประชุมกรรมาธิการ แต่แค่สะท้อนให้เห็นว่าภาพที่เกิดขึ้นจะส่งผลต่อพี่น้องประชาชนอย่างไร ตนอยู่ในสถานะผู้รักษากฎหมาย ไม่สามารถเพิกเฉย เหตุการณ์ที่อาจจะกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมได้ ยืนยันว่าไม่กลัว ถ้าวันนั้นกลัวคงไม่ตอบ และยืนยันว่าไม่ได้ถูกเชือดอย่างที่สังคมมอง ถ้าเป็นทองก็ไม่กลัวน้ำร้อน หากวันนั้น ผบ.ตร.ไม่ได้มอบหมายไปเป็นผู้แทน จะเกิดความเสียหายต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะถ้าเป็นนายตำรวจท่านอื่นที่ไม่ทราบข้อมูลและตอบไม่ได้ในที่ประชุม จะกลายเป็นว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีความเพิกเฉยต่อข้อสอบถาม” รอง จตช. กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี