7 ธันวาคม 2568 เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม นายจักรพล เที่ยงภักดิ์ ปลัดอำเภอเมืองนครพนม ร่วมกับชุดปราบปรามยาเสพติด กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 236 (ร้อย ตชด.236) ลงพื้นที่สืบหาข่าวกลุ่มผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยในหมู่บ้าน และทราบว่านายเอ็ม (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ชาวบ้านเหล่าภูมี หมู่ 7 ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม มีพฤติการณ์เสพยาบ้าและจำหน่าย โดยใช้กระท่อมกลางนาเป็นแหล่งมั่วสุม แต่เส้นทางไม่สามารถใช้รถยนต์เข้าไปได้ จึงเดินเท้าเข้าป่าชุมชน และมุดรั้วหนามของชาวบ้าน เป็นระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร

กระทั่งถึงกระท่อมเป้าหมาย ก็ถึงกับหายใจทางปากกัน พบนายเอ็มเดินไปมารอบบริเวณ จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าพนักงาน เพื่อขอทำการตรวจค้นตัว นายเอ็มแสดงท่าทางมีพิรุธ และก็ไม่ผิดหวังค้นในกระเป๋ากางเกงที่นายเอ็มสวมใส่อยู่ พบยาบ้าจำนวนหนึ่ง บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกใส โดยยอมรับว่าซื้อต่อมาจากนายนพ(นามสมมติ) คนหมู่บ้านเดียวกัน ในราคา 10 เม็ด 300 บาท ซื้อต่อคนอื่นเม็ดละ 40-50 บาท แต่เจ้าหน้าที่สังเกตว่า ถุงใส่ยาบ้ามีดินโคลนเปื้อนผิดปกติ จึงเค้นถามนายเอ็มก็อ้างว่าเพิ่งกลับจากหาปลาไหลในสระน้ำใกล้ๆ

เจ้าหน้าที่ได้ให้นายเอ็มพาไปยังสระน้ำ พิสูจน์ดินโคลนแล้วเป็นลักษณะเดียวกัน แต่ข้างสระมีรูปูมีรอยฝังกลบใหม่ๆ จึงใช้ไม้คุ้ยดูพบถุงพลาสติกแบบเดียวกันซุกซ่อนอยู่ นำมาตรวจนับเป็นยาบ้าจำนวน 126 เม็ด โดยนายเอ็มรับว่าใช้รูปูเป็นที่ซุกซ่อนยาบ้า แต่จะมีติดตัวไม่เกิน 2-3 เม็ดสำหรับไว้เสพ หากหมดหรือมีคนมาแบ่งซื้อก็จะไปเอาในรูปูนั้น จากนั้นได้นำตัวนายเอ็มตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดในร่างกาย ไม่พลาดเพราะฉี่เป็นสีม่วง โดยแจ้งข้อกล่าวหาว่า 1.จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย 2.เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้เป็นตามแผนปฏิบัติการ รวมพลัง รักศรัทธา แก้ปัญหายาเสพติด แบบบูรณาการ Quick Big Win : ขับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว สู่เป้าหมายอันยิ่งใหญ่” ในปีงบประมาณ พ.ศ.2569-2570 ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่มุ่งเน้นการดำเนินการอย่างรวดเร็ว และสามารถต่อยอดสู่การแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ และนโยบายของรัฐบาล ในการลดปัญหายาเสพติดในทุกมิติ สนับสนุนและส่งเสริมให้ใช้แนวทาง การมีส่วนร่วมของหมู่บ้าน/ชุมชน ในการดูแลผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติด (Community Based Treatment : CBTx) โดยเริ่มต้นในพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด และขยายผลพื้นที่ดำเนินการโครงการฯ ครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ