1.เมื่อครั้งปี พ.ศ.2550 ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา ในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 อันเป็นมหามงคลกาลอันสำคัญยิ่ง ทางรัฐบาลในขณะนั้น เห็นว่าเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติและให้เกิดสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สมควรล้างมลทินให้แก่ผู้ต้องโทษในกรณีความผิดต่างๆ ซึ่งได้พ้นโทษไปแล้ว และผู้ถูกลงโทษทางวินัยของ กระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ซึ่งได้รับการลงโทษทางวินัยไปแล้ว และสมควรให้ผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการอันมิใช่เป็นการลงโทษทางวินัยก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 และบรรดาผู้ถูกดำเนินการทางวินัยในกรณีกระทำผิดวินัยซึ่งผู้บังคับบัญชาได้พิจารณาสั่งยุติเรื่องหรืองดโทษก่อนหรือในวันที่ 5 ธันวาคม 2550 ให้ผู้นั้นไม่ต้องถูกพิจารณาเพิ่มโทษ หรือถูกดำเนินการทางวินัยในกรณีนั้นๆ ต่อไปด้วย
2.ความในข้อ 1 ข้างต้นเป็นหลักการและเหตุผลในการตราพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ทำให้ข้าราชการที่กระทำผิดวินัยและถูกสั่งลงโทษ ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือว่ากล่าวตักเตือน หรือยุติเรื่อง ได้รับล้างมลทินตามพระราชบัญญัติดังกล่าวข้างต้น
3.ประเด็นปัญหาครั้งนี้ กรณีถูกดำเนินคดีอาญา คดีถึงที่สุดโดยศาลพิพากษาให้จำคุกในภายหลัง เช่นนี้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจสั่งบรรจุแต่งตั้งตามมาตรา 57 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 สามารถสั่งลงโทษทางวินัยได้หรือไม่อย่างไร
4.ประเด็นปัญหานี้ ก.พ.ได้พิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุปว่า เมื่อข้าราชการกระทำผิดวินัยและถูกสั่งลงโทษ ทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือว่ากล่าวตักเตือนหรือยุติเรื่อง แม้จะมีกฎหมายว่าด้วยการล้างมลทินออกมาใช้บังคับ ทำให้บุคคลดังกล่าวได้รับล้างมลทินแล้วก็ตาม แต่เมื่อบุคคลดังกล่าวถูกศาลพิพากษาจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในภายหลัง แม้จะเป็นเรื่องเดียวกันก็ตาม ก็สามารถลงโทษทางวินัยได้ ฐานกระทำผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกได้ ไม่เป็นการลงโทษทางวินัยซ้ำ เพราะเป็นความผิดคนละฐานกับความผิดที่ถูกดำเนินการทางวินัยซึ่งได้รับการล้างมลทินแล้ว ดังนั้นความผิดฐานกระทำความผิดอาญาจนได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกภายหลังนี้จึงไม่ได้รับการล้างมลทินแต่อย่างใด (หนังสือสำนักงานก.พ.ที่ นร1011/ว13 ลงวันที่ 23 มิถุนายน 2547)
5.นี่คือความเห็นของก.พ.ขณะนี้พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 ได้แก้ไขมาตรา 100 โดยสรุปว่า จะต้องสั่งลงโทษภายใน 3 ปีนับแต่วันที่ผู้นั้นออกจากราชการ...มิฉะนั้นหากเกินกำหนดเวลา 3 ปี แล้วจะไม่มีอำนาจสั่งลงโทษได้ตามหนังสือเวียน ก.พ.ว13/2547 ข้างต้นนะครับ...
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี