บิ๊กตู่นัด15สค.
‘เคลียร์ใจ’10พรรคเล็ก
ปมแยกมุ้งเป็นฝ่ายค้าน
มงคลกิตติ์ชี้สายไปแล้ว
พปชร.ตั้งบิ๊กป้อมคุมสส.
“บิ๊กตู่”นัดหม่ำข้าว เคลียร์ใจ 10 พรรคเล็ก 15 สิงหาคมนี้ ในขณะที่ “มงคลกิตติ์” ย้ำชัดแยกตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระแน่นอน ไม่สนแม้จะมีการยื่นเก้าอี้ข้าราชการการเมืองให้เมีย บอกสายเกินไปแล้ว ด้านพลังประชารัฐ ดัน“บิ๊กป้อม” นั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคคุมลูกทีม
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ภายหลังแล้วเสร็จสิ้นการเป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี2562 ที่มณฑลพิธีท้องสนามหลวง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เข้าไปทักทายคณะรัฐมนตรี(ครม.) และเข้าพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมถือโอกาสอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตร ที่มีอายุครบ 74 ปี เมื่อวันที่ 11สิงหาคม ที่ผ่านมา ก่อนจะยืนพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรและพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ครู่หนึ่ง
กระนั้นก็ตาม นายกฯ ปฎิเสธที่จะตอบคำถามผู้สื่อข่าวในประเด็นต่าง ๆ โดยพูดว่า”ไม่ตอบ”จากนั้นนายกฯได้เดินไปขึ้นรถโดยมีประชาชนเเข้ามาขอถ่ายรูป พร้อมกล่าวให้กำลังใจว่า ให้กำลังใจขอให้นายกฯสู้ๆ ลุงตู่สู้ๆอย่าท้อนะ อยู่ต่อ 20ปีไปเลย ขณะที่นายกฯได้โบกมือให้ก่อนขึ้นรถออกไป
ด้านพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ กล่าวเพียงสั้นหลัง พล.อ.ประยุทธ์ โดนมรสุมเรื่องถวายสัตย์ไม่ครบ รวมถึงพรรคเล็กขอแยกตัวจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ ว่า ไม่เป็นไร เมื่อถามย้ำว่า ให้กำลังนายกฯอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร
‘มงคงกิตติ์’ย้ำแยกวงเป็นฝ่ายค้าน
วันเดียวกัน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวยืนยันว่า ไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อย่างแน่นอน แม้วันที่ 11สิงหาคม คนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อย่าง พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สส.ที่ได้โทรศัพท์มาพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ ซึ่งตนยังเคารพและศรัทธาใน พล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร เหมือนเดิม แต่ทุกอย่างสายไปแล้ว ตนไม่สามารถกลับไปได้ แม้มีตำแหน่งทางการเมืองให้กับพรรคเล็กก็ตาม แต่ตนยืนยันว่าอะไรที่ดีควรสนับสนุนตนก็จะสนับสนุนรัฐบาล แต่อะไรที่ไม่ดีก็ไม่เห็นด้วยและจะเป็นวิปฝ่ายค้านอิสระ
เมินยื่นเก้าอี้ขรก.การเมืองให้เมีย
นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า การออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องของตำแหน่งข้าราชการการเมือง เป็นเพียงแค่ 20% ในการตัดสินใจ แต่ยังมีเรื่องของการรับไม่ได้กับนโยบายรัฐบาล ที่จะเพิ่มภาษีน้ำมัน ซึ่งขัดกับนโยบายของพรรคไทยศรีวิไลย์ รวมถึงนโยบายประชานิยมแจกเงินของพรรค พปชร.รวมถึงประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีการต่อรองตำแหน่งทางการเมืองให้กับอดีตภรรยาของตนนั้น ซึ่งอดีตภรรยาตนอยู่ในบัญชีผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อพรรค อันดับ3 โดยมีการเสนอมาจริง แต่อดีตภรรยาตนปฏิเสธไม่รับ เมื่อถามว่า เคยให้สัมภาษณ์ปมถวายสัตย์ที่มีคำว่าหน้าด้านนั้น แต่กลับบอกว่ายังเคารพฯอยู่ หมายความว่าอย่างไร นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า คำว่าหน้าด้านหมายความว่า ถ้าตนเป็นนายกฯก็จะลาออก และขอพระราชทานอภัยโทษและนายกฯควรทำอย่างนั้น ซึ่งตนไม่ได้พาดพิง พล.อ.ประยุทธ์
นัดแถลงข่าวแยกวง13สิงหาคม
ก่อนหน้านี้ นายมงคลกิตติ์ เปิดเผยว่า วันที่ 13สิงหาคม จะแถลงข่าวประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างเป็นทางการที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ อย่างไรก็ตาม วันที่ 13สิงหาคม เวลา 14.30น.ทาง 9พรรคเล็ก ประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่และพรรคพลังธรรมใหม่ จะแถลงจุดยืนทางการเมืองที่อาคารทีพีแอนด์ที ถนนวิภาวดีรังสิต
พปชร.ถกด่วนส่ง’ธรรมนัส’เจรจา
เวลา 09.00น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยมีแกนนำเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย นายอุตตม สาวนายน รมว.คลังและหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงานและเลขาธิการพรรค,นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม, นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม,นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อสังคมและเศรษฐกิจ, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลังและร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตร เป็นต้น เพื่อหาข้อยุติปัญหาพรรคเล็กขู่ถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล เพราะไม่พอใจเรื่องจัดสรรตำแหน่งข้าราชการการเมือง รวมถึงพิจารณารายชื่อผู้จะไปดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองของพรรค พปชร.โดยใช้เวลาประมาณ 1ชั่วโมงครึ่ง
ตั้งลูกชาย’ชัช’ผู้ช่วยรมต.กันชิ่ง
มีรายงานข่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีพรรคการเมืองขนาดเล็กขู่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล นั้นมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้ประสานงานพูดคุยหลังเสร็จการประชุมเพื่อหาข้อสรุปในเงื่อนไขพรรคเล็กต่อรองขอตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าจะจบภายในเร็วๆนี้ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม รับทราบปัญหาที่เกิดขึ้นและเข้าใจพรรคเล็ก อย่างไรก็ตาม ในส่วนพรรคขนาดเล็กที่ได้รับการจัดสรรตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี 1ตำแหน่ง โดยจะเสนอชื่อ นายชื่นชอบ คงอุดม บุตรชาย นายชัชวาลล์ คงอุดม สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ส่วน นายชื่นชอบ จะไปอยู่ที่กระทรวงใดนั้น ขึ้นอยู่กับ นายกฯจะเป็นผู้พิจารณา เนื่องจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีมีกำหนดวาระคราวละ1ปี
เคาะตำแหน่งเทกระโถน13ส.ค.
อย่างไรก็ตาม สำหรับพรรคเล็กอื่นๆ ที่พลาดตำแหน่งนั้น ยังมีโอกาสในตำแหน่งอื่นๆ เนื่องจากนายกฯระบุว่าจะให้โอกาสทุกพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่ตำแหน่งที่ปรึกษานั้น รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะเป็นผู้พิจารณา สำหรับรายชื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีในส่วนของพรรค พปชร.จะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบในวันที่ 13สิงหาคมนี้
ภายหลังการประชุม ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถาม นายอุตตม ถึงข้อสรุปเกี่ยวกับพรรคเล็ก โดย นายอุตตม ปฏิเสธตอบคำถามผู้สื่อข่าว โดยไม่สนใจและเดินขึ้นรถออกจากพรรคทันที
‘ธรรมนัส’จำยอมให้เป็นฝ่ายค้าน
ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องที่ นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมแถลงถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระนั้น เรื่องนี้ตนรู้มาสักพักแล้วว่า นายมงคลกิตติ์ จะขอลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล ตนเคารพการตัดสินใจและให้อิสระ เพราะ นายมงคลกิตติ์ ยืนยันแล้วว่า จะเลือกฝ่ายประชาชนตนก็ต้องปล่อยเขาไป ส่วนเรื่องความชัดเจนในการลาออกนั้น คาดว่าจะชัดเจนหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์ ในวันที่ 13สิงหาคมนี้
ตั้งบิ๊กป้อมปธ.ยุทธศาสตร์คุมสส.
มีรายงานว่า ที่ประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคมีวาระสำคัญ 2เรื่อง คือ 1.การเสนอขอเปิดประชุมพรรคเพื่อปรับโครงสร้างคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ให้ยึดโยงกับสส.และประชาชน 2.การตั้งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค ซึ่งมีชื่อของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่สมัครเป็นสมาชิกพรรคแล้วเพื่อให้เป็นศูนย์กลางควบคุม สส.ประสานงานตลอดจนรับฟังปัญหาสส.จากทุกภาค โดยรูปแบบจะมีการตั้ง ผอ.ภาคในแต่ละภาคเพื่อรับปัญหามาแล้วส่งเข้าสู่ส่วนกลางคาดว่าจะมีการเสนอเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ในครั้งต่อไป
‘บิ๊กตู่’เคลียร์ใจ10พรรคเล็ก15ส.ค.
ขณะที่ นายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวถึงการถอนตัวออกจากการร่วมรัฐบาลของบางพรรคในกลุ่ม 10พรรคเล็กว่า ยืนยันว่า 10พรรคเล็กยังเป็นปึกแผ่น ไม่มีใครออก การเมืองก็แบบนี้ค่อยๆปรับความเข้าใจกัน ไม่มีปัญหา พวกเรามันพี่น้องกันจะออกก็ออกด้วยกัน ถ้าออกคนใดคนหนึ่ง มันไม่มีผลอะไร เพราะตั้งแต่วันแรก 10พรรคเล็กประกาศร่วมกับพรรคพปชร.เพื่อเป็นเสียงตั้งต้น 126เสียงมาสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ จึงทำให้พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยอ่อนข้อ การจะมาตั้งต้นใหม่ บ้านเมืองมันจะยิ่งเดือนร้อน ทำงานไปสักระยะหนึ่งก่อนจะดีกว่าหรือไม่ ส่วนอะไรที่ขุ่นเคืองก็ค่อยๆหาทางออกกัน เพราะต้องเข้าใจสส.กลุ่ม10พรรคส่วนหนึ่งเป็นนักพูด เป็นนักอภิปราย แต่ในการประชุมสภาแต่ละครั้งวิปรัฐบาลจัดสรรเวลาให้เพียงคนละ1นาทีกว่า แค่ท่านประธานที่เคารพก็หมดเวลาแล้ว ไม่ได้จัดสรรเวลาให้พูดเต็มที่
อย่างในการประชุมแถลงนโยบายรัฐบาล ตนต้องไปขอเวลาจากซีกฝ่ายค้านมาเพื่อให้ได้อภิปราย จึงอยากให้ปรับปรุงการทำงานภายในวิปรัฐบาลใหม่ โดยให้ทั้ง 19พรรคร่วมมีตัวแทนอยู่ด้วยน่าจะส่งผลดีต่อการทำงานร่วมกัน อย่างไรก็ตาม วันที่ 15สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ ได้นัดกลุ่ม 10พรรคเล็กรับประทานอาหารร่วมกัน โดยจะใช้โอกาสนี้สะท้อนเรื่องดังกล่าวให้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับฟัง
ปชป.ชี้แก้รธน.ให้เสียงกึ่งหนึ่งสภา
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านจัดแคมเปญเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญปี60 ทั้งฉบับ โดยการแต่งตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ว่า จุดยื่นของพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เปลี่ยนแปลงและได้เสนอเป็นนโยบายรัฐบาลใน 12ข้อและเมื่อถึงเวลาก็ต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายทั้งเรื่องการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นและนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะหมวดที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์ เงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะต้องใช้เสียงข้างมากของรัฐสภาหรือเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และยังมีเงื่อนไขพ่วงมาอีกหลายข้อ เช่น ในจำนวนเสียงที่เกินกว่ากึ่งหนึ่งนั้นเป็นฝ่ายค้านไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 หรือเป็นเสียงจากส.ว.ที่ต้องประกอบอยู่ในนั้นด้วยไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 และบางกรณีต้องทำประชามติ ส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นไปได้ยาก ซึ่งมีหลายฝ่ายกังวล เมื่อการเมืองถึงทางตัน เราไม่อยากเห็นวิถีทางที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้นนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามเป็นที่มาของพรรคประชาธิปัตย์ในการแก้ไขหลักเกณฑ์ของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้รัฐธรรมนูญในอนาคตแก้ไขได้ง่ายเสียก่อน โดยใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งคาดว่าจะเพียงพอ และจะได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย
เมื่อถามว่า การแก้ไขหลักเกณฑ์รัฐธรรมนูญจะได้เสียงสนับสนุนมากกว่าการแก้ไขใหม่ทั้งฉบับหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่อยากที่จะไปก้าวล่วงความคิดคนอื่น เพราะทุกคนมีสิทธิในการเสนอความคิดเห็นตามแนวทางที่ตนคิดว่าควรจะเป็น ซึ่งตนเคารพความคิดเห็นของฝ่ายค้าน อย่างไรก็ตามในส่วนของรัฐบาลมีแนวความคิดเช่นนี้เหมือนกัน สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมในการแก้ไขนั้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ตนยังมองว่าปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขคือปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานราก ปัญหาความยากจนและปัญหาเกษตรก่อน แต่ยอมรับว่าทั้ง 2เรื่องสามารถทำควบคู่กันไปได้
‘เรืองไกร’ชี้ชงชื่อนายกฯไม่ชอบ
วันเดียวกัน นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะอดีต สมาชิกวุฒิสภา เปิดเผยว่า มีประเด็นใหม่ที่ใหญ่กว่าเรื่องถวายสัตย์และไม่แจ้งที่มารายได้จัดทำงบประมาณ ปมใหม่นี้มีเหตุจาก นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญให้ครบถ้วน กรณีให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่6/2559 ระบุไว้ว่า การได้มาซึ่งนายกฯตามรัฐธรรมนูญ ได้แบ่งขั้นตอนการเสนอชื่อและการให้ความเห็นชอบออกจากกัน กล่าวคือขั้นตอนการเสนอชื่อต้องทำในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรและขั้นตอนการให้ความเห็นชอบต้องทำในที่ประชุมรัฐสภา เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญวางบรรทัดฐานไว้แล้ว ไม่น่าจะทำผิดพลาดขึ้นมาได้ แต่ก็มีเหตุขึ้นมาจนได้เพราะวันที่ 5มิถุนายน2562 นายชวน ประธานสภาฯซึ่งต้องดำเนินการให้เสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อน แต่ นายชวน ไม่ทำ ทั้งที่มีการทักท้วงและมีการรวบขั้นตอนไปทำในที่ประชุมรัฐสภา เหตุการณ์วันที่ 5 มิถุนายน 2562 มีหลักฐาน 2ชิ้นคือ บันทึกการประชุมสภาผู้แทนราษฎรและบันทึกการประชุมรัฐสภาที่ระบุชัดเจนว่าขั้นตอนการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯในที่ประชุมสภาฯก่อนไม่มีแต่อย่างใด แต่กลับไปเสนอชื่อและให้ความเห็นชอบในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งไม่อาจทำได้ เพราะเป็นการข้ามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ
ยื่น’อสส.’ส่งศาลคว่ำ’เรือเหล็ก’
นายเรืองไกร กล่าวอีกว่า การข้ามขั้นตอนโดยไม่ทำตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าวเป็นประเด็นใหม่ที่คงทำให้หลายคนรู้สึกเสียวสันหลังกัน เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักรู้ได้ทันทีว่า การเลือกนายกฯเกิดความผิดพลาดอย่างจัง ทำให้การได้มาซึ่งนายกฯไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเรื่องถวายสัตย์ไม่ครบ เรื่องนโยบาย ไม่ใส่ตัวเลข จึงเป็นประเด็นรอง ปมใหม่เรื่องอาจเป็นต้นเหตุทำให้เรือเหล็กจมลงก็ได้ ดังนั้นตนจะร้องไปที่อัยการสูงสุด เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่ นายชวน ไม่ทำตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ ทำให้การกระทำของ นายชวน ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่และการให้ความเห็นชอบพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯจะเป็นโมฆะหรือไม่ โดยจะไปยื่นหนังสือที่สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการในวันที่ 13สิงหาคมนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี