วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
ราชการแนวหน้า : ยืมตัวแล้วไปต่อเลยนะ

ราชการแนวหน้า : ยืมตัวแล้วไปต่อเลยนะ

วันอาทิตย์ ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag : ราชการแนวหน้า
  •  

1.ในระบบราชการของประเทศไทย มีการยืมตัวบุคลากรของหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่งไปปฏิบัติงานให้กับหน่วยงานของรัฐอีกแห่งหนึ่งได้โดยหน่วยงานของรัฐทั้งสองแห่งทำความตกลงกันและให้ความยินยอมโดยพิจารณากำหนดระยะเวลาพร้อมทั้งเหตุผลและความจำเป็นประกอบกันโดยเฉพาะกรณีของหน่วยงานตั้งใหม่ที่ยังขาดบุคลากรปฏิบัติงานในด้านต่างๆ ตามภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ

2.กระบวนการยืมตัวไปช่วยราชการเป็นการใช้อำนาจการบริหารราชการของส่วนราชการหรือหน่วยงานของรัฐที่จะต้องพิจารณาให้ความช่วยเหลือกันโดยมีมติคณะรัฐมนตรีรองรับไว้หลายครั้ง ครั้งที่สำคัญคือการไม่อนุมัติให้มีการยืมตัวไปช่วยราชการที่หน่วยงานรัฐวิสาหกิจแต่อย่างใด


3.ในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2551 มีการบัญญัติหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการให้ข้าราชการพลเรือนไปเพิ่มพูนประสิทธิภาพโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศไทยตามระเบียบก.พ.ว่าด้วยการเพิ่มพูนประสิทธิภาพของข้าราชการพลเรือนโดยการให้ไปปฏิบัติงานที่หน่วยงานอื่นในประเทศ พ.ศ.2554 และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ดูรายละเอียดได้ตามหนังสือเวียนก.พ.ที่ ว.10/2554 และ ว.15/2562) เท่าที่ผ่านมามีคนใช้ช่องทางนี้น้อยมาก เพราะว่าไม่สะดวกเท่าการขอยืมตัวไปช่วยราชการนะครับ

4.ครั้งนี้มีประเด็นปัญหาจากการที่มีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นใหม่ตามพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561 ตั้งสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกขึ้น และมีการยืมตัวข้าราชการหรือพนักงานจากหน่วยงานของรัฐมาช่วยดำเนินกิจการตั้งแต่เริ่มต้นโดยมีกำหนดระยะเวลาตามที่ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันอออกอาศัยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 2/2560 เรื่องการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ลงวันที่ 17มกราคม พ.ศ.2560 เป็นการชั่วคราว (มาตรา 73 วรรคหนึ่งแห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ.2561) ขอให้มาช่วยปฏิบัติงาน

4.1 หากข้าราชการ พนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยงานของรัฐนั้น ประสงค์จะเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานนี้ก็ให้แสดงความจำนงเป็นหนังสือต่อผู้บังคับบัญชาภายใน 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ

4.2 เมื่อได้ผ่านการคัดเลือกหรือประเมินจากเลขาธิการตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด และได้รับการบรรจุเป็นพนักงานหรือลูกจ้างของสำนักงานแล้วให้เป็นวันออกจากราชการหรือออกจากงานแล้วแต่กรณี (มาตรา 73 วรรคหนึ่ง)

5.ตรงนี้มีหลักเกณฑ์เพิ่มเติมอีก 2 ประการคือ

1) การออกจากราชการหรือออกจากงานในกรณีนี้ ถือว่าเป็นการออกจากงานเพราะเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยบำเหน็จบำนาญข้าราชการ หรือกฎหมายว่าด้วยกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ ส่วนลูกจ้างเป็นการออกจากงานเพราะทางราชการยุบตำแหน่งหรือทางราชการเลิกจ้างโดยไม่มีความผิดและได้รับบำเหน็จตามระเบียบกระทรวงการคลัง (มาตรา 73 วรรคสอง)

2) ในกรณีที่ผู้ที่ออกจากราชการหรือออกจากงานยังมีสัญญาที่จะต้องรับราชการหรือปฏิบัติงานเพื่อชดใช้ทุนไม่ครบตามระยะเวลาที่กำหนด ก็ให้นับระยะเวลาที่มาปฏิบัติงานกับสำนักเป็นการรับราชการหรือปฏิบัติงานตามสัญญานั้นได้ เรียกว่าให้นับระยะเวลาปฏิบัติงานดังกล่าวเป็นระยะเวลาชดใช้ทุนได้ด้วย (มาตรา 73 วรรคสาม)

6.สำหรับประเด็นปัญหาที่ไปหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาเป็น 2 กรณีคือ กรณีที่หนึ่งมีการยืมตัวพนักงานของหน่วยงานของรัฐมาปฏิบัติงานที่สำนักงานโดยเป็นพนักงาน จะถือว่าเป็นไปตามมาตรา 38 แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกฯ หรือเป็นการบรรจุให้เป็นพนักงานของสำนักงานและออกจากงานแล้วตามมาตรา 73 ดังกล่าวข้างต้น

กรณีที่สอง หากพนักงานผู้นั้นได้รับอนุมัติจ้างเป็นพนักงานของสำนักงานตามมาตรา 73 จะถือเป็นการออกจากงานเพราะเลิกหรือยุบตำแหน่งตามกฎหมายจัดตั้งของหน่วยงานเดิมหรือไม่ และตำแหน่งที่พนักงานผู้นั้นครองอยู่ในหน่วยงานเดิม จะถูกยกเลิกหรือยุบด้วยหรือไม่ อย่างไร

7.คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้วมีความเห็นโดยสรุป ตามประเด็นดังต่อไปนี้

1) ประเด็นที่หนึ่ง พนักงานผู้นี้ได้ดำเนินการครบถ้วน ถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ตามมาตรา 73 หรือไม่ อย่างไร

คณะกรรมการฯ มีความเห็นโดยสรุปว่าพนักงานผู้นี้ได้ถูกขอยืมตัว 2 ครั้ง ครั้งแรกที่สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(สกรศ.) มีกำหนดระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560ถึง 30 กันยายน 2561 ครั้งที่สอง ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ตามมาตรา 38แห่งพระราชบัญญัติเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกฯ(สกพอ.) มีกำหนดระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 พฤศจิกายน 2561

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ราชการแนวหน้า : คุณสมบัติทั่วไปและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน ราชการแนวหน้า : คุณสมบัติทั่วไปและลักษณะต้องห้ามของผู้ที่จะเข้ารับราชการพลเรือน
  • ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา
  • ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา
  • ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา
  • ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา ราชการแนวหน้า : การสอบสวนทางวินัยกับการสอบสวนทางคดีอาญา
  • ราชการแนวหน้า : รวมความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายล้างมลทินของข้าราชการ ราชการแนวหน้า : รวมความเห็นเกี่ยวกับกฎหมายล้างมลทินของข้าราชการ
  •  

Breaking News

โหร‘AI’ไขดวงชะตา! ‘ChatGPT’ที่พึ่ง‘ไทยสายมู’ยุคดิจิทัล

อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’

'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'

นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved