ส่งตำรวจดูแลเข้มศาลรธน.
วันชี้ชะตาอนค.
ปิยบุตรแถลงปิดคดีนอกสภาฯ
ถ้าถูกยุบเหมือนทุบหัวใจวัยโจ๋
สตช.จัดตำรวจ 1 กองร้อย ดูแลศาลรัฐธรรมนูญวันตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ 21 กุมภาพันธ์ “ปิยบุตร”แถลงปิดคดีนอกสภาฯเชื่อไม่ถูกยุบ นัดโชว์พลังวันตัดสินคดีขณะที่ “บิ๊กป้อม” พร้อมแจงทุกประเด็น “พุทธิพงษ์”เผยพรรคร่วมรัฐบาลตั้งวอร์รูมที่สภา ป้อนข้อมูลรมต.แจงศึกซักฟอก“ธรรมนัส”ตั้งวอร์รูมทีมกม.ขู่อภิปรายหมิ่นเหม่ ฟ้องทันที ด้าน“พรรคฝ่ายค้าน”จ่อเคาะผู้อภิปราย20ก.พ.คาดมี35ขุนพล เชื่อ5เรื่องถึงมือปปช.แน่ “อนุดิษฐ์”ซัดพปชร.ตั้งวอร์รูมขู่สวนฝ่ายค้าน ดึงเล่นเกมนอกสภา เย้ย“ปากกล้าขาสั่น”
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัย เพื่อมีคำสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ ในวันศุกร์ที่ 21กุมภาพันธ์นี้เวลา 15.00น.ว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)มอบหมายให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานความมั่นคง วางมาตรการป้องกันความแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น ส่วนการวางกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย ทางพล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.จัดสรรกำลังจากกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน(อคฝ.)ทั้งชายและหญิง อำนวยความสะดวกและดูแลความสงบเรียบร้อย ให้กับประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการและมาให้กำลังใจพรรคอนาคตใหม่ ทั้งนี้ ฝากถึงกองเชียร์ ขอให้ปฏิบัติตัวอยู่ในกรอบกฎหมาย เคารพกฎกติกา อย่าทำอะไรที่สุ่มเสี่ยงเพราะเมื่อกฎหมายเดินหน้าไปแล้วไม่สามารถหยุดได้ ส่วนการข่าว ยังไม่มีสิ่งบ่งชี้ความไม่สงบ
จัดกำลัง1กองร้อยดูแลศาล รธน.
ด้าน พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รอง ผบช.น.กล่าวว่าเบื้องต้นกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 วางกำลังตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยโดยรอบศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน1กองร้อย หรือประมาณ 150 นาย ส่วนบริเวณด้านในศาลรัฐธรรมนูญจะมีเจ้าหน้าที่ของศาลดูแล และกำหนดเขตอำนาจศาล พื้นที่สำหรับสื่อมวลชนและประชาชนที่จะมาให้กำลังใจพรรคเช่นเดียวกับครั้งก่อน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะเริ่มนำกำลังเจ้าหน้าที่เข้ารักษาความปลอดภัย และตั้งศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ตั้งแต่เวลา17.00 น.ของวันที่20 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปจนถึงหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัย และจะมีการตั้งด่านตรวจความเรียบร้อยตามแผนของกองบังคับการตำรวจนครบาล 2
พรรคอนาคตใหม่ถือเป็นพรรคที่เคารพกฎหมายพอสมควร อยู่ในกรอบของกฎหมายจึงไม่กังวลเรื่องการชุมนุมเพราะจากการสืบสวนพบว่าผู้ชุมนุมและกลุ่มให้กำลังใจของพรรคอนาคตใหม่ จะไม่เดินทางไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแต่จะมีการรวมตัวกันที่ทำการของพรรคอนาคตใหม่เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว
ส่งตำรวจดูแลรอบพรรคอนค.
พล.ต.ต.สมประสงค์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะส่งกำลังเจ้าหน้าที่เข้าดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณโดยรอบ ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สน.มักกะสันและกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 ซึ่งในวันที่ 20 กุมภาพันธ์นี้ ได้เรียกประชุมร่วมตำรวจนครบาล 1 และ 2 เพื่อสรุปมาตรการรักษาความปลอดภัยในวันดังกล่าวอีกครั้ง ในเวลา 11.00 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล
แต่ทั้งนี้ หากประชาชนต้องการไปให้กำลังใจ ไม่มีป้ายเรียกร้องหรือรถขยายเสียงจะไม่เข้าข่ายการชุมนุมตาม พ.ร.บ.ชุมนุม ก็สามารถกระทำได้ โดยไม่ต้องแจ้งให้เจ้าหน้าหน้าที่ตำรวจทราบ แต่ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขและการอนุญาตจากศาลและอยู่ในพื้นที่ที่ศาลกำหนด ส่วนกลุ่มผู้ที่มีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ว่าจะกลุ่มใดก็ตาม ขอให้อยู่ภายในกรอบของกฎหมาย ไม่ลงมาชุมนุมเรียกร้องลงพื้นที่ถนน หากมีปัญหาก็ให้ใช้วิธีการถกเถียงกันในสภา หรือร้องเรียนตามหน่วยงานที่รับเรื่องร้องเรียน
“ปิยบุตร”แถลงปิดคดีนอกสภา
ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงปิดคดีนอกศาลรัฐธรรมนูญ กรณีเงินกู้พรรคอนาคตใหม่ ก่อนศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิฉัยคดีในวันที่ 21กุมภาพันธ์ โดยระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรคและไม่มีอำนาจตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค กล่าวคือ รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 มาตรา 210 (3) บัญญัติว่า หน้าที่และอํานาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเมื่อพิจารณารัฐธรรมนูญแล้วไม่มีมาตราใด ที่กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจยุบพรรคและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค โดยอำนาจยุบพรรคและเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคมีอยู่ในมาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองเท่านั้น ดังนั้น ประเด็นนี้เป็นประเด็นข้อกฎหมายที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องวินิจฉัยก่อนว่ามาตรา 92 ของกฎหมายพรรคการเมืองขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญหรือไม่
ยืนยันยุบ’อนาคตใหม่’ไม่ได้
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า บทลงโทษของมาตรา 66 มีแต่โทษเพิกถอนสิทธิของบุคคลที่บริจาคเงินเกินและโทษปรับบุคคลที่บริจาคเงินเกินจำนวนที่กฎหมายกำหนด ส่วนพรรคที่รับเงินดังกล่าวก็ต้องส่งเงินคืนและเพิกถอนสิทธิ์กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยไม่มีการยุบพรรค ที่สำคัญ กระบวนการนี้ต้องเป็นไปตามกระบวนการปกติ คือ กกต.พิจารณาและส่งศาลอาญาและสู้กันถึงสามศาล โดยศาลรัฐธรรมนูญไม่เกี่ยว
ส่วนกรณีมาตรา 72 กฎหมายมีวัตถุประสงค์ป้องกันไม่ให้พรรคการเมืองเอาเงินสีเทามาใช้ในพรรค ถามว่าการกู้เงินผิดตรงไหน เพราะเงินที่มาก็มีแหล่งที่มาที่ถูกกฎหมาย พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมาตรา 72เหตุที่ต้องหยิบ72มาเป็นประเด็นเพราะ กกต.เห็นว่ามีโทษยุบพรรค กกต.ถึงจะส่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรคได้ การมาบอกว่าเมื่อกฎหมายไม่ให้กู้เงินแล้วโดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยมิชอบย่อมเป็นความผิดนั้น ขอชี้แจงว่าพรรคไม่มีทางรู้ว่ากกต.จะตีความพิสดารขนาดนี้ ถ้าพิสูจน์เจตนาก็ชัดเจนว่าพรรคไม่มีทางรู้เลยว่ากกต.จะตีความแบบนี้ ดังนั้น ยืนยันได้ว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่มีความผิดตามมาตรา 62 มาตร 66 มาตรา 72 ศาลรัฐธรรมนูญต้องยกคำร้อง
ยุบจริงเหมือนทุบหัวใจคนรุ่นใหม่
“วันที่ 21กุมภาพันธ์ หากยุบพรรคจริง จะเป็นครั้งแรกที่ยุบพรรคฝ่ายค้านและยุบก่อนอภิปรายไม่ไว้วางใจ 3วัน พรรคอนาคตใหม่เราได้เริ่มต้นสร้างความหวังใหม่ให้กับคนรุ่นหนุ่มสาว ถ้าเกิดการยุบพรรคขึ้น จะไม่ใช่แค่การยุบพรรคเท่านั้น แต่เป็นการยุบความหวังของคนรุ่นใหม่ เพราะเป็นการทุบเข้าไปที่หัวใจของคนจำนวนมากที่หวังว่าประเทศไทยจะไปสู่จุดที่ดีกว่าเดิม และยังเป็นการปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่ต้องการให้ประเทศไทยหลุดจากวงจรรัฐประหาร และการลดความเหลื่อมล้ำ พัฒนาการประชาธิปไตยกำลังเดินไปตามครรลอง อย่าเอา”นิติสงคราม”มาเป็นเครื่องมือ” นายปิยบุตร กล่าว
นัดโชว์พลังหนังยุบอนค.ไม่ซ้ำเดิม
เลขาธิการพรรคอนค.ยังย้ำว่าวันที่ 21กุมภาพันธ์ พรรคนัดส.ส.กรรมการบริหารพรรค และผู้สนับสนุนของพรรคมาร่วมฟังคำวินิจฉัยพร้อมกันในเวลา 15.00น.ที่ทำการพรรคอนาคตใหม่ และจะเปิดทำการขายสินค้าของพรรค รับบริจาคและเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค เพื่อให้เห็นกันไปว่าพรรคที่กำลังโดนศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กลับมีผู้มาสนับสนุนจำนวนมาก ท้ายที่สุดแล้ว หนังยุบพรรคเรื่องนี้จะไม่เหมือนเดิม เพราะพรรคอนาคตใหม่จะไม่หายไป ธนาธรและปิยบุตร จะไม่หายไป แต่จะเห็นว่าพวกเราโลดแล่นมากกว่าเดิมและส.ส.ของพรรคจะไม่เติมให้กับรัฐบาล
พปชร.ตั้งวอร์รูมในสภาป้อมรมต.
สำหรับความคืบหน้าการเตรียมพร้อมรับมือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นในวันที่ 24-26 ก.พ.นั้น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) แกนนำพรรคพลังประชารัฐให้สัมภาษณ์ถึงการตั้งวอรูมของพรรคเพื่อช่วยรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ความจริง ไม่ถึงกับการเป็นองครักษ์อะไร เพราะส.ส.ทุกคน ก็สามารถลุกขึ้นใช้สิทธิระท้วงได้อยู่แล้ว หรือ ขอให้ประธานพิจารณาตามข้อบังคับได้ ถ้ามีอะไรที่พาดพิงหรือเกินขอบเขต ก็สามารถใช้สิทธิประท้วงได้ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ความจริงรัฐมนตรีทุกคน ก็เตรียมความพร้อมของตัวเองอยู่แล้ว
“เราจะมีวอร์รูมของพรรคร่วมรัฐบาลอยู่ที่สภาคอยรวบรวมข้อมูลให้รัฐมนตรีแต่ละท่านและคอยแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนหากรัฐมนตรีชี้แจงไม่ครบถ้วน เราดูแลทุกคนเป็นพิเศษหมด หากการชี้แจงของรัฐมนตรียังไม่ครบถ้วน เราก็จะช่วยชี้แจงกับสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง”นายพุทธิพงษ์ ย้ำ
โอ่พรรคร่วมรบ.ทำงานเป็นทีม
นายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า ทุกคนในพรรคจะมาช่วยกันในวอร์รูมนี้กันอยู่แล้ว พรรคเราก็เป็นหนึ่งเดียว มีนายกรัฐมนตรีคนเดียวกัน มีรัฐมนตรีที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ตนได้ประสานพรรคกับพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันซึ่งทุกพรรคก็ตอบรับดีทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งพรรคภูมิใจไทยและพรรคอื่นๆเขาก็ตั้งวอรูมของตัวเอง ส่งคนมาช่วยสนับสนุนถ้ามีข้อมูลอะไรที่ไปพาดพิงหรือคาบเกี่ยวกับกระทรวงที่พรรคร่วมรัฐบาลรับผิดชอบเขาก็ยินดีสนับสนุนข้อมูลอย่างเต็มที่ ซึ่งเราทำงานกันเป็นทีม
ธรรมนัสตั้งทีมกม.หมิ่นฟ้องทันที
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมจัดสัมมนาสัมมนาของพรรค พปชรเพื่อรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ จ.ชลบุรีในวันที่ 22-23ก.พ.นี้ ยืนยันว่าตนไปร่วม ถือเป็นกิจกรรมของวิปรัฐบาลซึ่งรัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกก็จะไปร่วม ยกเว้นนายกรัฐมนตรี ส่วนตนก็ไม่ต้องซักซ้อมอะไร เพราะเป็นประเด็นเก่าๆก็รู้อยู่แล้วว่าจะถูกอภิปรายเรื่องอะไร
ส่วนกรณีพรรค พปชร.ตั้ง”วอร์รูม”ให้ผู้มีประสบการณ์ประมาณ30คน มาช่วยนั้นร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราก็ต้องใช้องคาพยพ หลายๆด้านเพื่อมาช่วยในฐานะที่เราเป็นฝ่ายรัฐบาล เหมือนกันฝ่ายค้าน ก็คงจะใช้องคาพยพแบบนั้น ต่างฝ่ายต่างมีการเตรียมตัว สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่ตัวรัฐมนตรีแต่ละคนว่าจะเตรียมข้อมูลโต้ตอบการอภิปราย ซึ่งส่วนตัวตั้งวอร์รูมที่กรุงเทพฯและที่จ.พะเยา โดยที่จ.พะเยาเป็นวอร์รูมฝ่ายกฎหมาย หากมีการอภิปราย ที่ส่อในทางหมิ่นเหม่หรือทำให้เสียชื่อเสียง ก็มีทีมกฎหมายที่พะเยาไปร้องทุกข์กล่าวโทษทันที ไม่ต้องรอ
‘สุริยะ’พร้อมป้อนข้อมูลให้บิ๊กตู่
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่า ไม่ได้เดินทางไปร่วมการสัมมนาเพื่อซักซ้อมการรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่พัทยา จ.ชลบุรี ระหว่างวันที่22-13 ก.พ.เพราะมีปัญหาสุขภาพ แต่พรรคพปชร.ได้มอบหมาย ส.ส.ให้เตรียมเรื่องต่างๆ ที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายเอาไว้ ขณะที่กระทรวงอุตสาหกรรมได้เตรียมข้อมูลไว้กรณีถูกพาดพิงทั้งเรื่องอ้อย น้ำตาล หรือแม้กรณีเหมืองอัครา เพื่อจะได้ส่งข้อมูลให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมและหากพาดพิงตัวรัฐมนตรีซึ่งตนจะลุกขึ้นชี้แจง ซึ่งยืนยันว่าสามารถชี้แจงได้
‘บิ๊กป้อม’พร้อมแจงทุกประเด็น
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านอาจจะนำเรื่องบ้านพักสวัสดิการทหารมาอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ในส่วนของมูลนิธิป่ารอยต่อ5จังหวัด ทำถูกต้อง มีการเช่าที่จากกระทรวงการคลัง ตั้งแต่ที่ตนเกษียณและตนก็ไปพักที่บ้านพักส่วนตัว ตั้งแต่เกษียณ ส่วนนายพลคนอื่น ที่เกษียณนั้นต้องไปถามผู้บัญชาการทหารบก เพราะเป็นผู้ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่ามีข้อมูลชี้แจงในการอภิปรายใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบอย่างอารมณ์ดีว่า“เขาจะถามเรื่องอะไร ขอให้สืบมาด้วยนะ ประเด็นใดที่เกี่ยวกับผมๆก็จะลุกขึ้นชี้แจงเอง”
เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคอนาคตใหม่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการปฏิรูปกองทัพและการเปิดเผยข้อมูลต่างๆพล.อ.ประวิตรกล่าวว่าเรื่องข้อมูลต่างๆเปิดเผยหมดแล้ว ไม่มีอะไรทุกอย่าง ทำตามที่พรรคอนาคตใหม่เขาว่าอยู่แล้ว ส่วนวันที่ 21ก.พ.นี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดตัดสินคดีกู้เงินพรรคอนาคตใหม่ คงไม่มีอะไรวุ่นวาย
บิ๊กตู่เบรกหยุดยาว9วัน ไม่ได้อะไร
ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถึงกรณีข้อเสนอหยุดยาว 9 วันในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ว่าวันนี้ตนมีมติไปแล้ว ไม่มีการนำเรื่องเข้าครม.ซึ่งไม่เห็นด้วยให้หยุดเพิ่ม เพราะมองว่าวันหยุดปกติ ก็มากเพียงพอแล้ว อีกทั้งการให้บริการต่างๆกับประชาชนก็จำเป็น นอกจากนั้น ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป ส่วนเรื่องกระตุ้นการท่องเที่ยว ก็มองว่าคงไม่ได้อะไรกลับมาเท่าไหร่
‘ฝ่ายค้าน’จัด35ขุนพลลุยศึกซักฟอก
ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรครวมฝ่ายค้าน(วิปฝ่ายค้าน)แถลงภายหลังการประชุมวิปฝ่ายค้านถึงการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่าได้เตรียมความพร้อมไว้แล้ว95เปอร์เซ็นต์ ส่วนส.ส.ผู้อภิปราย จะยืนยันอีกครั้งในวันที่ 20กุมภาพันธ์นี้ส่วนเนื้อหาสาระการอภิปรายลงตัวเรียบร้อย ขึ้นอยู่ที่ความพร้อม ทักษะผู้อภิปราย ส่วนใหญ่ เป็นส.ส.หน้าใหม่ ยกเว้นพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติที่ส่งหน้าเดิมโดยพรรคประชาชาติ คือนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคและนายซูกาโน มะทา ส.ส.ยะลารวมทั้งสิ้น34-35 คน
เชื่อเปิดแผลเขย่ารบ.แน่นอน
เมื่อถามว่าขณะนี้มีเปิดประเด็นเรื่องย้ายโรงงานยาสูบที่อยู่ติดกับศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เพื่อจะได้นำพื้นที่ไปเอื้อประโยชน์กับเจ้าสัว นายสุทินกล่าวว่าเป็นการปลุกเร้าตัวอย่างบางตอนให้สังคมติดตาม คิดว่าคนที่เปิดประเด็นอยากให้สังคมร่วมตรวจสอบไปด้วย เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้มีผลกระทบต่อรัฐบาลแน่นอนและเข้าใจว่าการอภิปรายรอบนี้ จะเป็นแบบในสภาและข้างนอกสภามีส่วนร่วมกัน
มั่นใจซักฟอกมี5เรื่องถึงปปช.
“ภายหลังการอภิปรายคาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 5 เรื่องที่จะส่งร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)รอบนี้มีเรื่องเซอร์ไพรส์แน่นอน โดยเป็นเรื่องที่เรารู้กันอยู่แล้วทั่ว แต่จะคาดไม่ถึงว่าจะเลวร้ายได้มากถึงเพียงนี้ ฝ่ายค้านจะอภิปราย ลงลึกจนสามารถเอาผิดรัฐมนตรีผู้นั้นได้ อีกทั้ง จะส่งแรงกดดันไปยังพรรคร่วมรัฐบาลด้วย แต่ก็ขึ้นอยู่กับพรรคนั้นๆว่าจะให้น้ำหนักเพียงใด หรือเด็ดเดี่ยวมั่นคงในผลประโยชน์ประชาชนมากน้อยเพียงใดด้วย ผมเชื่อว่าพรรคที่ยึดมั่นประชาชนจะลุกขึ้นมายื่นคำขาดให้พรรคแกนนำทำอะไรเสียอย่าง” นายสุทิน กล่าว
มีเซอร์ไพรส์บางพรรคถอนตัว
นายสุทิน เชื่อว่า จะเกิดเหตุการณ์คล้ายที่พรรคพลังธรรมลุกขึ้นมาขอถอนตัวในการร่วมรัฐบาล ทำให้รัฐบาลชวน รัฐบาลบรรหาร ต้องยุบ จะมีพรรคขอถอนตัว เพราะพวกเขาจะไม่ทนกับกระแสสังคม
เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ขึ้นอยู่กับสำนึกและความเปราะบางทางจริยธรรมของแต่ละคน ท่านประยุทธ์ อาจจะมากหน่อย ส่วนหากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบได้มีการเตรียมการไว้หรือไม่ นายสุทิน เชื่อว่าพรรคอนาคตใหม่ จะไม่ถูกยุบ แต่ถ้ายุบ เสียงที่หายไปของฝ่ายค้านคือคณะกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่เป็น ส.ส. และจะมี ส.ส.3คนที่วางไว้ให้อภิปรายหายไปด้วย เราก็จะมีระบบทดแทนไว้
นายสุทิน กล่าวด้วยว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ฝ่ายค้านไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องมือในสภา เพราะมือเราสู้ไม่ได้อยู่แล้ว แต่ให้ความสำคัญด้านกระแสสังคมมากกว่า ส่วนจะมีงูเห่าหรือไม่ คงไม่ต้องควบคุมอะไรมาก ตอนนี้มาถึงขั้นสังคมควบคุมแล้ว สังคมตรวจสอบถี่ยิบ ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการแจกกล้วย แต่ถ้ามีก็มีวิธีดูง่ายๆคือโหวตสวนมติพรรคแล้ว อธิบายไม่ได้ งูเห่าจะเลื้อยไปไหน ก็เห็นหมด
อนุดิษฐ์ซัดรบ.วิตกจริตศึกซักฟอก
น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.)กล่าวถึงกรณีแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ตั้งวอร์รูมสกัดการตรวจสอบจากฝ่ายค้านว่าไม่แปลกใจที่ผู้นำอย่างพล.อ.ประยุทธ์ เลือกใช้วิธีนี้ เพราะตั้งแต่เป็นนายกฯ จากการยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่เคยถูกใครตรวจสอบมาก่อน ที่ผ่านมามีแต่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวหาคนอื่นและใช้กฎหมายพิเศษเล่นงานนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เมื่อต้องถูกตรวจสอบตามกฎหมาย เป็นครั้งแรก จึงอาจกังวลและวิตกจริตเพราะที่ผ่านมาเคยแต่ชี้นิ้วเล่นงานคนอื่น ที่สำคัญพล.อ.ประยุทธ์ไม่มี มาตรา 44 เป็นยาวิเศษอีกแล้ว แม้จะเขียนนิรโทษกรรมตัวเองและพวกพ้องไว้ในรัฐธรรมนูญ 2560 แต่ไม่สามารถคุ้มครองความผิดได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะความผิดใหม่ๆจำนวนมากที่เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้
ตั้งวอร์รูมโต้ฝ่ายค้านเล่นนอกสภา
“การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถือเป็นเรื่องปกติในระบบรัฐสภา ผมไม่เคยเชื่อเลยว่าพล.อ.ประยุทธ์จะแสดงอาการหวั่นวิตกกับการถูกตรวจสอบครั้งแรกในรอบ 6 ปี มากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ แกนนำพปชร.ต้องไประดม ส.ส.ทั้งในอดีตและปัจจุบันมาตั้งวอร์รูมเพื่อขู่จะสวนกลับฝ่ายค้าน หรือขู่จะขุดคุ้ยข้อมูลมาโจมตีผู้อภิปรายบ้าง ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ใครๆก็ดูออกว่าเป็นการจงใจเล่นเกมนอกสภาอย่างชัดเจนและไม่สนใจความชอบธรรมและกระบวนการที่ถูกต้องของระบบรัฐสภา” น.อ.อนุดิษฐ์ กล่าว
เมินวอร์รูมเย้ยบิ๊กตู่’ปากกล้าขาสั่น’
น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวอีกว่านายกฯและรัฐมนตรี ที่บกพร่องทุกคนสามารถชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านในสภาฯด้วยตัวเองได้อยู่แล้ว การตั้งวอร์รูมนอกสภา เพื่อตรวจสอบฝ่ายค้านจึงเป็นการเล่นการเมืองแบบโบราณ ที่ยอมใช้ทุกวิธีการเพื่อเอาตัวรอดโดยไม่สนใจความถูกต้องซึ่งผู้อภิปรายจากฝ่ายค้านทุกคนคงไม่ให้ราคาแต่ที่ต้องออกมาให้สัมภาษณ์ครั้งนี้เพราะการกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำลายความเชื่อมั่นและศรัทธาต่อนักการเมืองโดยรวม หาก พล.อ.ประยุทธ์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ก็แสดงว่าท่านกำลังสนับสนุนให้พวกพ้องทำลายระบอบประชาธิปไตยโดยใช้นักการเมืองเป็นเครื่องมือเสียเอง การกระทำแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์และทำให้ประชาชนเบื่อหน่าย ขอเรียกร้องให้ นายกฯร่วมกันสร้างความเชื่อมั่นให้กับระบบรัฐสภาด้วยการยอมรับกติกาการตรวจสอบ นอกเสียจาก นายกฯจะมีอาการ“ปากกล้าขาสั่น” คิดว่าตัวเองคงชี้แจงในสภาฯไม่ได้แน่ๆ จึงต้องใช้ลูกสมุนคอยปั่นป่วนอยู่นอกสภาแบบนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี