สื่อนอกจับตา‘บิ๊กตู่’เปิดตัว‘รวมไทยสร้างชาติ’ การเมืองนับถอยหลังสู่วันเลือกตั้ง

สื่อนอกจับตา‘บิ๊กตู่’เปิดตัว‘รวมไทยสร้างชาติ’ การเมืองนับถอยหลังสู่วันเลือกตั้ง

วันอังคาร ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2566, 12.50 น.

เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2566 สื่อต่างประเทศหลายสำนักให้ความสนใจการเปิดตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayut Chan-o-cha) นายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบัน ในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยเว็บไซต์ นสพ. Daily Mail ของอังกฤษ เสนอข่าว Thai PM launches re-election bid ระบุว่า หลังจากที่มีข่าวอยู่ก่อนหน้านี้หลายเดือน ในที่สุดอดีตนายพลผู้ทำรัฐประหารในปี 2557 ก็เผชิญหน้ากับต้นสังกัดเดิมอย่างพรรคพลังประชารัฐ

งานเปิดตัวพรรครวมไทยสร้างชาติ จัดขึ้นที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ในกรุงเทพฯ ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หากตนมีโอกาสก็จะขอทำงานต่อไปเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ และย้ำว่าตนไม่ได้ต้องการอำนาจ เพียงแต่ทำงานมาแล้วหลายปีแล้วเห็นว่ายังมีปัญหาหลงเหลืออีกมาก โดย พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศครั้งแรกด้วยการยึดอำนาจในปี 2557 ขณะดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก จากนั้นได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ จากการเลือกตั้งในปี 2562 อย่างไรก็ตาม ด้วยบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯ ได้อีกเพียง 2 ปีเท่านั้น


บรรดาประชาชนที่สนับสนุนพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่งกายด้วยสีธงชาติไทย แดง-ขาว-น้ำเงิน หลายคนเดินทางไกลเพื่อจะมางานนี้โดยเฉพาะ อาทิ Malai Nongsuan ชายวัย 42 ปี อาชีพขายอาหารที่ จ.ลพบุรี กล่าวว่า ตนอยากเจอนายกฯ เพราะไม่เคยเห็นตัวจริงมาก่อน และตนชอบ พล.อ.ประยุทธ์ จากนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งช่วยเหลือประชากรกลุ่มเปราะบางยากจน ขณะที่ชายอีกคนจาก จ.ชลบุรี กล่าวว่า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะลงคะแนนให้ พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่

สื่อท้องถิ่นรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว ซึ่งพรรคดังกล่าวเป็นแกนนำรัฐบาลปัจจุบัน ทำให้ทางพรรคพลังประชารัฐ ประกาศให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (Prawit Wongsuwan) รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค เป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ ทั้งนี้ ยังไม่มีการประกาศวันเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ โดยอายุสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะหมดลงในเดือน มี.ค. 2566 และวันเลือกตั้งน่าจะอยู่ในเดือน พ.ค. ปีเดียวกัน

และแม้พรรคเพื่อไทย แกนนำฝ่ายค้านจะมีโอกาสชนะเลือกตั้งครั้งหน้ามากที่สุด แต่อีกด้านหนึ่ง รธน. ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เขียนขึ้นในยุคที่ประเทศไทยอยู่ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ อนึ่ง ประเทศไทยกำลังดิ้นรนต่อสู้กับความเสียหายทางเศรษฐกิจซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงกับภาคการท่องเที่ยว ตามด้วยกระแสต่างๆ ของโลกที่ทำให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อและเศรษฐกิจซบเซา

สำนักข่าว Bernama ของมาเลเซีย เสนอข่าว Thai PM Prayuth seeks re-election to continue work to improve country ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในวัย 68 ปี เปิดตัวในสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อหน้าผู้สนับสนุน 10,000 คน ให้คำมั่นว่าจะแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งคอร์รัปชั่น คุณภาพชีวิต ความยากจน อย่างไรก็ตาม หากได้กลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้ง จะดำรงตำแหน่งได้ถึงสิ้นปี 2568 เท่านั้น ตามคำวินิจฉัยของรัฐธรรมนูญที่ออกมาเมื่อเดือน ก.ย. 2565

ประเทศไทยน่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. 2566 หากยึดตามวันสิ้นอายุของสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน คือวันที่ 23 มี.ค. 2566 โดยเป็นไปตามกฎหมายที่ระบุว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ภายในอย่างน้อย 45 วัน แต่ต้องไม่เกิน 60 วัน หลังสภาผู้แทนราษฎรชุดเดิมหมดวาระ นอกจากนั้น หากพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ชิงเก้าอี้นายกฯ ก็จะต้องมี ส.ส. ในสภาฯ  อย่างน้อย 25 คน จากที่นั่งทั้งหมด 500 คนด้วย

เว็บไซต์ นสพ.South China Moring Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Thai PM Prayuth tries to cling onto power by switching political parties ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังต้องการอยู่ในอำนาจต่อไป แม้จะมีคะแนนนิยมลดลงอีกทั้งติดกรอบวาระการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะทำให้เป็นนายกฯ ได้อีกเพียง 2 ปี โดยคาดหวังเสียงสนับสนุนจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ทั้ง 250 คน ที่ซ้อนทับกับพันธมิตรจากสถาบันทางการทหาร เช่นเดียวกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่ สว. ปิดตายหนทางสู่การเป็นรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย

รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย (Yuttaporn Issarachai) อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้ความเห็นว่า การย้ายขั้วพันธมิตรเป็นเรื่องปกติของการเมืองไทย แต่ครั้งนี้รุนแรงขึ้นเพราะกฎการเลือกตั้งเปลี่ยนไปอย่างมาก และการแข่งขันก็มุ่งไปสู่เป้าหมายว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะได้อยู่ในอำนาจต่อไปหรือไม่ ทั้งนี้ การแก้ไขกฎการเลือกตั้งให้กลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ทำให้พรรคขนาดใหญ่อย่างเพื่อไทยและพลังประชารัฐได้เปรียบ

พล.อ.ประยุทธ์ มองหาสังกัดใหม่ พลังมีกระแสภายในพรรคพลังประชารัฐ ต้องการส่ง พล.อ.ประวิตร เป็นตัวแทนพรรคชิงเก้าอี้นายกฯ อีกทั้งมีความไม่พอใจกันเกิดขึ้นทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐและระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล สะท้อนความไม่เป็นที่นิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามด้วยผลโพลที่ชี้ว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดในการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น

รศ.ดร.ยุทธพร มองว่า การถอด พล.อ.ประยุทธ์ ออกจากสมการ จะช่วยให้ พล.อ.ประวิตร ยุติความขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐและเปิดช่องให้สามารถแสวงหาความร่วมมือทางการเมืองกับพรรคอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม หากต้องการสกัดกั้นชัยชนะของพรรคเพื่อไทย พรรครัฐบาลปัจจุบันอาจต้องพึ่งพาพรรคใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งก็จะเหมือนกับการเลือกตั้งปี 2562 ที่แม้พรรคเพื่อไทยจะได้ที่นั่งในสภาฯ มากที่สุด แต่พรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลเพราะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์

ด้วยกฎการเลือกตั้งที่แก้ไขให้เอื้อต่อพรรคใหญ่ ความเคลื่อนไหวสำคัญจึงอยู่ที่พรรคภูมิใจไทย ภายใต้การนำของรองนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล (Anutin Charnvirakul) ซึ่งโด่งดังจากนโยบายปลดล็อกกัญชาพ้นสถานะยาเสพติด มีรายงานว่า ส.ส. ชุดปัจจุบัน ประมาณ 30 คน จากหลากหลายพรรค ทยอยลาออกจากต้นสังกัดเดิมเพื่อไปเข้าร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ยังมีความพยายามควบรวมพรรคให้ใหญ่ขึ้น ระหว่าง พรรคไทยสร้างไทย โดย คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (Sudarat Keyuraphan) อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กับ พรรคสร้างอนาคตไทย โดย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ (Somkid Jatusripitak) อดีตหัวหน้าทีมเศรษฐกิจในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในเบื้องต้นทั้ง 2 พรรคประกาศร่วมเป็นพันธมิตรกัน แต่การควบรวมพรรคยังอยู่ระหว่างเจรจา

ด้านความเคลื่อนไหวของพรรคเพื่อไทย ซึ่งการทำโพลชี้ว่าเป็นเต็งหนึ่งในการเลือกตั้ง ยังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างเสียงข้างมากด้วยตนเอง ราวกับจะป้องกันการคาดการณ์ว่าอาจมีการจับมือกับทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยจะได้เสียงข้างมากตามเป้าหมายดังกล่าว เพราะตลอด 2 ทศวรรษที่ผ่านมา พรรคการเมืองของตระกูลชินวัตร ได้ที่นั่งในสภาฯ มากที่สุดมาโดยตลอด ด้วยแรงสนับสนุนจากประชาชนในพื้นที่ชนบททางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

พรรคเพื่อไทยเริ่มติดป้ายหาเสียงกันแล้วโดยชูภาพของ แพทองธาร ขินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) บุตรสาวของ ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) อดีตนายกฯ แม้ทางพรรคจะยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าจะส่งเป็นตัวแทนพรรคชิงตำแหน่งนายกฯ ก็ตาม ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ยังได้รับแรงสนับสนุนจากประชาชนในภาคใต้รวมถึงกลุ่มที่มีความคิดแบบอนุรักษ์นิยม ในสัปดาห์ที่แล้วได้แต่งกายชุดไทยไปปลูกข้าวและแจกลายเซ็นให้ผู้สนับสนุน

รายงานของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายด้วยความเห็นของ ฐิติพล ภักดีวานิช (Titipol Phakdeewanich) คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่า กองทัพจะยังคงมีอำนาจต่อไปผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ก็ พล.อ.ประวิตร ด้วยปัจจัยการมี สว.อยู่เคียงข้าง

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top