(ต่อจากอาทิตย์ที่แล้ว)
3) มาตรา 192 วรรคสอง กำหนดว่าการดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จตามมาตรา 48 เว้นแต่ระยะเวลาดังกล่าวได้ล่วงพ้นไปแล้วหรือเหลือน้อยกว่าที่กำหนดไว้ ให้นับระยะเวลาเริ่มต้นใหม่ตั้งแต่วันที่ พ.ร.บ.ว่าด้วยป.ป.ช.(2561) ใช้บังคับ
4) มาตรา 48 วรรคหนึ่ง กำหนดว่า เมื่อความปรากฏต่อคณะกรรมการป.ป.ช.ไม่ว่าจะมีการกล่าวหาหรือไม่ว่ามีการกระทำความผิดที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการป.ป.ช.ให้คณะกรรมการป.ป.ช.ดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจโดยพลัน โดยในกรณีที่ต้องมีการไต่สวน ต้องไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาที่คณะกรรมการป.ป.ช.กำหนด ซึ่งต้องไม่เกินสองปีนับแต่วันเริ่มดำเนินการไต่สวน และวรรคสาม กำหนดว่าในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอันไม่อาจดำเนินการให้แล้วเสร็จตามระยะเวลาตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองคณะกรรมการป.ป.ช.อาจขยายระยะเวลาออกไปตามที่จำเป็นได้ แต่รวมแล้วต้องไม่เกินสามปี เว้นแต่เป็นเรื่องที่จำเป็นต้องเดินทางไปไต่สวนในต่างประเทศฯ
ดังนั้น กรณีนี้จึงต้องดำเนินการไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยให้แล้วเสร็จไม่เกินสองปีหรือสามปี นับแต่วันที่ 22 กรกฎาคม 2561
5) กรณีนี้ ตามข้อเท็จจริงปรากฏว่า คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิดนาย ว. เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2565 และนาย ฉ. กับนายอ. เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม2565 จึงเป็นกรณีที่คณะกรรมการป.ป.ช.ไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยเกินกำหนดระยะเวลาตามที่มาตรา 48 วรรคหนึ่งประกอบวรรคสาม กำหนด
6) สำหรับการดำเนินการทางวินัยตามมาตรา 98 วรรคหนึ่งและวรรคสามนั้น เมื่อผู้บังคับบัญชาซึ่งมีอำนาจสั่งบรรจุฯ ได้รับสำนวนการไต่สวนของคณะกรรมการป.ป.ช.ตามมาตรา 91 แล้ว ให้พิจารณาโทษทางวินัยตามฐานความผิดที่คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติโดยไม่ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอีก โดยการดำเนินการทางวินัยนั้น ให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาดำเนินการสั่งลงโทษทางวินัย ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับเรื่องจากคณะกรรมการป.ป.ช.หรือภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งมติที่ขอให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาทบทวนฯ เว้นแต่คณะกรรมการป.ป.ช.ชี้มูลเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 48แล้ว แต่ไม่ตัดอำนาจของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่จะดำเนินคดีอาญาต่อไป
7) เมื่อคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ไต่สวนและมีความเห็นหรือวินิจฉัยเกินกำหนดเวลาตามมาตรา 48 วรรคหนึ่งประกอบวรรคสามกำหนด ผู้บังคับบัญชาจึงไม่ต้องผูกพันตามมติของคณะกรรมการป.ป.ช.ที่จะต้องพิจารณาโทษและสั่งลงโทษทางวินัยแต่ประการใด แต่ทั้งนี้ไม่ตัดอำนาจของผู้บังคับบัญชาที่จะดำเนินการทางวินัยตามอำนาจและหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดต่อไป
(มติของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 18/2566 เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2566)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี