วันศุกร์ ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
'ธนาธร'โชว์วิสัยทัศน์เปลี่ยนประเทศ 5 ด้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช. ใช้เงินไม่ถึง 5 แสนล้าน

'ธนาธร'โชว์วิสัยทัศน์เปลี่ยนประเทศ 5 ด้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช. ใช้เงินไม่ถึง 5 แสนล้าน

วันศุกร์ ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566, 17.30 น.
Tag : ธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ คณะก้าวหน้า คุณภาพชีวิต สาธารณสุข
  •  

ธนาธรโชว์วิสัยทัศน์ เปลี่ยนประเทศ 5 ด้าน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน ทำประปา-อัพเกรดโรงเรียนและอาชีวะ-รถเมล์อีวี-จัดการขยะ-เทเลเมดิซีน ใช้เงินไม่ถึง 5 แสนล้าน

วันที่ 17 พฤศจิกายน 2566 ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดบรรยายสาธารณะในหัวข้อ “ประเทศไทยควรได้อะไร หากต้องใช้ 5 แสนล้าน” เพื่อเสนอแนะแนวทางการใช้งบประมาณของประเทศอย่างคุ้มค่า สร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ ในขณะเดียวกันก็แก้ปัญหาคุณภาพชีวิตของประชาชนไปพร้อมๆ กัน


ธนาธรระบุว่าหากดูจากตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา จะเห็นว่าเศรษฐกิจไทยเติบโตทุกปี แต่โตในอัตราต่ำ โตช้ากว่าเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน รวมถึงมีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูงขึ้นทุกปี หากเราจะต้องใช้เงิน 5 แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การอัดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นการบริโภค จะไม่สามารถดันเศรษฐกิจให้โตขึ้นได้อย่างยั่งยืน แต่จำเป็นต้องสร้างศักยภาพการแข่งขันของประเทศอย่างเป็นระบบ โดยธนาธรเสนอว่าหากมีเงิน 5 แสนล้าน สิ่งที่ควรจะทำก็คือการกระจายเงินไปลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน 5 ด้าน นอกเหนือจากงบประมาณประจำที่รัฐต้องจ่ายอยู่แล้ว โดย 5 ด้านที่ว่านี้ ได้แก่ การสาธารณสุข การคมนาคม น้ำประปาดื่มได้ การจัดการขยะ และการศึกษา

• สร้างระบบแพทย์ทางไกล หรือเทเลเมดิซีน ทั่วประเทศ 60,900 ล้านบาท
• รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด 88,000 ล้านบาท 
• น้ำประปาดื่มได้ทั่วประเทศ 67,000 ล้านบาท 
• ลงทุนเพิ่มศักยภาพโรงเรียน 121,000 ล้านบาท 
• จัดการขยะอย่างถูกสุขลักษณะทั่วประเทศ 120,000 ล้านบาท 

รวม 456,900 ล้านบาท 

ในด้านการสาธารณสุข ธนาธรเสนอว่าการทำเทเลเมดิซีน หรือการแพทย์ทางไกล (telemedicine) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่นเบาหวาน ความดันสูง โรคหัวใจ ไม่ต้องรอคิวตรวจที่โรงพยาบาลนานหลายชั่วโมง โดยมีเครื่องตรวจวัดความดัน ค่าน้ำตาลในเลือด สัญญาณชีพต่างๆ ในทุกหมู่บ้าน เก็บขึ้นคลาวด์อย่างเป็นระบบ สามารถพบแพทย์ได้ผ่านหน้าจอ หากอาการป่วยไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก เทเลเมดิซีนไม่เพียงทำให้ประชาชนมีความสะดวกสบาย ประหยัดค่าใข้จ่ายและเวลาในการเดินทางไปโรงพยาบาล แต่ยังจะทำให้ไทยมีระบบจัดเก็บข้อมูลสุขภาพของประชาชนที่สามารถใช้คาดการณ์งบประมาณด้านสาธารณสุข และเตรียมบุคลากรการแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย ธนาธรระบุว่าคณะก้าวหน้าได้ทำเทเลเมดิซีนสำเร็จใช้งานจริงแล้วที่เทศบาลตำบลหนองแคน โดยประชาชนเข้ารับการตรวจได้ที่เครื่องเทเลเมดิซีนทุกหมู่บ้าน โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ซึ่งสิ่งนี้สามารถเกิดได้ทั่วประเทศ มีเครื่องเทเลเมดิซีนทุกหมู่บ้าน โดยใช้งบเพียง 60,900 ล้านบาท

ในด้านคมนาคม ธนาธรเสนอว่าควรมีการจัดทำบริการรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด ซึ่งไม่เพียงตอบโจทย์การลดฝุ่นละออง PM2.5 ลดการใช้พลังงานฟอสซิล ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดการใข้พลังงานโดยประชาชนจะใช้รถส่วนตัวน้อยลง ยังเป็นการเพิ่มโอกาสทางการศึกษา การทำงาน การประกอบธุรกิจของประชาชนครั้งใหญ่ ที่สำคัญ ยังเป็นการสร้างระบบอุตสาหกรรมรถเมล์ไฟฟ้า เพราะในอนาคตเทรนด์โลกคือการใช้รถไฟฟ้าอยู่แล้ว รถเมล์ในไทยจะถูกทยอยเปลี่ยนเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด หากเราไม่พัฒนาอุตสาหกรรมไว้รองรับ สุดท้ายก็จะต้องซื้อจากจีน แทนที่จะสร้างงานและอุตสาหกรรมให้กับคนไทย โดยการทำรถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด จะใช้งบประมาณ 88,000 ล้านบาท 

ในด้านการทำประปา ธนาธรยืนยันว่าประเทศที่เจริญแล้วล้วนมีน้ำประปาที่ดื่มได้ เพื่อลดรายจ่ายของประชาชน โดยจากข้อมูลของ Rocket Media Lab คนไทยต้องทำงานถึง 27 นาทีเพื่อซื้อน้ำกิน 1 วัน แต่คนฝรั่งเศสใช้เวลาเพียง 9 นาทีเท่านั้นในการทำงานเพื่อให้ได้เงินมาซื้อน้ำกิน 1 วัน น้ำประปาอาจสามารถสามารถทำให้ดื่มได้ใน 99 วัน และยังมีการพัฒนาต่อยอดติดตั้งสมาร์ทมิเตอร์ เพื่อตรวจวัดคุณภาพน้ำ และออกบิลค่าน้ำอัตโนมัติ ไม่ต้องใช้คนเดินจดมิเตอร์ สิ่งนี้สามารถเกิดได้ทั่วประเทศ โดยใช้งบ 67,000 ล้านบาท ทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงน้ำประปาสะอาดระดับดื่มได้ทั่วประเทศ และยังก่อเกิดอุตสาหกรรมชิปและสมาร์ทมิเตอร์อีกด้วย 

ในด้านการจัดการขยะ ธนาธรกล่าวว่า การจัดการขยะเป็นสิ่งที่เราลงทุนน้อยเกินไปมาก เมื่อเทียบกับการจัดการเมืองด้านอื่น ทำให้ขยะกลายเป็นปัญหาใหญ่ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ในเทศบาลตำบลหนองพอก ร้อยเอ็ด คณะก้าวหน้าได้ทำให้เห็นแล้วว่า หากท้องถิ่นจริงจังในการแยกขยะเปียกจากขยะแห้งและขยะรีไซเคิล จะสามารถลดปริมาณขยะได้ทันทีอย่างน้อย 50% และสามารถฝังกลบหรือเผาขยะ และขายขยะต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้น ธนาธรเสนอให้ใช้งบประมาณ 120,000 ล้าน เพื่อลงทุนซื้อรถขยะที่มีประสิทธิภาพ สร้างบ่อขยะและโรงเผาขยะที่สะอาดปลอดภัยได้มาตรฐานสากล ไม่ปล่อยมลภาวะหรือสารพิษปนเปื้อน โดยการลงทุนขนาดใหญ่หลักแสนล้าน จะสามารถสร้างบ่อขยะและโรงขยะที่ดีเทียบเท่าญี่ปุ่นหรือเดนมาร์ก ที่มีระบบการจัดการขยะดีที่สุดในโลก และคณะก้าวหน้าได้เคยไปดูงานมาแล้ว โดยการสร้างโรงขยะจะต้องไม่เป็นเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ของนายทุนหรือนักการเมือง แต่ต้องดึงต่างชาติอย่างญี่ปุ่นหรือกลุ่มประเทศสแกนดิเนเวียมาร่วมทุนในการสร้าง และไทยเรียนรู้เทคโนโลยีจากประเทศเหล่านี้ เพื่อนำมาต่อยอดสร้างโรงขยะที่ปลอดภัยเองในอนาคต 

ด้านสุดท้ายคือด้านการศึกษา ธนาธรยืนยันว่าการลงทุนในการศึกษาเป็นสิ่งที่จำเป็นและคุ้มค่าอย่างสูงสุด เพราะในยุคเทคโนโลยีดิสรัปต์ คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องเรียนทักษะของอนาคต เท่าทันเทคโนโลยี เพื่อให้รอดจากภาวะ AI และระบบ automation เข้ามาแทนที่มนุษย์ ที่ผ่านมาเราให้ความสำคัญกับอาชีวะศึกษาน้อยเกินไป เพราะมัวแต่คิดว่าเด็กอาชีวะต้องตีกัน ทั้งที่ในประเทศพัฒนาแล้ว ทักษะและวิชาชีพช่าง เป็นสิ่งที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีอย่างสูงและได้รับการสนับสนุนอย่างมากโดยรัฐ เราสามารถเพิ่มการลงทุนในโรงเรียนและอาชีวะศึกษาได้ โดยอัดฉีดเม็ดเงินเพื่อปรับปรุงอาคารสถานที่ อุปกรณ์การเรียนการสอนที่ทันสมัย ให้กับโรงเรียน แห่งละ 500,000 - 3 ล้านบาท ตามขนาดของโรงเรียน และสถานศึกษาระดับอาชีวะ แห่งละ 20 ล้านบาททุกแห่งทั่วประเทศ รวม 121,000 ล้านบาท

ทั้งหมดนี้รัฐสามารถเลือกได้ว่ารัฐจะทำเอง หรือให้เอกชนเข้ามาทำ ทำให้งบประมาณ 456,000 ล้านบาทในการยกระดับประเทศ 5 ด้าน อาจน้อยกว่านี้ เพราะตัวเลข 456,000 ล้าน หมายถึงรัฐลงทุนทำเอง 100% แต่รัฐสามารถใช้บริการเอกชน ดึงเอกชนมาร่วมลงทุน ก็จะลดค่าใข้จ่ายของรัฐลงไป แต่ธนาธรยืนยันว่าในการลงทุนร่วมกับเอกชน จะต้องไม่เป็นช่องทางให้เอกชนเข้ามาแสวงหาสัมปทาน เอากำไรเกินควรบนผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ แต่รัฐต้องตัดสินใจบนพื้นฐานของการจัดงบประมาณที่สมเหตุผล และได้คุณภาพบริการสาธารณะที่ดีสำหรับประชาชน

ธนาธรกล่าวปิดท้ายว่า ประเทศไทยวันนี้ไม่มีวันก้าวไปข้างหน้าเป็นประเทศที่เจริญได้โดยปราศจากเทคโนโลยี การใช้งบประมาณที่คุ้มค่าสูงสุด จึงเป็นการเอาปัญหาของประชาชนมาแปรเป็นโจทย์ที่รัฐต้องแก้ เป็นความต้องการที่จะสร้างอุตสาหกรรมใหม่ สร้างงานที่มีคุณภาพ และสร้างเทคโนโลยีที่เราเป็นเจ้าของเอง ซึ่งการทำประปาดื่มได้ ทำรถเมล์อีวี ทำโรงขยะที่มีมาตรฐาน ล้วนแล้วแต่จะนำไปสู่การพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นของประเทศไทย

ธนาธรสรุปว่า การใช้เงินเกือบ 5 แสนล้านพัฒนาประเทศ 5 ด้านนี้ หากไม่ใช้เงินกู้ 5 แสนล้าน แต่ใช้งบประมาณแผ่นดินปกติ ทยอยทำ 8 ปี ก็จะตกปีละ 60,000 ล้าน ซึ่งตนเชื่อว่าสามารถหาได้โดยไม่จำเป็นต้องกู้เพิ่ม เพราะแต่ละโครงการต้องค่อยๆ ทยอยทำอยู่แล้ว ไม่สามารถเกิดขึ้นทีเดียวภายใน 2-3 ปีได้ และถึงแม้ 5 แสนล้านจะเป็นจำนวนเงินที่มาก แต่ตนถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่งหากนำมาใช้ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนทั้งประเทศ และยกระดับอุตสาหกรรมของประเทศไทย เดินหน้าสู่การเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจก้าวหน้าและมีรายได้สูง ไม่ใช่ประเทศกำลังพัฒนาอีกต่อไป

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ช่อ’บี้‘นายกฯอิ๊งค์’ปรับปรุงภาวะผู้นำ หลัง‘วีนสื่อ’ถามปมร้อนชายแดน ‘ช่อ’บี้‘นายกฯอิ๊งค์’ปรับปรุงภาวะผู้นำ หลัง‘วีนสื่อ’ถามปมร้อนชายแดน
  • โฆษก สธ. แฉขบวนการล็อบบี้ กรรมการแพทยสภา คว่ำวีโต้‘สมศักดิ์’ โฆษก สธ. แฉขบวนการล็อบบี้ กรรมการแพทยสภา คว่ำวีโต้‘สมศักดิ์’
  • พปชร.ร่วมปกป้องเกียรติภูมิ-ศักดิ์ศรีแพทยสภา ชื่นชมทำอย่างตรงไปตรงมา พปชร.ร่วมปกป้องเกียรติภูมิ-ศักดิ์ศรีแพทยสภา ชื่นชมทำอย่างตรงไปตรงมา
  • ‘สภาฯ’ถกงบ69วันนี้ ถึงคิวกระทรวงเกรดเอ ‘มท.-ศธ- สธ.’เตรียมขึ้นเขียง ‘สภาฯ’ถกงบ69วันนี้ ถึงคิวกระทรวงเกรดเอ ‘มท.-ศธ- สธ.’เตรียมขึ้นเขียง
  • \'ทีมสภานายกพิเศษ\'แง้ม! บางเรื่องเห็นต่างแพทยสภา-บางเรื่องควรเฆี่ยนซ้ำ 'ทีมสภานายกพิเศษ'แง้ม! บางเรื่องเห็นต่างแพทยสภา-บางเรื่องควรเฆี่ยนซ้ำ
  • \'หมอวรงค์\'เตือนแพทยสภาเตรียมรับมือเกมยับยั้งมติ 'หมอวรงค์'เตือนแพทยสภาเตรียมรับมือเกมยับยั้งมติ
  •  

Breaking News

โหร‘AI’ไขดวงชะตา! ‘ChatGPT’ที่พึ่ง‘ไทยสายมู’ยุคดิจิทัล

อนุสาวรีย์แห่งการโกง! ‘สรรเพชญ’ติดตามคืบหน้า‘อควาเรียมหอยสังข์’

'มทภ.2'ลั่น!อดทนถึงที่สุด ถ้าต้องใช้กำลังก็พร้อมรักษา'แผ่นดินไทย'

นักวิชาการ มธ.แนะรัฐปรับการสื่อสารใหม่ ชี้บรรยากาศ‘ไทย-กัมพูชา’เข้าข่ายวิกฤตแล้ว

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved