เตือนดึงดันแจกดิจิทัล1หมื่น

‘เรืองไกร’ลุยแน่

ยื่นปปช.สอบผิดก.ม.หรือไม่

โฆษกรบ.ยืนกรานแจกแน่นอน

อ้างไม่ทำเศรษฐกิจไทยวิกฤต

“เรืองไกร”ขอบคุณป.ป.ช.เตือนปมเงินดิจิทัล กระตุก “รัฐบาล” พึงสังวรสำเหนียกไว้ควรทำต่อหรือไม่ ฮึ่มถ้ายังดึงดันเดินหน้า พร้อมรับหน้าที่ยื่นสอบแน่ โฆษกรัฐบาลย้ำหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเงินหมุนเวียนเป็นรูปธรรม เศรษฐกิจไทยวิกฤตแน่ มั่นใจมาตรการดิจิทัล วอลเล็ต ยังจำเป็น“อนุสรณ์”งงป.ป.ช.ตรวจสอบทุจริตดิจิทัล วอลเล็ต ล่วงหน้า แนะตอบ ปชช.ด้วยหากโครงการล่าช้า

เมื่อวันที่ 8กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐกล่าวถึงกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ออกมาเตือนโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ตเสี่ยงขัดข้อกฎหมายหลายข้อ จะกลายเป็นชี้ช่องทางให้มีผู้ไปร้องเรียนโครงการดังกล่าวได้ง่ายหรือไม่ว่า มีโอกาสร้องเรียนได้ง่าย ถ้ากล้าทำตนก็ไม่รู้ ถือว่าเตือนแล้ว และขอบคุณที่ป.ป.ช.เตือน คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้วย

รับลูกป.ป.ช.พร้อมร้องเงินดิจิทัล

นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ให้ปล่อยพรรคการเมืองหาเสียงจะพูดอะไรก็ได้ ถึงเวลาก็มาบอกว่าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ แบบนี้ ถ้าตระบัดสัตย์ หรือโกหกประชาชนได้ แล้วคุณจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างอื่นได้หรือ คุณเอาแต่อำนาจ รวมหัวกันหาอำนาจ ทรยศเพื่อนฉีก MOU ขอให้ตระหนักไว้ ตนยังเป็นนักร้อง และนักตรวจสอบอยู่ ถ้าว่างตนจะยื่นร้องเอง

เตือนรบ.พึงสำเหนียกควรทำต่อหรือไม่

นายเรืองไกรกล่าวอีกว่า เรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ตต้องเข้าใจนโยบายรัฐบาลที่แถลง ต้องเข้าใจรัฐธรรมนูญ การจ่ายเงินแผ่นดิน รวมถึงต้องเข้าใจกฎหมายวินัยการเงินการคลัง วิธีงบประมาณ ซึ่งตนเขียนเรื่องนี้เตือนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ไปแล้ว 4 แผ่น เป็นข้อกฎหมายล้วนๆ และตนไม่แปลกใจที่คณะกรรมการกฤษฎีกาและป.ป.ช. ให้ความเห็นครั้งนี้ ซึ่งเงินแผ่นดินท่านจะเอาไปทำอะไร เราทุกคนจะเป็นคนใช้หนี้ เมื่อไหร่ที่ปิดงวด 30 กันยายน ตัวนี้จะถูกรับรู้เป็นขาดทุน เหมือนจำนำข้าว ซึ่งจำนำข้าวยังเหลือสต๊อกข้าว

“เตือนด้วยความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์จริงๆ ภาษาพระเรียกว่าพึงสังวร ภาษาชาวบ้านเรียกว่าสำเหนียก ไว้ว่า สิ่งต่างๆเหล่านี้ ควรจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ” นายเรืองไกร กล่าว

ฮึ่มถ้าดึงดันเงินดิจิทัลยื่นร้องแน่

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า จะมีโอกาสจะไปร้องด้วยตนเองหรือไม่ นายเรืองไกรกล่าวว่า แผลยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องทายา แต่ถ้าทำเข้าข่ายความผิด ก็ใช้กฎหมาย ป.ป.ช. ได้เลยไม่ต้องห่วง ทำให้ แต่สิ่งที่ตนทำ กล่าวหา จะไม่ใช้อารมณ์ ไม่ใช้ความเห็น เหมือนหลายคน ไปยื่นคำร้องว่าผิดนั่นผิดนี่ ซึ่งรัฐบาลก็มีสิทธิ์แก้ข้อกล่าวหาได้ เจ้าหน้าที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบไปจะถูกผิดก็อยู่ที่ฟังคำตัดสิน

“สมชัย”ยุส่งอยากรู้ผลกระทบทำเลย

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้งกล่าวถึงข้อเสนอของป.ป.ช.ในการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า ป.ป.ช.ไม่ได้ทำเกินหน้าที่ เพราะพ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มาตรา 32 เขียนไว้ว่า ป.ป.ช.มีหน้าที่และอำนาจเสนอ มาตรการ ความเห็นและข้อเสนอแนะต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อป้องกันหรือปราบปรามการทุจริต แม้โครงการยังไม่เกิด ก็เสนอเพื่อป้องกันได้ อีกทั้ง เห็นว่าข้อเสนอที่ให้ กกต.ไปดูนโยบายในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย ปฏิบัติต่างจากการหาเสียงหรือไม่นั้น ไม่เป็นการก้าวก่ายหน้าที่กกต. เพราะมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญ กำหนดให้องค์กรอิสระร่วมมือและช่วยเหลือกันเพื่อบรรลุเป้าหมายในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งนี้ ครม.ไม่ต้องปฏิบัติตามข้อเสนอของป.ป.ช.ก็ได้ เพราะข้อเสนอของป.ป.ช.เป็นเพียงการให้ข้อคิดเห็น รัฐบาลไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตาม หากรัฐบาลเห็นว่า เป็นสถานการณ์จำเป็นเร่งด่วนก็ออกเป็นพระราชกำหนด แต่หากอยากให้รัฐสภามีส่วนรับผิดชอบก็ออกเป็นพระราชบัญญัติ ครม.จะกล้าลงมติส่งร่างพรบ.กู้เงิน 5แสนล้านบาท เข้าสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ และจะมีผลอย่างไรตามมา อยากรู้ก็ทำเลย

กระทุ้งรบ.ไร้เงื่อนไขยื้อแจก1หมื่น

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)กล่าวในเรื่องเดียวกันว่า รัฐบาลหมดเงื่อนไขที่จะซื้อเวลาแล้ว ต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง เชื่อว่าประชาชนยังรอคำตอบอยู่ โดยข้อเสนอแนะของป.ป.ช.ชัดเจน สะท้อนว่าให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ส่วนประเด็นถกเถียงว่าเศรษฐกิจวิกฤติหรือยังนั้น ป.ป.ช.ชี้ชัดว่าเศรษฐกิจไม่ได้วิกฤติ หมายถึงเศรษฐกิจระดับมหภาค ถ้ารัฐบาลจะตัดสินใจอะไร ต้องคำนึงถึงว่าไม่ก่อให้เกิดการทุจริต ทั้งเชิงนโยบายและภาคปฏิบัติ หรือทำผิดกฎหมาย ส่วนการตรวจสอบของป.ป.ช.เกี่ยวกับพรรคการเมืองที่หาเสียงเมื่อมีโอกาสเข้ามาทำหน้าที่บริหารราชการแผ่นดินแล้ว เวลาหาเสียงกับเวลาทำจริงเหมือนกันหรือไม่

“รัฐบาลเมื่อหาเสียงไว้แล้วก็ต้องทำ พรรคการเมืองต้องแสดงความรับผิดชอบตามที่หาเสียงไว้ เมื่อเป็นรัฐบาลก็ต้องทำให้ได้ แม้จะใช้นโยบายโครงการประชานิยม ก็เป็นประชานิยมที่มีความรับผิดชอบที่ต้องทำให้ตรงปก และต้องรับผิดชอบตามผลที่ตามมา หมดเวลาแล้วที่จะอ้าง เพราะก่อนหน้านี้อ้างกฤษฎีกา และวันนี้ ป.ป.ช.ก็มีคำแนะนำให้รัฐบาลแล้ว จึงไม่มีอะไรที่ซื้อเวลาอีก” นายจุรินทร์ กล่าว และว่า ต้องยอมรับขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนจริง เข้าใจภาษากฎหมายต้องเข้าเงื่อนไขเศรษฐกิจวิกฤติ คำว่าเศรษฐกิจวิกฤต น่าจะหมายถึงเศรษฐกิจมหภาคมากกว่า เรื่องนี้ป.ป.ช. ให้ข้อเสนอแนะที่ชัดเจนแล้ว จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลตัดสินใจ ตนจึงใช้โอกาสนี้ทวงถามแทนประชาชน

รัฐบาลยันศก.ไทยชลอตัว

ทางด้านท่าทีรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงสภาพเศรษฐกิจไทยว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจไทยยังไม่อยู่ขั้นวิกฤต แต่คาดการณ์ได้ว่า หากไทยยังไม่ดำเนินนโยบายที่เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม อาจทำให้ระบบเศรษฐกิจไทยเจอวิกฤตที่แท้จริง อยากให้คิดถึงประชาชนรายได้น้อย คนหาเช้ากินค่ำ ประชาชนเหล่านี้รู้ดีว่ากำลังประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลแก้ปัญหาเต็มรูปแบบทุกด้าน แต่เศรษฐกิจไทยก็ยังชะลอตัวขาดสภาพคล่อง วันนี้คนรายได้น้อยกำลังพบวิกฤตซ้ำวิกฤต ตัวเลขจีดีพีของไทยยังไม่ฟื้นกลับไปถึงตัวเลขก่อนโควิด

โฆษกรัฐบาลยังยกตัวเลขของนพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกฯมาชี้ให้เห็นชัดว่า เศรษฐกิจไทยโตช้าตั้งแต่ก่อนโควิด โดยอัตราขยายตัวของเศรษฐกิจเฉลี่ยแล้ว 7.3% ในปี 1994-1996 (ตัดช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งออกไป) ปี 1999-2007 จีดีพีโตเฉลี่ย 5.2% และปี 2010-2019 จีดีพีโตเฉลี่ย 3.6% โดยตั้งแต่ปี 2014-2019 ก่อนโควิด-19 จีพีดีโตเฉลี่ยอยู่ที่ 3.0% และการฟื้นตัวของไทยฟื้นตัวช้าที่สุดในอาเซียน วันนี้ตัวเลขของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ที่ประเมินตัวเลขจีดีพีทั้งปีโตแค่ 1.8% จึงยังไม่ฟื้นมาเท่าช่วงก่อนโควิด ซึ่งจีดีพีอยู่ที่ 2.2% ซึ่งแปลได้ว่าเศรษฐกิจไทยยังไม่ฟื้นตัว

“จากการประเมินเศรษฐกิจ รัฐบาลเชื่อว่ามาตรการดิจิทัลวอลเล็ตยังจำเป็น การฉีดกระตุ้นเงินเข้าในระบบให้เกิดสภาพคล่อง ยิ่งจำเป็นมากขึ้น เมื่อธนาคารเข้มงวดเรื่องการปล่อยกู้มากขึ้น ทำให้ยอดปล่อยกู้ต่ำลง ทำให้ไทยขาดสภาพคล่องทั้งระบบ ขาดกำลังซื้อ มีวิกฤตเงินฝืด ซึ่งคาดการณ์ที่เกิดขึ้นต้องแก้ไขตรงจุด มีประสิทธิภาพ ฉะนั้น ไทยอาจประสบปัญหาวิกฤตที่แท้จริง หากไม่ดำเนินการอะไร” นายชัย กล่าว

อนุสรณ์งงปปช.สอบโกงล่วงหน้า

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า รัฐบาลยินดีรับฟังทุกหน่วยงาน เพราะถ้าไม่รับฟังคงเดินหน้าโครงการนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทไปแล้ว ความจริงก่อนหน้านี้มีหลายภาคส่วนออกมาเสนอแนะว่าให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการไปเลย เพราะความเห็นของ ป.ป.ช.มีแต่จะทำให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตล่าช้า แต่ตนเชื่อว่ารัฐบาลยินดีรับฟังทุกข้อเสนอแนะให้ครบถ้วนรอบด้าน จะได้เดินหน้าโครงการอย่างรอบคอบ ถูกต้องตามกรอบกฎหมาย ถึงขณะนี้ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลยังเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ตได้

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า การที่ป.ป.ช.มีข้อเสนอแนะป้องกันทุจริตเกี่ยวกับนโยบายเงินดิจิทัล ตนอยากให้ป.ป.ช.ใจเย็นๆ ตอนนี้โครงการยังไม่ได้เริ่ม รอให้โครงการเดินหน้าค่อยตรวจสอบทุจริตก็ไม่สาย เพราะป.ป.ช.ตรวจสอบการดำเนินนโยบายได้ทุกขั้นตอนอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบทุจริตล่วงหน้า ประเด็นสำคัญคือ เงินที่ใช้ในนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตส่งตรงถึงกระเป๋าประชาชน ไม่ผ่านหน่วยงานใด

“รัฐบาลพร้อมรับฟังนำข้อเสนอป.ป.ช.มาพิจารณา เพื่อให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเดินหน้าโดยชอบด้วยกฎหมาย หากการดำเนินการของป.ป.ช.ถูกประชาชนตั้งคำถามว่าล่าช้า เป็นปัญหาที่ป.ป.ช.ต้องตอบประชาชนเอง“ นายอนุสรณ์กล่าว