“พิชัย ชุณหวชิร”รองนายกฯ และรมว.คลัง เล็งหารือ ธปท. ขอลดแบล็กลิสต์ เครดิตบูโรกลุ่มลูกหนี้โควิดเหลือ 3 บวก 3 พร้อมสั่งออมสินหาเงินแสนล้าน ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ
เมื่อวันที 0 มิ.ย.67 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ) ว่า กระทรวงการคลังเตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางช่วยเหลือผู้ที่ติดแบล็กลิสต์เครดิตบูโร โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้รหัส 21 ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ประมาณ 4 ล้านคน ให้สามารถออกจากเครดิตบูโรได้เร็วขึ้น
“จะหาโอกาสไปคุย ธปท.ว่าจะมีมาตรการอะไรที่ยืดหยุ่นได้บ้าง โดยเรื่องเครดิตบูโร เราเดินตามมาตรฐานต่างประเทศคือ 5 บวก 3 โดยตัดหนี้เสียของสถาบันการเงินจะต้องใช้เวลา 5 ปี และถูกเก็บประวัติไว้ที่เครดิตบูโรอีก 3 ปี ซึ่งการหารืออยากจะช่วยเหลือลูกหนี้กลุ่มรหัส 21 ก่อน เพราะวันนี้ลูกหนี้กลุ่มนี้เริ่มฟื้นแล้วแต่ยังติดเครดิตบูโร ถ้าเปลี่ยนเฉพาะกลุ่มนี้เป็นเหลือ 3 บวก 3 จะช่วยได้อีก 4 ล้านคน แต่ต้องหารือธปท.ก่อนว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง” นายพิชัย กล่าว
ขณะเดียวกันในการช่วยเหลือทางด้านการเงินกับกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ได้รับความเดือดร้อนด้านแหล่งเงินทุนนั้น ในการประชุมครม.เศรษฐกิจ ยังได้รับทราบแนวทางการแก้ปัญหา โดยในการประชุมครม.วันที่ 11 มิถุนายน 2567 นี้ กระทรวงการคลัง จะเสนอโครงการ PGS 11 โดยให้บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) จะค้ำประกันเงินกู้ สูงสุด10 ปี รายละไม่เกิน 40 ล้านบาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท เพื่อช่วยเอสเอ็มอี
นายพิชัย กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง ยังมอบหมายให้ธนาคารออมสิน จัดหาสินเชื่อวงเงิน 1 แสนล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ 0.1% เพื่อให้ธนาคารพาณิชย์กู้ไปปล่อยสินเชื่อต่อ ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 3.5% ในช่วง 3 ปีแรก โดยตั้งเป้าหมายดึงลูกค้ารายใหม่ให้เข้าถึงสินเชื่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งคาดว่าเร็ว ๆ นี้จะเสนอให้ครม.พิจารณา
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ยังได้ได้รับทราบสถานการร์ด้านแรงงาน โดยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน มานำเสนอข้อมูลการทำงาน หลังจากมีข่าวว่าโรงงานผลิตรถยนต์ปิดกิจการในไทย โดย รมว.แรงงาน แจ้งว่า กระทรวงแรงงานจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยที่ผ่านมาประเทศไทยมีคนว่างงานอยู่ประมาณ 5 แสนคน บางส่วนได้กลับเข้าระบบการจ้างงานแล้วกว่า 3 แสนคน เหลือประมาณ 1.7-1.8 แสนคน แต่อย่างไรก็ตามเมื่อรวมกับผู้จบการศึกษาใหม่อีกที่จะเข้าสู่ตลาดงานอีกประมาณ 5 แสนคน จะทำให้มีจำนวนผู้ต้องการทำงานสูงถึง 6-7 แสนคน โดยตอนนี้มีข้อมูลจากเว็บไซต์จัดหางานว่า ตลาดแรงงานมีความต้องการประมาณ 500,000 คน ที่สามารถดูดซับแรงงานได้ ทำให้เหลือแรงงานที่ตกงานจริง ๆ เพียง 1 แสนคนเท่านั้น
ส่วนการพัฒนาทักษะแรงงานนั้น ในเร็ว ๆ นี้รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ ขึ้นมาครั้งแรก เพื่อดำเนินการร่วมกับภาคเอกชนและมหาวิทยาลัยในการพัฒนาคนด้านอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนของไต้หวันในการไปเรียนและฝึกงาน และพร้อมเพิ่มทักษะให้แรงงานไทยด้วย
นอกจากนี้ นายพิชัย ยังกล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เพื่อสนับสนุนการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ว่า การตั้งกองทุนนั้นมีแน่ แต่ต้องดูวัตถุประสงค์ให้แน่ชัดเจนก่อนว่า จะดำเนินการเพื่ออะไร ทั้งนี้ในการดำเนินการในเบื้องต้น จะพิจารณาข้อมูลหลัก ๆ 2 เรื่อง คือ 1.อยากให้ประชาชนลงทุนตัวอะไรที่ดี 2.ลงทุนแล้วต้องเป็นเงินออมด้วย
“โครงการนี้ เราจะทำว่า กองทุนจะเป็นอะไรดี และไม่ใช่หุ้นประเภทไหนก็ได้ แต่ต้องเป็นหุ้นที่เรากำหนดและดูดีกับผู้ลงทุนเพื่อให้เขาอยู่ได้ และเป็นเงินออมจริง ๆ” นายพิชัย ระบุ
รองนายกฯ กล่าวว่า การตั้งกองทุนขึ้นมาใหม่นั้น จะขอดูระยะเวลาก่อนว่าจะเป็นอย่างไร และมีการกำหนดวงเงินเท่าไหร่ โดยทางตลาดทุน จะหารือร่วมกับกรมสรรพากร เพื่อให้กำหนดว่าหน้าตาของกองทุนว่าจะเป็นอย่างไร เช่นเดียวกับทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) จะมาหารือร่วมกันว่า จะมีกองทุนอื่นๆ ที่รัฐบาลพยายามจะดึงการลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติมด้วย
“ยังมีกองทุนอื่น ๆ อีกหลายประเภท ซึ่งจะต้องดูว่าเป็นกลุ่มไหน เพราะจะมีตั้งตัวที่ลง ตัวที่ทรง ๆ และตัวที่ขึ้น จึงต้องมาจัดหมวดหมู่ใหม่ โดยขอเวลาอีกนิด เพราะเรื่องของระยะเวลาในการลงทุน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเชื่อมั่น Trust & Confident กลไกจะต้องจัดการกับคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมได้ เพื่อจะให้คนใหม่ ๆ เข้ามาลงทุน”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี