‘บุญทรง’รายงานตัว

คุมประพฤติ/พักโทษคดีจำนำข้าว

ปรากฏตัวเป็นครั้งแรก

ลูกชายชี้พ่ออยากบวช

สะพัดปล่อยตัว‘เสี่ยเปี๋ยง’

พักโทษไปตั้งแต่9ตุลาคม

“บุญทรง”อดีตรมว.พาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ไปรายงานตัว สนง.คุมประพฤติ เชียงใหม่ หลังได้พักโทษไม่ให้สัมภาษณ์สื่อ ก่อนพาไปทำบัตรประชาชน ‘ลูกชาย’ เผย ‘พ่อ’ เปรย อยากบวช เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ‘ทวี’แจงระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ ทันใช้สิ้นปี 2567 ช่วยผู้ต้องขังชั้นดีทันนำร่องลอตแรก ‘เทพไท’จับตา การกลับมาของ‘ยิ่งลักษณ์’อาจมีปาฏิหาริย์กฎหมายที่เหนือกว่า‘ทักษิณโมเดล’

ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงใหม่ ว่า เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 4 ธันวาคม 2567 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ผู้ต้องขังคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวสมัย รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางมารายงานตัว ที่สำนักงานควบคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ หลังได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2567 เนื่องจากเข้าเงื่อนไขและหลักเกณฑ์การพักโทษและจะถูกคุมประพฤติ อีก 3 ปี 5 เดือน

‘บุญทรง’รายงานตัว‘คุมประพฤติ’

โดยนายบุญทรงได้เดินทางมาด้วย รถยนต์สีขาว ทะเบียน กต 999 เชียงใหม่ โดยมีนายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชาย และผู้ติดตาม 3 คน ซึ่งนายบุญทรง สวมแว่นตากันแดดและใส่หน้ากากอนามัย รวมทั้งต้องใช้ไม้เท้าช่วยค้ำยันในการเดินและลูกชายต้องคอยช่วยประคับประคองอยู่ตลอด

ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ให้นายบุญทรงกรอกเอกสารซึ่งลูกชายช่วยกรอกให้แทน จากนั้นเข้าไปในอาคาร โดยที่ตลอดเวลานายบุญทรง มีท่าทีค่อนข้างสงบเรียบเฉย ไม่พูด หรือตอบสื่อมวลชนที่มาทำข่าวแต่อย่างใด โดยนายบุญทรง เข้าพบเจ้าหน้าที่ในตัวอาคารประมาณ 20 นาที ก่อนออกมา โดยมีลูกชายประคับประคองเช่นเดิม และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ใดๆ

ก่อนลูกชายพาไปทำบัตรปชช.

ผู้สื่อข่าวจากสำนักข่าวต่างๆ ที่รอทำข่าวพยายามสอบถาม ในช่วงก่อนที่นายบุญทรง จะขึ้นรถกลับ ว่า อากาศดีหรือไม่ และมีแผนจะไปทำบุญที่วัดใดหรือไม่นั้น นายบุญทรง ได้พยักหน้า แต่ไม่พูดจาอะไร ก่อนที่จะขึ้นรถไป ส่วนลูกชายบอกสั้นๆว่าจะพาพ่อไปทำบัตรประจำตัวประชาชน และจะกลับเข้าบ้าน และระหว่างนี้คุณพ่อขอยังไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆจะขอใช้เวลาพักผ่อนกับครอบครัวเป็นหลัก”จากนั้นได้เดินทางไปทำบัตรประชาชนใบใหม่และกลับบ้านพักที่ ต.วัดเกตุ อ.เมือง จ..เชียงใหม่

รายงานคุมประพฤติทุกๆ1เดือน

นายเดชนัฐวิทย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ตอนนี้พ่อได้กลับมาอยู่บ้านที่เชียงใหม่หลังต้องรับโทษในเรือนจำแต่ยังมีเงื่อนไขคือต้องมารายงานตัวกับสำนักงานคุมประพฤติทุกๆ 1 เดือน เป็นระยะเวลา 1 ปีและห้ามออกนอกจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนหากครบแล้ว เป็นดุลยพินิจของสำนักงานควบคุมความประพฤติ ที่อาจจะเพิ่มระยะเวลาในการเดินทางมารายงานตัว เช่น 2เดือนครั้ง

ส่วนการรักษาตัวเกี่ยวกับอาการหมอนรองกระดูกที่จะต้องเดินทางไปรักษานั้นเนื่องจากแพทย์ประจำตัวอยู่ที่กรมราชทัณฑ์ ที่กรุงเทพมหานคร ต้องขออนุญาต ก่อน 7วัน เพื่อป้องกัน ไม่ให้สัญญาณ เตือนในระบบ

เปรยอยากบวชเพื่อฟื้นฟูจิตใจ

ส่วนเรื่องกำลังใจนั้น นายเดชณัฐวิทย์ตอบว่า ตอนนี้ดีขึ้นมากและดีใจที่ได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว ต่อจากนี้ ยังไม่อนุญาตให้ใครเข้าพบไปอีกระยะหนึ่ง ขอให้พ่อได้พักผ่อนและรักษาตัวไปก่อนทั้งแกนนำทางการเมือง ที่เคยสนิทกัน ก็ยังขอไว้ก่อน หากพร้อมแล้วก็จะให้พบ

“พ่อยังเปรยๆว่ามีความตั้งใจอาจจะบวช แต่ตอนนี้ยังติดที่ยังไม่สามารถบวชได้ แต่หากพ้นโทษแล้ว ก็อาจจะขอบวช เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจต่อไป” นายเดชณัฐวิทย์ ระบุ

‘ทวี’แจงระเบียบคุมขังนอกเรือนจำ

ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการรายงานตัวต่อสำนักงานคุมประพฤติของ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งได้รับการพักการลงโทษว่า อธิบดีกรมคุมประพฤติระบุว่าให้นายบุญทรง จะต้องไปรายงานตัวกับสำนักงานคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่

ส่วนประเด็นความคืบหน้าของระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 หรือระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯพ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อันนี้มันอยู่ในกฎหมายราชทัณฑ์ ทราบว่ายังไม่ได้มีการใช้ทันที เพราะต้องมีการการจัดทำ ระเบียบ แนวทางการปฏิบัติ และกำหนดคุณสมบัติของผู้ต้องขัง ซึ่งจะต้องมารองรับระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯดังกล่าวจึงคิดว่าหลักเกณฑ์มันควรเปิดกว้างให้ประชาชนรับรู้ด้วย จึงควรไปทำประชาพิจารณ์ ก่อนมีการประกาศลงพระราชกิจจานุเบกษา แต่หลังมีการประกาศลงราชกิจจาฯแล้ว เวลาจะบังคับใช้นั้น หากโทษเหลือน้อย เป็นนักโทษชั้นดี ได้ทำงานได้ฝึกอาชีพ และหรือเป็นผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อมก่อนปล่อย เป็นผู้ต้องขังเจ็บป่วยร้ายแรง เป็นผู้ต้องขังสูงอายุดูแลไม่ก่อเหตุเพิ่ม เป็นผู้ต้องขังหญิงตั้งครรภ์ เป็นต้น ก็อยู่ในกลุ่มที่เข้าข่ายพิจารณา อย่างไรก็ยังถือเป็นการลงโทษประเภทหนึ่ง แต่เป็นการคุมขังอีกสถานที่หนึ่ง โดยจะให้แต่ละเรือนจำได้ไปออดกฎเกณฑ์ที่เหมาะสม

ทั้งนี้ สำหรับผู้ต้องขังล็อตแรก ที่มีสิทธิได้ใช้ระเบียบคุมขังนอกเรือนจำฯ คาดว่าสิ้นปีนี้ (2567) อาจได้เห็น เพราะต้องรอให้มีการประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และมีการทดลองนำร่องบังคับใช้ อย่างน้อยถ้าผู้ต้องขังคนนั้นป่วยมะเร็ง อย่างน้อยก็ได้ไปพักรักษาอยู่ที่บ้านพร้อมครอบครัว

จับตา‘ยิ่งลักษณ์’กลับมายิ่ง‘แม้ว’

ด้าน นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป พร้อมเนื้อหาผ่านเฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” หัวข้อ “ยิ่งลักษณ์ ยิ่งกว่า ทักษิณโมเดล” ระบุว่า...ยิ่งลักษณ์ ยิ่งกว่า ทักษิณโมเดล จากกรณีที่นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. ชี้แจงกรณีที่ปรากฏเป็นข่าวในสื่อออนไลน์ เรื่องการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์กระทรวงยุติธรรม สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขัง นายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำดังกล่าว ตอนนี้อยู่ในชั้นการตรวจสอบเบื้องต้น ตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 ในชั้นนี้ยังไม่มีการชี้มูลความผิดกับผู้ถูกกล่าวหา และยังไม่มีการเสนอเรื่องกล่าวหาดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่อย่างใด

“ผมคิดว่าคำชี้แจงของเลขาธิการป.ป.ช.น่าจะทราบถึงความคืบหน้าชัดเจนแล้ว และเชื่อว่าเรื่องนี้คงจะไม่เป็นมวยล้มต้มคนดู น่าจะเป็นคดีตัวอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย และจะเป็นตัวอย่างสำหรับการปฏิบัติต่อการกลับมารับโทษของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีกระแสข่าวว่า จะเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสงกรานต์ด้วย”นายเทพไทย้ำ

อาจมีปาฏิหาริย์เหนือกว่า‘แม้วโมเดล’

นายเทพไทระบุว่าแม้ว่าการกลับมาประเทศไทยของนางสาวยิ่งลักษณ์จะไม่ใช้แบบอย่างทักษิณโมเดลอย่างแน่นอน เพราะเรื่องกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของป.ป.ช.คงไม่มีข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่คนใดปฏิบัติซ้ำรอยเดิมให้ถูกร้องเรียนอีกคงจะหาวิธีการและแนวทางใหม่เพื่อช่วยเหลือคุณยิ่งลักษณ์ให้รอดพ้นจากการติดคุกได้เพราะรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่มีนายทักษิณพี่ชายของน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการอำนวยความสะดวกและการเตรียมการ จะดีกว่าตอนที่นายทักษิณกลับมาซึ่งอยู่ในช่วงรัฐบาลรักษาการของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา

“เมื่อฟังการให้สัมภาษณ์ของ น.ส.แพทองธารว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้ติดต่อ เรื่องกลับมารับเข้ารับโทษในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพียงแต่โทรคุยตามปกติซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการประสานงานพูดคุยระหว่างนางสาวแพทองธารกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์อยู่เป็นประจำและปฏิเสธไม่ได้ว่าจะไม่มีการเตรียมการเรื่องการเดินทางกลับประเทศไทย ของ น.ส.ยิ่งลักษณ์อย่างแน่นอน ส่วนการที่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ นักโทษคดีจำนำข้าว ได้รับการพักโทษ ก็เป็นไปตามเงื่อนไขและระเบียบของกรมราชทัณฑ์ ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการกลับมาประเทศไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และถ้าหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ยอมถูกจำคุกเหมือนกับนายบุญทรงจะทำให้นางสาวยิ่งลักษณ์พ้นโทษไปนานแล้ว ขอให้จับตาการกลับมาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า จะซ้ำรอยเดิมของ นายทักษิณ หรือจะมีปาฏิหาริย์ทางกฎหมายที่เหนือกว่านายทักษิณเสียอีก”เทพไท ระบุทิ้งท้าย