วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / การเมือง
‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’ โว รบ.อย่ครบเทอม

‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’ โว รบ.อย่ครบเทอม

วันอังคาร ที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2568, 06.49 น.
Tag : ภูมิใจไทย พรรคร่วมรัฐบาล เพื่อไทย
  •  

‘เพื่อไทย’สยบรอยร้าว‘ภูมิใจไทย’

โวรบ.อย่ครบเทอม

‘ประเสริฐ’ยันไม่มีคว่ำงบ

อ้างทำประเทศเสียโอกาส

อ.ไชยันต์ชี้มีเมตตาธรรม

ใช้กับ‘เทวดาทักษิณ’ไม่ได้

 

“ประเสริฐ”แกนนำ“เพื่อไทย”ฉะคนปล่อยข่าว“ภูมิใจไทย”จ่อ คว่ำงบ’69 มุ่งเสี้ยมรัฐบาลระแวงกันเอง เผย นายกฯอิ๊งค์ ให้เกียรติคนทำงาน มั่นใจรัฐบาลอยู่ครบเทอม ฝ่าย“อนุสรณ์”ย้ำไม่มีเหตุที่พรรคไหน จะคว่ำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ทำประเทศเสียโอกาส ด้าน“สส.กฤษฎิ์” พรรคส้มซบกล้าธรรม“อ.ไชยันต์”ยกธรรมะฟันเปรี้ยงความเมตตาใช้ไม่ได้กับ“ทักษิณ”

เมื่อวันที่ 12 พ.ค.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวพรรคภูมิใจไทยจะไม่โหวตร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯว่า ทางพรรคภูมิใจไทย ออกมาชี้แจงแล้วว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง และที่ผ่านมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็บอกมาตลอดว่าพร้อมผลักดันนโยบายของรัฐบาล จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมาขวางร่างพ.ร.บ.งบฯ ที่เป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล


ชี้แค่ข่าวปล่อยเสี้ยม รบ.

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ตนมองว่าคนที่ปล่อยข่าวนี้ออกมามีเจตนาทำให้คนในรัฐบาลระแวงกันเอง แต่ส่วนตัวที่ได้ประชุมครม.ได้ทำงานร่วมกับรัฐมนตรีแต่ละพรรค ยังไม่เห็นประเด็นขัดแย้งในการทำงาน ทุกคนยังพร้อมให้ความร่วมมือการเดินหน้าภารกิจของน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯจึงมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลว่าจะสามารถทำงานแก้วิกฤติต่างๆที่เจอในขณะนี้ได้จนอยู่ครบวาระ และเชื่อว่าด้วยความเป็นผู้นำของน.ส.แพทองธาร ที่ให้เกียรติผู้ร่วมงานทุกระดับอย่างดี ทำให้การทำงานราบรื่น แม้จะมีคนพยายามปล่อยข่าวทำนองนี้มาหลายครั้งแต่เวลาที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่ามันไม่เป็นความจริง ครั้งนี้ก็เช่นกัน ขอให้ความมั่นใจประชาชนได้เลยว่ารัฐบาลจะเดินหน้าทำงานแก้วิกฤติและพัฒนาประเทศได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน

ไม่มีพรรคไหนคว่ำงบ

ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสข่าวที่บางพรรคการเมืองอาจไม่สนับสนุนร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ว่า ไม่มีเหตุผลที่พรรคการเมืองใดจะนำร่างงบประมาณ มาใช้เป็นเครื่องมือในการต่อรองกันทางการเมือง สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรก คือผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน การเดินหน้าพัฒนาประเทศ งบประมาณเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันและนำพาประเทศพัฒนาไปข้างหน้า พรรคการเมืองที่ถูกโยงว่าอยู่เบื้องหลังการเตรียมการโหวตคว่ำร่างพ.ร.บ. งบประมาณ ก็ออกมายืนยันแล้วว่าไม่เคยคิดและไม่มีประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้น ในสถานการณ์ที่ประเทศชาติมีปัญหาหลายด้าน ทุกภาคส่วนควรร่วมด้วยช่วยกัน นำพาประเทศชาติและประชาชนออกจากวิกฤต คิดเรื่องการเมืองให้น้อยคิดเรื่องบ้านเมืองให้มาก ร่างงบฯ ปี 69 ไม่ใช่เครื่องต่อรองทางอำนาจ แต่เป็นกุญแจในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส สร้างรายได้ให้ชุมชน และฟื้นฟูประเทศหลังวิกฤต

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ งบประมาณฉบับนี้ พิจารณาจัดทำด้วยระบบวิธีงบประมาณ เป็นผลจากกระบวนการที่เปิดกว้าง รอบคอบ มีการพิจารณาอย่างเป็นระบบจากทุกฝ่าย ไม่ใช่งบของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นงบ ในการพัฒนาประเทศในทุกมิติของประชาชนทุกคน หากจะมีการคว่ำงบประมาณต้องพิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับโครงการสำคัญและคุณภาพชีวิตของประชาชน เช่น การสาธารณสุข โครงสร้างพื้นฐาน การศึกษา การสร้างงาน และการพัฒนาเชิงโครงสร้าง

“ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังฟื้นตัวจากวิกฤตหลายด้าน ร่างงบฯ ปี 69 คือโอกาสวางรากฐานอนาคตประเทศ หากการเมืองยังเป็นอุปสรรค ก็เท่ากับปิดโอกาสของ ประเทศชาติและประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว

รทสช.พร้อมชำแหละงบ

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดราชบุรี เขต 4 และโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการเตรียมความพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า หัวหน้าและเลขาธิการพรรค ได้กำชับให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติทุกคนเร่งศึกษาข้อมูลและทำการบ้านเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2569

. เนื่องด้วยเป็นช่วงปิดสมัยประชุมสภา สส.ได้ลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชนในแต่ละพื้นที่ ทางพรรคก็จะมีการนัดประชุมเพื่อคัดเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าไปอยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว

ทั้งนี้สิ่งที่หัวหน้าและเลขาธิการพรรค เน้นย้ำกับ สส.พรรค ก็คือการตรวจสอบและปรับลดงบประมาณที่เกินความจำเป็นในแต่ละกระทรวง เพื่อให้ทุกหน่วยงานใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติ เนื่องจากปัจจุบันงบประมาณแผ่นดินมีจำกัด ทั้งยังต้องเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต จึงเห็นควรว่างบประมาณต้องใช้เฉพาะกับโครงการหรือสิ่งที่จำเป็นและเหมาะสมเท่านั้น สิ่งใดไม่จำเป็นก็ให้เสนอปรับลดงบประมาณลงทันที

ทบทวนการใช้งบปี 69

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยหลังลงพื้นที่ พบปะพี่น้องประชาชนหลายพื้นที่ ทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน โดยแสดงความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ทั่วประเทศ โดยระบุว่าขณะนี้ประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อย กำลังประสบปัญหารายได้ลดลงอย่างรุนแรง ขณะที่สถานการณ์โลกยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งจากมาตรการภาษีของสหรัฐอเมริกา สงครามการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในอนาคต

คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า รายงานจาก IMF และธนาคารโลกคาดว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะเติบโตเพียงร้อยละ 1 กว่าๆ เท่านั้น ขณะที่ Moody’s Investors Service ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงินชั้นนำของโลก ได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของเศรษฐกิจไทย

คุณหญิงสุดารัตน์ จึงเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนร่างงบประมาณปี 2569 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสิ้นเดือนพฤษภาคมนี้ โดยเสนอให้ “รัดเข็มขัด” ลดงบที่ไม่จำเป็น เช่น งบก่อสร้างอาคาร อย่างบที่จะเอาไปซ่อมอาคารสภาใช้งานมาเพียงห้าปี งบก่อสร้างถนน งบจัดซื้อครุภัณฑ์ รถประจำตำแหน่ง และงบศึกษาดูงาน ที่ไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนเลย ปีนี้คือปีแห่งความไม่แน่นอน รัฐบาลจึงต้องใช้งบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสที่สุด

เผยจ่ายใต้โต๊ะยังพุ่ง

คุณหญิงสุดารัตน์ ยกตัวอย่าง รายงาน ขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน(ACT) ประเทศไทย ที่ออกมาชี้ว่าการใช้งบลงทุนในปี 2568 ซึ่งอยู่ที่ 900,000 ล้านบาท แต่มีการประเมินจากภาคเอกชนที่รับงานภาครัฐว่า ต้องจ่ายใต้โต๊ะ หรือมีการคอร์รัปชันสูงถึงร้อยละ 30 คิดเป็นเงินถึง 300,000 ล้านบาท หรือหนึ่งในสามงบประมาณ ที่สูญหายไปเข้ากระเป๋านักการเมือง และข้าราชการขี้โกง ซึ่งควรจะเป็นงบที่นำไปพัฒนาเศรษฐกิจ การศึกษา และสร้างอาชีพให้กับคนไทย

หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ยังเน้นย้ำว่า ปีนี้เป็นปีแห่งความไม่แน่นอนจึงต้องสำรองงบประมาณไว้มากที่สุด เพื่อรับมือกับวิกฤตในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ สงครามการค้า หรือภัยธรรมชาติต่างๆ

พร้อมทั้งเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีแสดงจุดยืนจริงจังในการปราบปรามการทุจริต เพราะ “หัวไม่ส่าย หางไม่กระดิก” หากผู้นำไม่จริงใจ ในการปราบโกง การทุจริตก็จะยังคงอยู่ต่อไป และที่สำคัญจะต้อง ร่วมกัน“สร้างการเมืองสุจริต”ให้เกิดขึ้นจริง ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชันทุกรูปแบบ

คุณหญิงสุดารัตน์ ยังเตือนด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้ใช้งบประมาณปี 2569 ด้วยการกู้เงินสูงเป็นประวัติการณ์ ดังนั้น “ทุกบาททุกสตางค์เป็นเงินภาษีของประชาชน และเป็นภาระหนี้ที่ต้องจ่ายกันชั่วลูกชั่วหลาน” รัฐบาลจึงต้องใช้งบอย่างคุ้มค่าและซื่อสัตย์ต่อประชาชนอย่างแท้จริง

เทพไท จับตา‘3 ดีล’สำคัญ

นายเทพไท เสนพงษ์ อดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง “ผลสอบแพทยสภา กระทบต่อรัฐบาลอุ๊งอิ๊ง” ระบุว่า...หลังจากคณะกรรมการแพทยสภา ได้แถลงผลการสอบ กรณีนายทักษิณ ชินวัตรป่วยรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพบว่าไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ว่านายทักษิณป่วยวิกฤติ ทำให้มีการวิเคราะห์ถึงอนาคตของนายทักษิณว่า ผลการสอบของคณะกรรมการแพทยสภา น่าจะเป็นสารตั้งต้น ที่นำไปสู่การไต่สวนของศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งอาจจะทำให้นายทักษิณต้องถูกบังคับโทษ ตามหมายศาลฎีกา คือไปรับโทษใหม่ตามที่ได้รับพระราชทานลดโทษจำคุกเหลือ1ปี

ซึ่งทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร จนทำให้แกนนำของพรรคเพื่อไทยหลายคน ออกมาปฏิเสธว่า ผลการสอบของแพทยสภา จะไม่ส่งผลกระทบต่อรัฐบาล ทั้งที่ข้อเท็จจริงเป็นที่ทราบกันอยู่ว่า นายทักษิณคือผู้อยู่เบื้องหลังรัฐบาลชุดนี้ เป็นผู้กำหนด เป็นผู้กำกับ เป็นผู้ผลักดันนโยบายต่างๆ ที่สำคัญผ่านรัฐบาลชุดนี้

บังคับโทษแม้วรบ.ระส่ำ

ถ้าหากนายทักษิณถูกบังคับโทษให้ไปจำคุก ตามหมายศาลฎีกาฯ จะไม่สามารถควบคุม หรือบงการรัฐบาลชุดนี้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ ส่งผลกระทบต่อรัฐบาลอย่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมานายทักษิณเป็นคนกำหนดนโยบาย เป็นคนมอนิเตอร์พรรคร่วมรัฐบาล ขันน๊อตการทำงานของรัฐมนตรีทุกคน เมื่อกลับไปอยู่ในเรือนจำ อาจทำให้มีผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลอย่างแน่นอน เว้นแต่รัฐบาลชุดนี้เปิดดีลต่อ หรือ ต่อดีลลับที่มีอยู่แล้ว ฝ่ายอนุรักษ์นิยมไฟเขียวให้ต่อดีลออกไปอีก ซึ่งดีลเดิม ยังทำไม่สำเร็จเลยแม้แต่ข้อเดียว คือ

1.พรรคเพื่อไทย ต้องเอาชนะพรรคก้าวไกลเดิม หรือพรรคประชาชนให้ได้ ซึ่งวันนี้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยุบสภาไปเลือกตั้งใหม่ พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่สามารถเอาชนะพรรคประชาชนได้ 2.ต้องการให้รัฐบาลพรรคเพื่อไทย แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะเชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยสามารถทำได้ แต่ตอนนี้บริหารประเทศมาครึ่งเทอม สถานการณ์ทางเศรษฐกิจไม่ดีขึ้น ไม่เป็นไปตามราคาคุย หรือที่ให้ไว้กับฝ่ายอนุรักษ์นิยม 3.จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในชาติ เพื่อให้คนในชาติรักสามัคคีกัน บ้านเมืองสงบไม่มีความขัดแย้งทางการเมืองแต่ตอนนี้ความขัดแย้งทางการเมืองยังมีอยู่ และเป็นความขัดแย้งที่มาจากตัวนายทักษิณเอง

“ดีล 3 ข้อนี้ยังทำไม่สำเร็จ ถ้ารัฐบาลชุดนี้หรือนายทักษิณเปิดดีลต่อกับฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้ อาจทำให้รัฐบาลชุดนี้เดินต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากฝ่ายอนุรักษ์นิยม หักดีล ปิดดีล ล้มดีลไป รัฐบาลชุดนี้ก็ถึงจุดจบทางการเมือง ขอให้จับตาดูว่า สถานการณ์ทางการเมือง ความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ และรัฐบาลชุดนี้ จะต่อดีลเดิม หรือเปิดดีลใหม่กับฝ่ายอนุรักษ์นิยมได้หรือไม่”นายเทพไท ย้ำทิ้งท้าย

มีเมตตาใช้ไม่ได้กับแม้ว

ศ.ดร.ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Chaiyan Chaiyaporn หัวข้อ “ความเมตตา กับคุณทักษิณ” ระบุว่า...ช่วงนี้ มีคนมากกว่าหนึ่งคนออกมาขอให้สังคมมีความเมตตาต่อคุณทักษิณ ผมเลยไปหาความรู้เกี่ยวกับความเมตตา เพราะก่อนจะเมตตา น่าจะต้องมีปัญญากำกับ เลยได้ความมาดังนี้ครับ “เมตตาเท่าเทียมกัน แต่ไม่ใช่ปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน”

ท่านเคยเปรียบเทียบเหมือนคนเลี้ยงม้า ท่านไปสอนคนเลี้ยงม้า บอกม้าบางตัวนิสัยมันดี ว่าง่ายสอนง่าย เขาก็ให้มันกินอาหารพอดีๆ พามันออกกำลังกาย พามันฝึก บางตัวมันดื้อเขาก็ทรมานมันต่างๆ นานาเพื่อปราบพยศมัน บางตัวสอนไม่ได้ฝึกไม่ได้ พระพุทธเจ้าถามว่า ถ้าเจอม้าเกเรฝึกไม่ได้จะทำอย่างไร เขาบอกเขาก็ฆ่าทิ้ง พระพุทธเจ้าท่านก็บอกว่าท่านก็ทำแบบเดียวกัน ตัวไหนดีท่านก็อบรมอย่างเรียบร้อย ไม่ดุเดือดอะไร พวกที่หยาบหน่อยก็สั่งสอนแบบดุเดือดหน่อย พวกสั่งสอนไม่ได้ท่านฆ่าทิ้ง ฆ่าทิ้ง คือ ไม่สอน

ถ้าจิตใจเรากระด้างจนครูบาอาจารย์ไม่สอน รู้เลยเราเป็นม้าระดับถูกฆ่าทิ้ง ฉะนั้นถ้าครูบาอาจารย์ยังดุด่าว่ากล่าวอยู่ แสดงว่ายังเป็นม้าชนิดฝึกได้อยู่ ความเมตตา ไม่ใช่ว่าเมตตาแล้วปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนกัน อย่าเข้าใจผิดว่าถ้ามีความเมตตาแล้ว เราปฏิบัติกับคนดีคนชั่วเสมอกัน คนหยาบคนละเอียดเสมอกันอะไรอย่างนี้ ไม่ใช่ๆ

ถึงเราเมตตาเท่าเทียมกันกับคนทุกคน แต่การปฏิบัติ ปฏิบัติให้สมควรแก่คนๆ นั้นที่เขาจะได้ประโยชน์สูงสุด

เราอยู่ในบริษัท ลูกน้องเราเยอะ เราเมตตาทุกคน เรารู้ว่าแต่ละคนมีความทุกข์ทั้งนั้น เราเมตตาทุกคน คนไหนมีฝีมือนิสัยดีก็โปรโมต ให้เขาเติบโตไป ให้โอกาสเขาทำงาน

คนซึ่งแย่ลงมาคุณสมบัติบกพร่องตรงนั้นตรงนี้ ก็สั่งสอน สั่งสอนแล้ว ให้โอกาสปรับตัว ให้โอกาสทำงาน

ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ให้ออก ให้ออกก็คือเหมือนเราฆ่าทิ้ง ถามว่าฆ่าทิ้งด้วยความโหดร้ายทารุณไหม ไม่ใช่ เมตตามาก่อนแล้ว สุดท้ายก็ลงที่อุเบกขา สัตว์โลกแต่ละตัวๆ มันมีอัธยาศัยใจคอแตกต่างกัน บางตัวยังหยาบเกินไป ก็ต้องปฏิบัติกับเขาอย่างหนึ่ง”

ศ.ดร.ไชยันต์ ยังได้เขียนในคอมเมนต์ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยว่า “ท่านได้รับความเมตตา อภัยลดโทษเหลือจำคุก 1 ปีมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้น เชื่อว่าคนไทยเราก็เตรียมใจให้อภัยและมีเมตตาให้ท่าน หากท่านสำนึกน้อมรับการจำคุก ที่จริงคนระดับท่านถูกจำคุกจริงๆ ไม่ต้องถึงปี ดีไม่ดี คนไทยขี้สงสารใจอ่อน ท่านจะออกมาใส่กำไลอีเอ็มกลับไปอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ก็คงไม่มีใครว่า รังแต่จะมีความเมตตาเห็นใจท่าน แต่ท่านไม่เข้าใจความเมตตาของคนไทยที่พร้อมจะให้ท่าน ท่านกลับคิดถึงแต่ตัวท่านเอง และยังมีทิฐิอยู่มาก”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.ดร.ไชยันต์ ยกคำสอนดังกล่าวมาจากเว็บไซต์ธรรมะเพื่อความพ้นทุกข์ โดยธรรมเทศนาของหลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม

หมายเรียกสว.ไม่ใช่หมายจับ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน – สมชัย ศรีสุทธิยากร” ระบุว่า...กรณี หมายเรียก 60 สว. 1. เป็นหมายเรียกจาก ที่ออกโดยฝ่ายสืบสวน ของ กกต. ลงนามโดยรองเลขาธิการ กกต. ที่คุมงานด้านการสืบสวน สอบสวน 2. การออกข่าว ติดหมายเรียกหน้าบ้าน เชิญผู้สื่อข่าวไปทำข่าว เป็นการเล่นใหญ่เกินเบอร์ เพราะปกติ ฝ่ายสืบสวนก็เคยมีหมายเรียกแบบนี้ เป็นพัน เป็นหมื่นราย ก็ใช้ส่ง จม. ลงทะเบียนถึงผู้ถูกเรียกเท่านั้น 3. ไม่มีการเปลี่ยนสภาพ หมายเรียก เป็นหมายจับ เหมือนหมายเรียกของตำรวจ เพราะเป็นแค่หมายเรียกของ กกต. 4. ผู้ถูกหมายเรียก จะไปหรือไม่ไปก็ได้ แต่ถ้าไม่ไป เพราะกับยอมรับการเสี ยสิทธิที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงในฟากของตัวเอง 5. ผมแนะนำว่า ควรไป อย่างน้อยที่สุดได้รับทราบข้อกล่าวหา และ ได้โอกาสในการชี้แจงข้อเท็จจริงที่จะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีฝ่ายตน

อย่ามัวคิดเรื่องศักดิ์ที่สูงกว่าเลย ศักดิ์กินไม่ได้ แต่ถูกใบแดง คืนเงินเดือน ต้องโทษอาญา และถูกตัดสิทธิทางการเมือง นั่นของจริง

สส.กฤษฎ์ย้ายซบกล้าธรรม

ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณีที่มีข่าวการย้ายพรรคของ น.ส.กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี เขต 6 พรรคประชาชน ที่จะย้ายไปสังกัดพรรคกล้าธรรม เนื่องจากอุดมการณ์ไม่ตรงกับพรรคประชาชน โดยทำหนังสือถึงพรรคประชาชนว่า ขอยุติบทบาทการเมืองกับพรรคประชาชนแล้วนั้นล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่ น.ส.กฤษฎิ์ ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่เนื่องจากมีสื่อมวลชนสนใจเป็นจำนวนมาก และตนยังไม่สะดวกให้ข้อมูล จึงขอนัดหมายแถลงยุติบทบาทการทำงานกับพรรคประชาชน หลังจากส่งหนังสือแจ้งให้กับนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน และกรรมการบริหารพรรครับทราบแล้ว ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา โดยจะแถลงในวันพรุ่งนี้ทีเดียว เวลา 10.00 น. ที่อาคารรัฐสภา ซึ่งจะเปิดใจถึงเหตุผล จุดแตกหักนำมาซึ่งการตัดสินใจแยกทางกับพรรคประชาชน

ทั้งนี้จะมีการเปิดเผยหนังสือที่ส่งถึงหัวหน้าพรรคประชาชน มีความยาว 2 หน้ากระดาษถึงเหตุผลและปัญหาในการทำหน้าที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาด้วย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'สรวงศ์\'เผยเล็งพิจารณาร้านอาหาร-ของชำขายเหล้าวันพระใหญ่ได้ 'สรวงศ์'เผยเล็งพิจารณาร้านอาหาร-ของชำขายเหล้าวันพระใหญ่ได้
  • \'สรวงศ์\'บอก\'ภูมิใจไทย\'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69 'สรวงศ์'บอก'ภูมิใจไทย'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69
  • \'สรวงศ์\'โดดป้อง\'สส.ฟลุ๊ค\' บอกอาจอัดอั้นหลังครอบครัว\'หลีนวรัตน์\'ถูกกระแสโถมใส่ 'สรวงศ์'โดดป้อง'สส.ฟลุ๊ค' บอกอาจอัดอั้นหลังครอบครัว'หลีนวรัตน์'ถูกกระแสโถมใส่
  • \'อิ๊งค์\'งงข่าว\'ยุบสภาฯ\' ยัน\'พรรคร่วมฯ\'แน่นปึ้ก ลั่น!คุมสถานการณ์ได้ไม่เกินมือ 'อิ๊งค์'งงข่าว'ยุบสภาฯ' ยัน'พรรคร่วมฯ'แน่นปึ้ก ลั่น!คุมสถานการณ์ได้ไม่เกินมือ
  • ‘ทักษิณ’ยังอยู่! ‘บิ๊กเพื่อไทย’ยันนายใหญ่มีความสุข ไร้กังวลศาลนัดไต่สวน 13 มิ.ย.นี้ ‘ทักษิณ’ยังอยู่! ‘บิ๊กเพื่อไทย’ยันนายใหญ่มีความสุข ไร้กังวลศาลนัดไต่สวน 13 มิ.ย.นี้
  • \'วราวุธ\'มั่นใจไม่มีการคว่ำงบฯ 69 เปรียบ\'พท.-ภท.\'เหมือนผัวเมีย มีกระทบกระทั่งกันบ้าง 'วราวุธ'มั่นใจไม่มีการคว่ำงบฯ 69 เปรียบ'พท.-ภท.'เหมือนผัวเมีย มีกระทบกระทั่งกันบ้าง
  •  

Breaking News

'สรวงศ์'เผยเล็งพิจารณาร้านอาหาร-ของชำขายเหล้าวันพระใหญ่ได้

'สรวงศ์'บอก'ภูมิใจไทย'การันตีแล้วไม่คว่ำงบฯ 69

ครม.ออก‘G-Token’ 5 พันล้าน เครื่องมือระดมทุนใหม่ผ่านดิจิทัล

'ชัชชาติ' นำทีมทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล วางดอกไม้ยืนไว้อาลัยผู้เสียชีวิตที่ตึกสตง.

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved