ล่าชื่อยื่นถอดถอน‘อิ๊งค์’พ้นรมว.วัฒนธรรม
ฟันดาบสอง!
สว.ฮึ่มร้องศาลรัฐธรรมนูญ
‘อิ๊งค์’เข้าถวายสัตย์ฯได้หรือไม่
‘ชูศักดิ์’การันตีคุณสมบัติครบ
ปชน.จี้ยุบสภาทางออกดีที่สุด
ฟันดาบสอง “หมอตุลย์”ยื่นปธ.วุฒิฯ ล่าชื่อยื่นถอดถอน“อิ๊งค์”พ้นรมว.วัฒนธรรม ย้ำนิติสงครามไม่มีผลหาก“นักการเมือง-รัฐบาล”ทำหน้าที่ตัวเอง ด้าน“ชูศักดิ์”ชี้คุณสมบัติ“อิ๊งค์”ไม่มีปัญหา เหตุศาลยังไม่ชี้ขาดว่าขาดคุณสมบัติ“สุริยะ”ทำหน้าที่นายกฯวันแรก ลงนามแต่งตั้ง“ภูมิธรรม”รักษาการนายกฯลำดับที่ 1 ปรึกษา“กฤษฎีกา-สลค.”แล้ว “แพทองธาร”เข้าถวายสัตย์ได้“ภูมิธรรม”ปัดเอาคืน“ภูมิใจไทย”คดีเขากระโดง หลังนั่งรมว.มหาดไทย ชี้เป็นเรื่องของประเทศชาติ ไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว จวกเป็นการวิจารณ์แบบง่ายๆ ลั่น’หากไม่มีอะไรที่ผิด ก็ไม่มีใครทำอะไรได้’
เมื่อวันที่ 2กรกฎาคม2568 ที่รัฐสภา นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เข้ายื่นหนังสือต่อ นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ขอให้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ออกจากตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม นพ.ตุลย์ กล่าวว่า ตามที่ประธานวุฒิสภาได้ยื่นคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 36ท่าน ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้วินิจฉัยถอดถอน น.ส.แพทองธาร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 160 (4) และ (5) กล่าวคือ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรมฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ซึ่งศาลรับคำร้องดังกล่าวและมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย
ยื่นปธ.วุฒิล่าชื่อถอด’อิ๊งค์’พ้นรมว.วธ.
นพ.ตุลย์ กล่าวว่า บัดนี้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง น.ส.แพทองธาร เป็นรมว.วัฒนธรรม จึงเป็นกรณีต้องวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร ขาดคุณสมบัติการเป็นรมว.วัฒนธรรม และไม่สามารถดำรงตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมได้หรือไม่ จึงเสนอให้สว.ไม่น้อยกว่า1ใน10 ร่วมกันลงชื่อให้ประธานวุฒิสภา ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่า ความเป็น รมว.วัฒนธรรมของ น.ส.แพทองธารสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา160 (4) และ (5) หรือไม่ และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรมไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เป็นที่น่าสงสัยว่า ก่อนมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญออกมา แต่นายกรัฐมนตรียังเสนอชื่อทูลเกล้าฯ ตัวเอง ทั้งที่อาจจะถูกข้อกล่าวหาทั้งการผิดจริยธรรมและความไม่ซื่อสัตย์สุจริต จนคนให้ทำประเทศตั้งข้อสงสัยว่า อย่างนี้แล้ว จะสามารถดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมตามได้อย่างไร ตามกลไกแล้วศาลรัฐธรรมนูญสามารถพิจารณาเรื่องนี้ได้ เพราะตนมองแล้วว่า พรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลก็คงไม่ยื่น ซึ่งไม่รู้ว่าเขาทำอะไรกันอยู่ ตนจึงขอเสนอให้ สว.ทำหน้าที่ในการพิจารณาเข้าชื่อเพื่อยื่นคำร้องจำนวนไม่น้อยกว่า 20คน หากจะได้เท่าเดิม 36คน ก็ยิ่งดี ตนยืนยันว่า กระบวนการนี้ ตนทำในนามส่วนตัว ไม่ใช่ในนามของกลุ่มรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย
อย่ากลัว’นิติสงคราม’ถ้าไม่ทำผิดกม.
“ตอนนี้จะเห็นว่า หลายคนจากพรรคฝ่ายค้านและผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง คุณธนาธร คุณปิยบุตร คุณพรรณิการ์ หัวหน้าเท้ง หรือ คุณรังสิมันต์ ออกมาพูดคำว่า นิติสงครามกันมาก จึงคิดว่า นิติสงครามเป็นเครื่องมือของภาคประชาชนที่จะดำเนินการกับนักการเมืองที่ทำไม่ถูกต้อง เราก็เหลือแต่เครื่องมีอนี้ ขอบอกว่าหากนักการเมืองหรือรัฐบาลทำหน้าที่ได้อย่างถูกต้อง ก็ไม่ต้องกลัวนิติสงครามใดๆ ไม่มีอะไรระคายผิวคุณได้ ถึงยื่นไป ศาล,ป.ป.ช.,กกต.เขาก็ไม่ลงโทษคุณ อย่าห่วงเรื่องนิติสงคราม กรุณาทำหน้าที่ตามที่ท่านได้อาสาเข้ามา รับใช้ประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ตามที่คุณกล่าวอ้างตอนหาเสียง คุณไม่ต้องห่วงการที่ประชาชนจะใช้นิติสงครามได้ มีอยู่กรณีเดียวคือคุณทำหน้าที่ไม่ถูกต้องอย่างร้ายแรง” นพ.ตุลย์ ทิ้งท้าย
‘ชูศักดิ์’ชี้คุณสมบัติ‘อิ๊งค์’ไม่มีปัญหา
ด้าน นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน แล้วให้ส่งคำชี้แจงภายใน 15วัน ว่า เอกสารหลักฐานต่างๆเรามีครบ เพราะเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่อาจต้องเรียบเรียงดูว่ามีอะไรเพิ่มเติมอย่างไร เมื่อถามว่า มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคุณสมบัติของ น.ส.แพทองธาร ยังมั่นใจใช่หรือไม่ว่า จะสามารถเข้าถวายสัตย์ปฏิญาณได้ นายชูศักดิ์ กล่าวว่า ความเห็นของนักวิชาการ รวมถึงอดีตศาล มองว่า เป็นคุณสมบัติเดียวกับนายกฯ หากตีความเช่นนั้นเท่ากับวินิจฉัยว่า น.ส.แพทองธาร มีความผิดไปแล้ว ทั้งที่ความจริงศาลยังไม่ได้วินิจฉัยว่าขาดคุณสมบัติอะไรหรือไม่ เพียงแต่รับคำร้องไว้และให้ชี้แจง ฉะนั้นต้องถือว่า น.ส.แพทองธาร ยังมีคุณสมบัติเต็มที่ในการทำหน้าที่รัฐมนตรี ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยให้รวมไปถึงตำแหน่งอื่น หากวินิจฉัยเช่นนั้นก็ไม่ได้เพราะเกินคำร้อง
‘สุริยะ’ตั้ง’อ้วน’รักษาการนายกฯลำดับ1
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คมนาคม ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ ว่า สืบเนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จากเดิม นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการลำดับที่ 1 แต่เนื่องจาก นายภูมิธรรม พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯและรมว.กลาโหม จึงทำให้พ้นจากตำแหน่งรองนายกฯด้วย ตนจึงต้องมาปฏิบัติหน้าที่แทน นายภูมิธรรม ซึ่งหลังจากวันที่ 3ก.ค.ตนทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯ จะนำ ครม.เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณ หลังจากถวายสัตย์ปฏิญาณเรียบร้อยแล้ว นายภูมิธรรม จะทำหน้าที่รักษาราชการแทนนายกฯแทนตน ช่วงนี้ตนจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดตามระเบียบราชการบริหารแผ่นดิน
เมื่อถามว่าในช่วงนี้มีเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องทำหรือลงนามหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ตนทำในวันนี้คือเมื่อช่วงเช้าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ให้ตนเซ็นเอกสารลงนามเพื่อมอบให้ นายภูมิธรรม กลับมาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งรักษาราชการแทนนายกฯภายหลังถวายสัตย์ปฏิญาณ
ปรึกษา’กฤษฎีกา-สลค.’เข้าถวายสัตย์ได้
เมื่อถามว่า มีอดีต สว.และอดีตสส.ออกมาระบุว่า น.ส.แพทองธาร ถูกศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หากเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณอาจติดเรื่องขาดคุณสมบัติรัฐมนตรี จะทำให้มีความสุ่มเสี่ยงหรือไม่เพราะยังมีการตีความกันอยู่ นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) และฝ่ายกฎหมาย ได้ดูข้อกฎหมายชัดเจนแล้วว่าทุกอย่างเป็นไปตามระเบียบและกฎหมาย ตนไม่ห่วงตรงนี้เพราะเป็นการดูในภาพรวมที่กฤษฎีกาดูอย่างรอบคอบแล้ว และฝ่ายกฎหมายรัฐบาลดูอย่างถูกต้องแล้ว เมื่อถามอีกว่าเลขาธิการกฤษฎีกาและเลขาธิการครม.ยืนยันแล้วใช่หรือไม่ว่าเรื่องนี้ไม่ผิด นายสุริยะ กล่าวว่า ถูกต้องครับ เมื่อถามว่า จะเรียกประชุมครม.นัดพิเศษเลยหรือไม่ หลังการถวายสัตย์ปฏิญาณ นายสุริยะ กล่าวว่า ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น
‘ภูมิธรรม’มั่นใจ’อิ๊งค์’นั่งรมว.วธ.ได้
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย (มท.) กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวว่า นายกฯมีกำลังใจที่เข้มแข็ง และได้กำชับรัฐมนตรีทุกคนให้ทำหน้าที่ต่อ ในส่วนของนายกฯเองก็เหมือนพักงานไป เพื่อรอกระบวนการยุติธรรมให้มีความชัดเจน แต่ยังสามารถทำอะไรต่างๆได้ ในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ที่จะช่วยแก้ไขปัญหา และนายกฯยังสามารถเข้าประชุม ครม.ได้เช่นเดิม ภายหลังเข้าพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณก็จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เมื่อถามถึงกรณี มีการตั้งข้อสังเกตว่านายกรัฐมนตรีถูกร้องเรื่องคุณสมบัติและความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ อาจไม่สามารถนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ นายภูมิธรรม ระบุว่า นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้ดูในเรื่องกฎหมายทั้งหมดแล้ว จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา หากยังครางแคลงใจหรือมีประเด็น ให้กระบวนการยุติธรรมตรวจสอบได้อยู่แล้ว แต่นายกรัฐมนตรีก็มีภารกิจของกระทรวงวัฒนธรรม ในส่วนอื่นก็ไม่มีอะไรกระทบ ที่จะทำให้งานสะดุด หากท่านจะถูกวินิจฉัยว่าอย่างไร ก็ไม่มีปัญหา ขอให้ทุกคนได้ทำงาน นายกฯจะทำหน้าที่บทบาทฐานะประชาชนและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย
บันไดพาดแล้ว’หมอเปรม’แนะไขก๊อก
นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.แถลงข้อเสนอของ สว.ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯว่า หลังจากนี้ น.ส.แพทองธาร มีเวลา 15วัน ในการชี้แจงข้อกล่าวหาต่อศาลรัฐธรรมนูญ จากนั้นศาลจะพิจารณาจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยว่า จะพ้นจากตำแหน่งตามที่มีหนังสือถอดถอนหรือไม่ ระยะเวลาจากนี้ไประหว่าง 90วัน จะเกิดสุญญากาศบริหารราชการแผ่นดิน ข้าราชการซึ่งไม่ทราบว่านายกฯ ตัวจริงจะกลับมาทำหน้าที่หรือไม่ อาจจะเกิดเกียร์ว่างในการทำงานดูแลประชาชน
“ผมว่าเป็นโอกาสดีที่ศาลรัฐธรรมนูญเอาบันไดมาพาดให้นายกฯลงจากตำแหน่ง โดยไม่เกิดผลกระทบใดๆหากการตัดสินใจเสียสละครั้งนี้เกิดขึ้นจะช่วยลดปัญหาการชุมนุม หากนายกฯยังดำรงตำแหน่ง หรือยังคาราคาซังรับตำแหน่งจะทำให้การชุมนุมขยายตัวออกไป ลองนำข้อเสนอไปใคร่ครวญว่า จะเกิดประโยชน์บ้านเมืองมากกว่ารอคำตัดสิน เนื่องจากกว่าจะมีคำวินิจฉัยออกมาไม่ต่ำกว่า 2เดือน เมื่อเทียบกับกรณีศาลสั่ง นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกฯ” นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว
สว.รุมค้าน’อิ๊งค์’เข้าถวายสัตย์ฯคุมวธ.
แหล่งข่าวจาก สว.กล่าวว่า ขณะนี้ ศาลรัฐธรรมนูญ กำลังพิจารณาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง เพราะเหตุไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และประพฤติผิดมาตรฐานทรงจริยธรรมอย่างร้ายแรง แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังนำชื่อตนเองทูลเกล้าฯให้ทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรมว.วัฒนธรรม ซึ่งสว หลายคน เห็นว่าขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบ 82 และ 160 (4) (5) และนายสุริยะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ไม่ควรนำน.ส. แพทองธาร เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณและ น.ส.แพทองธาร ไม่ควรเป็นรมว.วัฒนธรรม
“สมชาย”เตือน’อิ๊งค์’อย่าดันทุรัง
นายสมชาย แสวงการ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า “อุ๊งอิ๊ง เข้าถวายสัตย์ในตำแหน่งรมว.วัฒนธรรมไม่ได้ #อย่าดันทุรัง เพราะศาลรธน สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ที่ถูกร้องในปัญหาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา170(4)และมาตรา160(4)(5) จะตะแบงตึความว่า ศาลให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เฉพาะนายกฯ ศาลไม่ได้สั่งให้หยุดในฐานะรัฐมนตรีไม่ได้ อุ๊งอิ๊งจะเข้าทำหน้าที่ รมววัฒนธรรมได้ต่อเมื่อศาลมีคำวินิจฉัยแล้วว่า ไม่ขาดคุณสมบัติรัฐมนตรีตามที่ศาลรับคำวินิจฉัยไว้แล้วเท่านั้น ตรวจสอบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญและข้อกฎหมายให้ดี อย่าตีความเข้าข้างเอาใจนาย สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ฝ่ายกฎหมายและฝ่ายพิธีการต่างๆ ควรสะกิดเตือน อย่าสร้างปัญหากฎหมายเพิ่มอีก อย่าสร้างความมิบังควรครับ เตือนมาด้วยความหวังดี”
‘นิพิฏฐ์’จี้หยุดปฏิบัติหน้าที่ทุกตำแหน่ง
นายนิพิฏฐ์อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดการปฏิบัติหน้าที่ ด้วยข้อกล่าวหาว่า ขาดความซื่อสัตย์สุจริต และ ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5) คุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ ม.160 เป็นคุณสมบัติ ของรัฐมนตรีทุกคน มิใช่เป็นคุุณสมบัติเฉพาะของนายกรัฐมนตรี ความเห็นส่วนส่วนตัว นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ หากปฏิบัติ จะมีปัญหาทางกฎหมายตามมาว่า เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ เสี่ยง ถึงเสี่ยงมากและเสี่ยงที่สุดครับ ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์แล้ว หยุดการปฏิบัติหน้าที่อย่างสิ้นเชิงทุกตำแหน่งเถอะครับ อย่าไปเสี่ยงเลย นี่ผมเตือนด้วยความหวังดีนะ
ปชน.จี้ยุบสภา-หาช่องซักฟอกเร็วที่สุด
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ์สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า การจะไปถึงการเลือกตั้งได้ก็ต้องให้รักษาการนายกฯฟังเสียงพรรคปชน.และตัดสินใจยุบสภาเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชน หรือหากรักษาการนายกฯยังไม่ตัดสินใจยุบสภา พรรคปชน.จะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อใช้กลไกสภานำไปสู่การเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งวันที่ 3กรกฎาคมนี้ หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือกันว่า จะใช้กลไกดังกล่าวหรือไม่ เมื่อถามว่าพรรคประชาชน เรียกร้องยุบสภาเพียงอย่างเดียว แต่เกมการเมืองหลังจากนี้ อาจจะพลิกเกมเปลี่ยนขั้วจับกับพรรคฝ่ายค้านตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนจะไม่ร่วมรัฐบาลกับใครในสภาชุดนี้ และคิดว่ารัฐบาลที่จะสามารถแก้ไขปัญหาของประเทศได้ ท่ามกลางสถานการณ์นี้จะต้องเป็นรัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง และยืนยันว่าไม่มีสถานการณ์ไหนที่พรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาล
‘ช่อ’แนะรบ.ยุบสภา-เลือกตั้งใหม่ดีที่สุด
น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ว่า ยุบสภาคือทางออกที่ดีที่สุดของประเทศ พรรคประชาชน (ปชน.) พรรคภูมิใจไทย รวมถึงคิดว่านักการเมืองทุกพรรคก็ไม่ควรที่จะกลัวการเลือกตั้ง วันนี้การเมืองไม่เป็นทางตัน แต่ทางออกที่มีอยู่คุณอยากเดินไปหรือไม่ นั่นคือการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชน เป็นนักการเมืองอย่ากลัวประชาชน อย่ากลัวการเลือกตั้ง ให้โอกาสประชาชนตัดสินใจ มีหลายคนบอกว่ายุบสภาวันนี้จะเสียเวลา3-4เดือน คำถามคือแล้ววันนี้เราไม่เสียเวลาหรือ นับจากวันที่มีคลิปเสียงออกมา เราเสียเวลาไปแล้วกี่สัปดาห์กว่าศาลจะออกคำวินิจฉัยมา ดิฉันเชื่อว่าอาจใช้เวลาถึง2เดือน เพราะเป็นคดีสำคัญ ศาลอาจจะอยากให้ความเป็นธรรมกับ น.ส.แพทองธาร อย่างเต็มที่ คงจะต้องใช้เวลา 45-60วัน และหากนายกฯ หลุดจากตำแหน่งกว่าจะหาคนครองเสียงข้างมาก คือ 247เสียงจะได้วันไหน ดิฉันคิดว่าหากยุบสภาตั้งแต่แรกโอกาสที่จะได้นายกฯและรัฐบาลที่มีเสถียรภาพอาจจะเร็วกว่า
‘ภท.’ปัดข่าว’อนุทิน’พร้อมนั่งนายกฯ
น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย สส.อุบลราชธานี โฆษกพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ระบุว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูลหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เสนอตัวเป็นนายกฯชั่วคราว เพื่อผ่าทางตันการเมือง โดยมีพรรคปชน.ช่วยสนับสนุน แต่มีเงื่อนไขไม่ร่วมรัฐบาลและจะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า วันที่ 3กรกฎาคมนี้ จะเป็นครั้งแรกที่เป็นการเจอกันของนายอนุทิน กับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านต่างๆ จึงไม่ทราบว่า นายณัฐพงษ์ เอาข้อมูลนี้มาจากไหน เพราะนายอนุทิน ยังไม่เคยพูดคุยกับ นายณัฐพงษ์ ไม่ว่าจะเป็นทางการหรือไม่เป็นทางการ ก็ไม่เคยคุยเลย
เมื่อถามว่า มองเป็นการโยนหินถามทางเพื่อเปลี่ยนขั้วรัฐบาลหรือไม่ น.ส.แนน บุณย์ธิดา กล่าวว่า จริงๆ ต้องโยนคำถามกลับไปที่ท่านผู้นำฝ่ายค้านที่ได้ให้ข้อมูลตรงนี้ออกมาว่าเป็นการโยนหินถามทาง หรือเป็นไปในลักษณะใด ส่วนจะเป็นไปได้หรือไม่ที่พรรคภูมิใจไทยจะจับมือกับพรรคประชาชน แล้วดันนายอนุทิน เป็นนายกฯ นั้น ทั้งหมดเป็นสมมติฐาน จึงไม่ขอตอบคำถามที่เป็นสมมติฐานทั้งสิ้น นาทีนี้เรากำลังทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ยังดูการทำงานของสภาฯและครม.ชุดปัจจุบันและที่ประชุมกก.บห.ยังไม่เคยคุยกันเรื่องนี้ เพราะยังไม่ใช่เวลาที่จะคุยกันประเด็นนี้ เนื่องจากประเทศยังมีหลายปัญหาที่ต้องแก้ไข
‘บิ๊กป้อม’ฝันหวานพร้อมชิงนายกฯ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ส่งสัญญาณให้พรรคประชาชน (ปชน.) สนับสนุนให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อผ่าทางตัน ว่า ให้เขาเสนอก่อน ตนก็เสนอของตนได้ เมื่อถามย้ำว่าพรรคพลังประชารัฐ มีเสียงไม่ถึง 25 เสียง จะเสนอตนเองเป็นนายกได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ได้ เพราะเมื่อวันเลือกตั้งเรามีสส.40 คน นับอันเดิม เมื่อถามต่อว่านายอนุทิน ได้ติดต่อมาขอเสียงสนับสนุนหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังไม่เจอกันเลย ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายกรัฐมนตรียุติการปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ยังไม่ได้คุยกับใครใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ยังเลยๆพร้อมส่ายหัว เมื่อถามต่อว่าในสายตาของ พล.อ.ประวิตร ประเทศไทยจะไปต่ออย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “แล้วคุณล่ะคิดอย่างไร” เมื่อถามต่อว่าต้องเปลี่ยนตัวนายกฯหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า“ผมเสนอให้ลาออกไปแล้ว”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี