‘ทรัมป์’กร้าว
ไม่เลื่อนเส้นตายเก็บภาษี
‘อิ๊งค์’เชื่อยังมีทางต่อรอง
ผู้นำสหรัฐฯยืนยันไม่เลื่อนเส้นตายเก็บภาษีนำเข้าอัตราใหม่ 1สิงหาคมนี้ ด้านรมว.คลัง โวสิ้นปีเก็บภาษีนำเข้าอัตราใหม่ได้ 3 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ผู้ส่งออกวอนรัฐบาลเร่งปิดดีลกับสหรัฐ ในการลดภาษีลงจาก 36% พร้อมเสนอ 3 มาตรการปกป้องการส่งออกไทยไปตลาดสหรัฐ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 2 ล้านล้านบาท
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โพสต์ข้อความผ่านแพลตฟอร์ม ‘Truth Social’ “@realDonaldTrump” เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ระบุว่า จะไม่ขยายเส้นตายในการปรับขึ้นภาษีศุลกากรสินค้านำเข้า ที่จะมีผลบังคับใช้กับคู่ค้าหลายสิบประเทศ หนึ่งวันหลังจากส่งสัญญาณว่า จะยืดหยุ่นเรื่องวันบังคับใช้ดังกล่าว ภาษีศุลกากรจะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันทีวันที่ 1 สิงหาคม ตามจดหมายที่ส่งไปยังประเทศคู่ค้าในปัจจุบัน
‘ทรัมป์’ยันไม่ขยายเส้นตายขึ้นภาษีนำเข้า
ขณะเดียวกัน โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯยังประกาศในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า จะไม่ขยายเส้นตายออกไปจากวันที่ 1 สิงหาคมนี้ สำหรับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราที่สูงขึ้นกับหลายสิบประเทศทั่วโลก ท่าทีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการคาดการณ์ว่า สหรัฐฯ จะส่งหนังสือแจ้งอัตราภาษีไปยังคู่ค้าอีก 15-20 ประเทศช่วง 1-2 วันนี้ หลังส่งหนังสือถึง 14 ประเทศ เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมตามเวลาท้องถิ่น ไล่เรียงอัตราภาษีตั้งแต่ 25-40% รวมถึงไทยที่อัตรา 36% โดยยังไม่ปิดประตูเจรจา
ผู้นำสหรัฐฯระบุด้วยว่า จะเริ่มเก็บภาษีกลุ่มประเทศสมาชิกเพิ่ม 10% ในเร็ววันนี้ เนื่องจากมีนโยบายต่อต้านอเมริกา และกลุ่มนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อคุกคามสหรัฐฯ ลดทอนค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ไม่ให้เป็นค่ามาตรฐานอีกต่อไป ซึ่งทรัมป์พร้อมตอบโต้เช่นกัน นอกจากนี้ ยังระบุว่า อีกประมาณ 2 วัน สหรัฐฯ จะส่งจดหมายถึงสหภาพยุโรปเพื่อกำหนดอัตราภาษีใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้อียูมีท่าทีแข็งกร้าว แต่ปรับเปลี่ยนท่าทีกับสหรัฐฯ แล้ว
โวสิ้นปีเก็บภาษีนำเข้าได้3แสนล.ดอลล์
ต่อมา สกอตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แถลงการณ์ว่า สหรัฐสามารถจัดเก็บภาษีนำเข้าแล้วประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ และคาดว่ายอดรวมอาจสูงถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี 2568 เนื่องจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มส่งผลให้ตัวเลขรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีจากมาตรการภาษีใหม่ของประธานาธิบดีทรัมป์ เพิ่งเริ่มต้นขึ้นไตรมาสที่สองของปี ซึ่งเป็นช่วงที่ ทรัมป์ เริ่มบังคับใช้ภาษีนำเข้าเกือบทุกชนิดในอัตราร้อยละ 10 และเพิ่มอัตราภาษีสำหรับเหล็กกล้า อะลูมิเนียม และรถยนต์ จึงคาดว่าตัวเลขรายได้อาจจะเกิน 3 แสนล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้ได้แน่นอน
จ่อแผนเก็บภาษีนำเข้า”ทองแดง”เพิ่ม50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าความเคลื่อนไหวเหล่านี้มีขึ้นระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี โดยผู้นำสหรัฐฯ ยังประกาศแผนเก็บภาษีนำเข้าทองแดงเพิ่มขึ้นอีก 50% ทันที ซึ่งเป็นความพยายามส่งเสริมการผลิตโลหะสำคัญชนิดนี้ในสหรัฐฯ เพราะทองแดงถือเป็นวัตถุดิบสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ยุทโธปกรณ์ทางการทหาร ระบบโครงข่ายไฟฟ้า และสินค้าอุปโภคบริโภคหลายชนิด ซึ่งการประกาศดังกล่าวส่งผลให้ราคาโลหะทองแดงพุ่งสูงขึ้นทันที โดยราคาซื้อขายล่วงหน้าทองแดงในตลาด U.S. Comex ได้พุ่งขึ้นกว่า 10% นอกจากนี้ ทรัมป์ยังเปิดเผย แผนเก็บภาษีนำเข้าเซมิคอนดักเตอร์และผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งอาจสูงถึง 200% แต่จะให้เวลาผู้ผลิตยาประมาณ 1 ปีจัดการตัวเอง หรือย้ายฐานการผลิตเข้ามาในสหรัฐฯ โดยยังไม่ได้ระบุว่าจะประกาศเป็นทางการเมื่อใด
ผู้ส่งออกห่วงต้นทุนเพิ่มปิดช่องแข่งขัน
มีความเห็นจากภาคเอกชนไทยต่อประเด็นสหรัฐเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากไทย 36% โดยนายธนากร เกษตรสุวรรณ ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทยหรือสภาผู้ส่งออกเปิดเผยว่า ผู้ส่งออกให้ความเป็นห่วง หลังจากสหรัฐประกาศภาษีไทยที่ได้รับ 36% ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะทำให้ต้นทุนส่งออกสินค้าไทยไปสหรัฐสูงขึ้นจนไม่สามารถแข่งขันได้ และกระทบมูลค่าส่งออกของไทยไปยังสหรัฐซึ่งสูงถึง 2 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะสินค้าที่ไทยจะเสียเปรียบคู่แข่งมากที่สุด ประกอบด้วย เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ อาหารสำเร็จรูป ข้าว ยางพาราและผลิตภัณฑ์ และสินค้าอุปโภคบริโภคอื่น เป็นต้น
ทั้งนี้ หลายอุตสาหกรรมมีการใช้แรงงานเข้มข้นที่อาจนำไปสู่การเลิกจ้างแรงงานจำนวนมาก รวมถึงสินค้าเกษตรหลายรายการจะไม่สามารถแข่งขันได้ มีผลให้เกิดแรงกดดันต่อราคาผลผลิตในประเทศและกระทบรายได้เกษตรกรและครัวเรือนไทยจำนวนมากในที่สุด สะท้อนถึงโอกาสที่ปัญหาจะขยายวงกว้างออกไปไม่เพียงแต่ภาคการผลิตเพื่อส่งออกเท่านั้น แต่การลงทุนจากต่างประเทศจะลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีต่อจากนี้ ทำให้ระบบเศรษฐกิจในประเทศเกิดภาวะชะงักงัน และไม่สามารถแข่งขันทางการค้ากับคู่แข่งสำคัญได้อีกในระยะยาว
ชง3ข้อเสนอป้องส่งออกไทยไปสหรัฐ
ดังนั้น สภาผู้ส่งออกจะยื่นข้อเสนอต่อรองนายกฯและรมว.คลังและรมว.พาณิชย์ เพื่อเป็นแนวทางดำเนินการ ดังนี้ 1.ข้อเสนอสำหรับการเจรจาลดอัตราภาษีกับสหรัฐ อาทิ สนับสนุนการปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเป็น 0% ให้มากที่สุด โดยเฉพาะในรายการสินค้าที่ไทยยอมรับได้ ขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์ในการส่งเสริมการลงทุนสำหรับการลงทุนทางตรง (FDI) จากสหรัฐ เร่งจัดซื้อสินค้ากลุ่มพลังงานจากสหรัฐ ให้มากขึ้นแทนการซื้อจากแหล่งอื่น
หาตลาดใหม่-ลดต้นทุนทั้งดอกเบี้ย/ภาษี
2.ข้อเสนอสำหรับการหาตลาดศักยภาพอื่นทดแทน อาทิ สนับสนุนงบประมาณในปี 2569-2570 จัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ทั้งในต่างประเทศ อาทิ การพาผู้ประกอบการไปร่วมออกงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ เพิ่มงบประมาณโครงการ SMEs Proactive ให้ผู้ประกอบการส่งออก SMEs สามารถบุกตลาดอื่นได้มากขึ้น โดยเฉพาะในงานแสดงสินค้าที่ภาครัฐไม่สามารถพาผู้ประกอบการไทยไปเข้าร่วม ร่วมมือกับสถาบันการเงินของรัฐ จัดหาวงเงินหมุนเวียนและสนับสนุนค่าธรรมเนียมป้องกันความเสี่ยงทางการค้าในการบุกตลาดใหม่ และเร่งเจรจาการค้าเสรีทุกกรอบที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เจรจากับคู่ค้าสำคัญอื่นเพิ่มเติม และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการสามารถใช้สิทธิประโยชน์จากความตกลงที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
และ 3.เพื่อเสริมสร้างความสามารถแข่งขันของผู้ส่งออก และปกป้องผู้ประกอบการในประเทศจากการนำเข้าสินค้าแหล่งอื่น อาทิ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน พิจารณาเงื่อนไขปรับลดต้นทุนให้ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ อาทิ เร่งหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย ให้พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย เพื่อลดต้นทุนและบรรเทาภาระหนี้จากการประกอบธุรกิจ และดำเนินมาตรการกำกับดูแลค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับอ่อนค่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญ เป็นต้น
พิจารณาชะลอขึ้นค่าแรงงานขั้นต่ำและปรับลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจ อาทิ ค่าไฟฟ้า น้ำมันเชื้อเพลิง และต้นทุนโลจิสติกส์เพื่อการส่งออก พิจารณานำต้นทุนค่าขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทั้งการนำเข้าวัตถุดิบและการส่งออกสินค้า และค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่ม หักภาษีได้ 200% จากที่จ่ายจริง เร่งกระบวนการคืนภาษีธุรกิจ อาทิ ภาษีสรรพสามิตที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกสินค้า เป็นต้น รวมถึงการลดค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากการขออนุญาตและการดำเนินการในขั้นตอนการส่งออกให้ผู้ประกอบการ พร้อมทั้งพัฒนาระบบ Digitalization ตลอดกระบวนการส่งออกนำเข้าให้มีความสมบูรณ์
เข้มปราบนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐาน
เพิ่มความเข้มงวดมาตรการปรามการนำเข้าสินค้าไม่ได้มาตรฐานที่เข้ามาตีตลาดในประเทศ และสินค้าสวมสิทธิ อาทิ เริ่มบังคับใช้กฎ 24 Hours Rule เพื่อให้สินค้าที่จะส่งออกมาไทย ต้องแจ้งข้อมูลล่วงหน้า 24 ชั่วโมง ก่อนบรรทุกสินค้าลงเรือที่ท่าเรือต้นทาง ตรวจสอบสินค้านำเข้า และสินค้าที่ผ่านเขตปลอดอากร 100% เพื่อป้องกันสินค้าด้อยคุณภาพเข้าประเทศ เพื่อป้องกันการสวมสิทธิส่งออก สินค้าไม่ได้มาตรฐานที่กำหนดโดยประเทศปลายทางแล้วตกค้างในไทย เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสินค้านำเข้าและคัดกรองสินค้าด้อยคุณภาพ เพื่อคุ้มครองทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการในประเทศ โดยสินค้านำเข้าและโรงงานผู้ผลิตต้องได้รับการรับรองมาตรฐานของไทยก่อนบรรทุกลงเรือมาไทย
เตือนอย่าเอาความมั่นคงไปแลกเศษเงิน
ส่วนนายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ อย่าเปิดประตูเจรจาภาษีการค้ากับสหรัฐอาจจะล้มเหลว เสียเงินจ้างล๊อบบี้ยิสต์ฟรีไปแล้ว ผลลัพธ์อาจไม่ได้ดั่งใจหวัง ยังถูกเก็บเท่าเดิม เวลาที่เหลือจะรื้อฟื้นได้หรือไม่ได้ อย่าคาดหวัง แต่อย่าแก้ผ้าล่อตะเข้ คนไทยไม่ได้ต้องการสินค้าอเมริกัน ไม่กินไม่ตาย อย่าเอาความมั่นคงไปแลกกับเศษเงิน อย่าเป็นเครื่องมือให้ใครปิดล้อมจีน อย่าแลกมิตรภาพกับจีนด้วยเศษเบี้ย คิดหาหนทางปกป้องคนไทย เกษตรกรไทย แสวงหาหนทางส่งเสริมสินค้าไทย ส่งเสริมไทยทำไทยใช้ไทยเจริญดีกว่า
‘อิ๊งค์’เชื่อยังมีโอกาสชี้เจรจาเป็นเรื่องรบ.
ที่รัฐสภา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรมให้สัมภาษณ์กรณีมาตรการกำแพงภาษี ที่สหรัฐยังเรียกจัดเก็บภาษีไทยอยู่ที่ 36% จะทำอย่างไรต่อ นายกฯสามารถให้ความเห็นได้หรือไม่ว่า รายละเอียดเรื่องนี้ต้องถามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯและรมว.คลัง ซึ่งได้คุยกันกรณีเรื่องของจดหมายที่ส่งมา ยืนยันว่า การเจรจาทั้งหมดต้องเป็นเรื่องของรัฐบาลเท่านั้น โดยที่รัฐบาลจะเป็นผู้เจรจาและตอบกลับไปยังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งหากถามความคิดเห็นส่วนตัวของตนในความเห็นของประชาชนคนหนึ่ง คิดว่ายังมีโอกาสในเรื่องนี้อยู่ ส่วนรายละเอียดทั้งหมด ขอให้สอบถามจากนายพิชัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี