‘หมอประสิทธิ์-2 หมอแพทยสภา’เบิกความยัน‘ทักษิณ’ไม่ป่วยวิกฤติ ส่วน‘หมอวรงค์’ชี้ เหมือนตอกฝาโลงทักษิณ
25 กรกฎาคม 2568 ที่ศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน ศาลนัดไต่สวนคดีหมายเลขดำที่ บค.1/2568 กรณีตรวจสอบข้อเท็จจริงการบังคับโทษคดีถึงที่สุด นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 6 โดยในวันนี้ศาลได้ไต่สวนพยานบุคคลกลุ่มแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแพทยสภาจำนวนทั้งหมด 3 ปากเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของนายทักษิณซึ่งเป็นสาเหตุให้ส่งตัวจำเลยจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพไปรักษาที่รพ.ตำรวจ
พยานปากแรกคือ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 ได้ให้ความเห็นหลังจากอ่านเอกสารทางการแพทย์เกี่ยวกับการรักษาตัวนายทักษิณ โดยถูกส่งตัวมาด้วยอาการเฝ้าระวังอาการโรคหัวใจ อ่อนเพลีย ค่าออกซิเจนต่ำแต่พอมาถึงรพ.ตำรวจกลับได้รับการตรวจรักษาจากแพทย์เวร โดยไม่ผ่านการตรวจAKG จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านหัวใจ รวมทั้งมีอาการที่ไม่ร้ายแรงและให้ความเห็นว่าไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล นอกจากนี้พยานปากนี้ได้ส่งเอกสารชี้แจงรายละเอียดถึงคำศัพท์ทางการแพทย์รวมทั้งความเห็นการรักษานายทักษิณตั้งแต่วันแรกที่เข้ารักษาตัว จนออกจากรพ.ตำรวจ เสนอต่อศาลและความเห็นเกี่ยวกับยารักษารักษาโรคของนายทักษิณ รวมถึงใบเสร็จที่ต้องระบุถึงชื่อยา พร้อมตอบคำถามของนายวิญญัติ ทนายความและยอมรับว่าไม่ทราบระบบและห้องปฏิบัติการของรพ.ตำรวจ
พยานปากที่ 2 ศ.นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์วิกฤติ(ICU)ได้ให้ความเห็นในทำนองเดียวกันว่า การรักษาของนายจำเลยไม่จำเป็นต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ก็สามารถเดินทางไปกลับได้
พยานปากที่ 3 ศ.นพ.กีรติ เจริญชลวานิช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูก ไขข้อ เส้นเอ็น (ออร์โธปิดิกส์)เบิกความว่า การรักษานายทักษิณไม่จำเป็นต้องรักษาแบบเร่งด่วน โดยสามารถดูอาการ รอการผ่าตัดได้ โดยส่วนใหญ่แพทย์มักให้การรักษาเบื้องต้นด้วยการบำบัดและการทานยาก่อน การผ่าตัด โดยเป็นการผ่าตัดเล็กไม่เร่งด่วนสามารถรักษาตัวแบบไป-กลับไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล อีกทั้งการตรวจอาการแน่นหน้าอกก็ไม่พบความเกี่ยวข้องกับโรคที่แพทย์รพ.ราชทัณฑ์กังวลและแพทย์รพ.ตำรวจก็ไม่ได้รักษาหลายโรค เนื่องจากหลายโรคอาการดีขึ้นและสามารถกลับไปอยู่ที่เรือนจำได้ พยานเบิกความเรื่องอื่นจนแล้วเสร็จ
ศาลจึงมีคำสั่งให้ไต่สวนพยานฝ่ายจำเลย 1ปากคือศ.ดร. วิษณุ เครืองาม อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อไปวันที่ 30 กรกฎาคมนี้ เวลา 09.30 น.
ภายหลังนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีตสส.นครนายก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้แพทยสภาเป็นพยานไต่สวนการรักษาตัวนายทักษิณ โดยเปิดโอกาสให้ทนายความจำเลยซักถามได้เต็มที่ ทำให้ปรากฏความจริงชัดเจนขึ้น ทั้งข้อกฎหมาย ข้อเท็จจริงและกระบวนการยุติธรรมได้ปรากฏให้ประชาชนเรียนรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นความถูกต้องอยู่ตรงไหน และจะทราบในไม่เกิน 10 วัน
นอกจากนี้ศาลเองก็ได้รับเรื่องจากจำเลยประเด็นที่ร้องว่ามีการไลฟ์สดในบริเวณศาล ศาลได้ยกคำร้อง โดยในนัดหน้าจะนำนายวิษณุ เครืองาม พยานจำเลยมาไต่สวน ซึ่งจะพิจารณาลับไม่ได้ เพราะจะขัดต่อกฎหมายประมวลวิธีพิจารณาความอาญา ต้องรอดูว่าเมื่อนายวิษณุ มาศาลฎีกาแล้วจะเบิกความไต่สวนอย่างไรเพราะวันนี้คำวินิจฉัยของแพทยสภาที่ออกมานั้นชอบแล้ว ไม่ได้ลงโทษสุ่มสี่สุ่มห้า ตนมองว่ายังเบาไปด้วยเพราะพฤติกรรมไปช่วยคนคนหนึ่งทำให้กระบวนการแพทย์เสียหาย รวมทั้งความเสียหายของประเทศด้วย
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี กล่าวว่า ข้อกล่าวหาที่สงสัยกันว่านักโทษรายนี้ป่วยหนักจนต้องนอนโรงพยาบาล 180 กว่าวัน ถ้าพูดภาษาชาวบ้านก็เรียกว่า"ตอกฝาโลง"แล้ว ทุกอย่างสิ้นสงสัยแล้วว่าไม่ได้เป็นโรคร้ายแรง แม้จะเคยมีประวัติมาก่อน แต่ก็ไม่ใช่ฉุกเฉิน และแพทย์เจ้าของไข้ที่รับตัวไว้ก็ไม่ตรงกับโรคที่ป่วยและไม่ได้ตรวจโรคเฉพาะทางที่อ้างว่าป่วย ซึ่งจะต้องทำการตรวจเฉพาะทางทันทีในคืนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ส่งตัวมารักษา
ส่วนปัญหาโรคร้ายแรงที่ส่งตัวมา ก็ได้รับการยืนยันจากแพทย์ว่าไม่ได้วิกฤตถึงขั้นที่จะต้องอยู่โรงพยาบาล โดยสรุปที่เราได้ฟังมา แม้จะเป็นโรคหลายโรค แต่ก็ไม่ได้กำเริบจนต้องนอนโรงพยาบาลต่อเนื่องหลายวัน
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์โดยกล่าวถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาว่า ก่อนอื่นตนและทีมทนายความขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณชายแดนและขอไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ด้วย
ส่วนการไต่สวนวันนี้นั้นเป็นการไต่สวนตัวแทนของแพทยสภาซึ่งเดิมตนเห็นว่ามีตัวแทนทั้งหมด 6 ราย แต่ศาลพิจารณาแล้วว่าจะพิจารณาทั้งหมด 3 ราย ซึ่งก่อนที่จะเข้าให้การในวันนี้ตนได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลายเรื่องเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของแพทยสภา ซึ่งหากทางฝ่ายนั้นนำอคติทางการเมืองเข้ามาปนเปื้อน ตนเชื่อว่าศักดิ์ศรีของแพทยสภาอาจจะลดน้อยลง หรืออาจจะไม่เหลือเลยก็ได้ ซึ่งวันนี้ตนก็พยายามถามพยานทั้ง 3 ปากว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลงมติลงโทษแพทย์ของรพ.ตำรวจหรือไม่ ซึ่งมีหนึ่งในพยานไม่ขอตอบคำถามของตน ซึ่งตนก็เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นกระบวนการของแพทยสภา ซึ่งแพทย์ของรพ ตำรวจสามารถใช้สิทธิ์ทางปกครองได้อยู่แล้ว
นายวิญญัติ กล่าวอีกว่า ตนคงลงรายละเอียดการไต่สวนในวันนี้ไม่ได้เพราะต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล แต่โดยรวมตนเห็นว่าข้อเท็จจริงที่เป็นที่สงสัยของคนทั้งประเทศและผู้ที่สนใจคือการให้การของแพทยสภาเองก็ยอมรับว่านายทักษิณมีอาการป่วยจริงหลายโรค ทั้งโรคเรื้อรังและโรคที่เกิดขึ้นโดยเฉียบพลัน ซึ่งส่วนที่เป็นโรคเฉียบพลันก็ถูกส่งมายังโรงพยาบาลตำรวจในคืนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพส่งมาอยู่แล้ว ตนจึงพยายามถามเกี่ยวกับเรื่องมาตรฐานและการตรวจรักษาของแพทย์ก็ตรงกันว่าอาการเฉียบพลันหรือกำเริบของโรคดังกล่าวมีจริงหรือไม่ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่จะต้องนอนโรงพยาบาล
ส่วนการนอนที่ชั้น 14 หรือมีห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องฉุกเฉินนั้นก็มีความชัดเจนเช่นกัน ซึ่งอาจารย์แพทย์ท่านหนึ่งก็ให้ความเห็นว่าที่โรงพยาบาลอื่น ๆ ก็มีห้องที่เป็นห้อง VIP และไม่ได้จัดเป็นห้องฉุกเฉินเช่นกันซึ่งสอดคล้องกับเรื่องนี้ ทั้งหมดนี้ตนเห็นว่าการให้ความเห็นของแพทย์ทั้ง 3 ราย ให้ความเห็นเกี่ยวกับโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ไม่ได้พูดถึงโรคร้ายแรง นอกจากนี้การที่มาให้การและศาลเรียกไต่สวนพยานหลายปาก ตนอยากให้ลองนึกดูว่าถ้าญาติใกล้ชิดป่วยบ้างจะทำอย่างไร จะต้องส่งตัวออกไปรักษาไหม ตนไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องมาเห็นใจนายทักษิณ แต่ตนพูดถึงกรณีทั่วไป ที่ถ้าไม่เจอกับตัวเองก็คงไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
เมื่อถามว่าเหตุผลที่ของฝั่งพยานและจำเลยได้อธิบายไป น้ำหนักพอหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า เรื่องนี้มีสภาพบังคับในเรื่องที่ศาลกำหนดวันไต่สวนอยู่แล้ว ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายของพยานที่ศาลได้ออกหมายเรียกมาให้การต่อศาล ครั้งหน้าจะเป็นครั้งสุดท้ายซึ่งเป็นพยานฝ่ายจำเลย โดยศ.ดร.วิษณุ เครืองามจะเข้ามาเป็นพยานเป็นที่ประจักษ์ข้อเท็จจริงและรู้ถึงการกลับมาประเทศไทย การรับตัว และข้อเท็จจริงต่าง ๆ ที่ปรากฏอาการป่วยของนายทักษิณเป็นอาการป่วยของบุคคลสำคัญของประเทศ เนื่องจากเคยเป็นนายกรัฐมนตรี และเป็นการป่วยที่ต้องสืบค้นสาเหตุให้ได้ว่าเป็นจริงหรือไม่ และที่สำคัญแพทยสภาไม่เคยตำหนิมาตรฐานดุลยพินิจทางการแพทย์ว่าไม่ถูกต้องอย่างไร แต่มีความเห็นเชิงตรงข้ามเกี่ยวกับการปฏิบัติของแพทย์แต่ละคนเท่านั้น ซึ่งในการไต่สวนครั้งสุดท้ายตนเชื่อว่าการให้ข้อเท็จจริงของ ศ.ดร.วิษณุ จะเป็นประโยชน์ในความเห็นของการวินิจฉัยต่อไป
เมื่อถามว่ามีข้อสังเกตอย่างไรว่าหลักฐานบางอย่างทำให้ปิดประตูเรื่องนี้สำหรับนายทักษิณไปแล้ว นายวิญญัติ กล่าวว่า ข้อสังเกตเหล่านั้นมีมาโดยตลอดทั้งการข่มขู่ว่าจะโดนอย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งเรื่องการชี้นำสังคม ซึ่งตนไม่สบายใจ และตนมองว่าที่สังคมไทยแตกแยกทุกวันนี้เพราะมีบุคคลบางกลุ่มมีพฤติกรรมแบบนี้ ตนไม่อยากไปโต้เถียงเพราะตนรู้ว่าใครทำอะไรบ้าง และมีหน้าที่แค่พิสูจน์กับทำหน้าที่ในศาล ตนถึงไม่ให้ความเห็นของศาลในที่สาธารณะเลย เชื่อว่าความจริงก็คือความจริง ส่วนความเห็นของฝ่ายนั้นจะเป็นอย่างไรจะเป็นการปิดฝาโลงไหมก็เป็นเรื่องของฝ่ายนั้น
เมื่อถามว่าในฐานะทนายความมองว่าหลักฐานต่าง ๆ หนักแน่นพอหรือไม่ นายวิญญัติ กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นการพิสูจน์ความจริงของหน่วยงายต่าง ๆ และสถาบันการแพทย์ อาการป่วยของนายทักษิณมานำเสนอต่อศาล ซึ่งตนถือว่าครบถ้วนแล้ว ส่วนประเด็นภาวะวิกฤติหรือฉุกเฉินเป็นเรื่องที่ไม่ใช่ประเด็นหลักแต่เป็นเรื่องที่อยู่ในศักยภาพของรพ.ราชทัณฑ์หรือไม่ ตนเชื่อว่าชัดเจนหมดแล้วและมีความจริงปรากฏอยู่
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี