ยังมีลุ้นพักโทษแต่ต้องขังก่อน6เดือน จ่อตง‘แม้ว’เป็นอาจารย์ กรมคุกชี้มีความรู้ด้านภาษา

ยังมีลุ้นพักโทษแต่ต้องขังก่อน6เดือน จ่อตง‘แม้ว’เป็นอาจารย์ กรมคุกชี้มีความรู้ด้านภาษา

วันศุกร์ ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

ยังมีลุ้นพักโทษแต่ต้องขังก่อน6เดือน

จ่อตง‘แม้ว’เป็นอาจารย์

กรมคุกชี้มีความรู้ด้านภาษา

2คืนนอนหลับสนิทไม่เครียด

ตร.สั่งสอบ2หมอรักษาเทวดา

ราชทัณฑ์เผยนักโทษเทวดาทักษิณ นอนคุกคืนที่ 2 ไม่เครียดปรับตัวได้แล้ว รับประทานไข่ต้ม 2 ฟอง กาแฟยามเช้า เตรียมตั้งให้เป็นอาจารย์สอนภาษาในเรือนจำ เผยต้องถูกจองจำก่อน 6 เดือนถึงมีโอกาสได้ลุ้นพักโทษ “อำนวย นิ่มมะโน” ชี้เป็นผู้สนับสนุนให้คนอื่นกระทำความผิด ขณะที่ “บิ๊กต่าย”สั่งสอบ 2 หมอรักษาเทวดาแล้ว

เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ต.ท.เชน กาญจนาปัจจ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีการคุมขัง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้นำจิตวิญญาณพรรคเพื่อไทย หลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งบังคับโทษ 1 ปี ว่า ช่วง 5 วันแรกต้องอยู่ห้องกักโรคก่อน หลังจากนั้นจะเข้าสู่การจำแนกผู้ต้องขัง โดยผ่านคณะกรรมการจำแนก ซึ่งจะดูจากความถนัดส่วนตัว เช่น นักโทษที่ถนัดด้านพยาบาลก็จะจัดให้อยู่ห้องรักษาพยาบาล ช่วยจ่ายยา นักโทษถนัดด้านวิศวะก็ให้ไปอยู่ฝ่ายช่างซ่อมบำรุง ซึ่งกรณีของนายทักษิณ มีความรู้ทางด้านภาษา อาจจะให้เป็นอาจารย์สอนภาษา เนื่องจากต้องสร้างกิจกรรมให้ผู้ต้องขังทุกคนมีความรู้ และพัฒนาลักษณะนิสัย โดยใช้ประโยชน์จากผู้ต้องขังทุกคนให้เกิดประโยชน์กับภาพรวมกับเรือนจำ


เผย”แม้ว”กินได้นอนหลับ

โดยตลอด 2 คืนที่ผ่านมาระหว่างที่นายทักษิณ อยู่เรือนจำ สามารถทานอาหารได้ “เช้ามาก็กินไข่ต้ม 2 ฟอง กินกาแฟ” และนอนหลับได้ตามปกติ โดยไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ และไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเชื่อว่าการตั้งใจบินกลับมาที่ประเทศไทยเพื่อมารับโทษ ตนมองว่าคงทำใจมาไว้อยู่แล้ว และสภาพจิตใจก็โอเค ทั้งนี้ ช่วงที่อยู่ในแดนกักโรค 5 วัน ราชทัณฑ์ได้ให้นายทักษิณ อยู่ห้องที่มีคนสูงอายุอยู่ เพราะนายทักษิณอายุมากแล้ว จะให้ไปอยู่รวมกับวัยรุ่นคดีฆ่าก็คงไม่ได้

ทนายนัดเข้าพบวันจันทร์นี้

ขณะนี้ยังไม่ได้อนุญาตให้ใครเข้าเยี่ยมรวมถึงทนายความด้วย ส่วนบุคคลที่จะสามารถเข้าเยี่ยมได้ หลังจากครบ 5 วัน จะเป็นบุคคลที่นายทักษิณ ระบุไว้ 10 คน มีทั้ง ภรรยา ลูก และคนในครอบครัวตามระเบียบ ทั้งนี้ ยืนยันด้วยว่า กรมราชทัณฑ์จะปฏิบัติตามระเบียบทุกอย่าง

ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายทักษิณ เปิดเผยว่า ขณะนี้ยังไม่ได้เข้าเยี่ยมนายทักษิณ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงกักโรค 5 วัน และยังไม่ได้พูดคุยกับท่าน มีเพียงการถามผ่านเจ้าหน้าที่ ว่าท่านเป็นอย่างไรบ้าง ซึ่งท่านก็โอเคดี และในวันจันทร์ 15 ก.ย.นี้ จะเดินทางมาพบกับท่านเมื่อถามว่า ทราบหรือไม่ว่าทางเรือนจำจะให้นายทักษิณ เป็นผู้ช่วยเจ้าหน้าที่ นายวิญญัติ บอกว่าไม่ทราบ เรื่องนี้ต้องถามทางเรือนจำ

นอนคุกยาวไปก่อน6เดือน

มีรายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ กรณีการพักโทษนายทักษิณ ว่าต้องมีเงื่อนไข ดังนี้ ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นเยี่ยม ชั้นดีมาก ชั้นดี ซึ่งนักโทษแต่ละชั้นก็จะมีคุณสมบัติแตกต่างกัน ดังนี้ ชั้นเยี่ยม เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 3 (เหลือโทษไม่เกิน 4 เดือน) ชั้นดีมาก เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 4 (เหลือโทษไม่เกิน 3 เดือน) ชั้นดี เหลือโทษจำคุกไม่เกิน 1 ใน 5 (เหลือโทษไม่เกิน 2 เดือน 15 วัน) แต่ตอนนี้เมื่อนายทักษิณเข้าไปครั้งแรก จะถูกจัดให้เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลางก่อน และประมาณเดือน ธ.ค.68 จึงจะได้รับการปรับเลื่อนชั้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับการประพฤติระหว่างคุมขังในเรือนจำ ฉะนั้น อย่างน้อยๆโทษจำคุก 1 ปี นายทักษิณต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษ หรือถ้าหากมองไปที่โครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ก็ต้องจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของกำหนดโทษ หรือก็คือจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน ซึ่งการจะได้รับการพักโทษกรณีมีเหตุพิเศษฯ นอกจากได้รับการพิจารณาจากคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษในชั้นเรือนจำแล้ว จากนั้นต้องเสนอความเห็นต่อผู้บัญชาการเรือนจำพิจารณาส่งรายชื่อไปยังอธิบดีกรมราชทัณฑ์พิจารณา

มีลุ้นเดินตามหลัง”เสก”

ซึ่งถ้าอธิบดีกรมราชทัณฑ์ให้ความเห็นชอบแล้วให้เสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษพิจารณาอนุมัติ แต่หากเป็นกรณีการพักการลงโทษกรณีพิเศษจะต้องเสนอรัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติด้วย และเมื่อคณะอนุกรรมการฯได้พิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษหรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมอนุมัติพักการลงโทษและให้ปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการพักการลงโทษแล้ว ให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์แจ้งผลการอนุมัติให้ผู้บัญชา การเรือนจำทราบ ผู้บัญชาการเรือนจำต้องออกหนังสือสำคัญปล่อยตัวพักการลงโทษให้แก่นักโทษเด็ดขาดผู้นั้นและแจ้งเงื่อน ไขการคุมประพฤติให้นักโทษเด็ดขาดทราบ รวมทั้งมีหนังสือแจ้งให้พนักงานคุมประพฤติและพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจในท้องที่ที่นักโทษเด็ดขาดซึ่งได้รับการปล่อยตัวเข้าไปพักอาศัยทราบด้วย โดยนักโทษเด็ดขาดผู้นั้นต้องไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติในท้องที่ที่ไปพักอาศัยภายใน 3วัน นับแต่วันที่ได้รับการปล่อยตัว

รายงานข่าวฯ เผยต่อว่า กรณีว่านายทักษิณ จะได้ออกมาบริการงานสาธารณะของเรือนจำฯเกี่ยวกับเชิงวิชาการตามงานหนังสือหรือไม่นั้น ตนอยากเรียนว่า การที่เรือนจำจะนำผู้ต้องขังเด็ดขาดออกบริการงานสาธารณะจะต้องมีการเขียนโครงการขึ้นมาก่อนเพื่อขออนุมัติ เช่น กรณีของนายเสกสรรค์ ศุขพิมาย หรือเสก โลโซ ก็ได้ออกมาเล่นดนตรี เพราะเป็นโครงการฝึกอบรมเกี่ยวกับทักษะดนตรี จึงจะออกมาบริการงานสาธารณะได้

สอบ2หมอรักษาเทวดาแม้ว

พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีลบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) เปิดเผยถึงกรณีแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ 2 ราย มีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ นายทักษิณ ให้พักรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งแพทยสภาได้มีมติลงโทษพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพไปแล้ว

พล.ต.อ.ธัชชัย ระบุว่า ทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง โดยมีรองจเรตำรวจแห่งชาติเป็นประธาน และขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการดำเนินการทางปกครอง หลังจากแพทยสภามีมติและ ป.ป.ช. ชี้มูลแล้วนั้น พล.ต.อ.ธัชชัย ชี้แจงว่า ตนไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง จึงไม่สามารถให้ข้อมูลที่ชัดเจนได้ ต้องสอบถามจากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนการพิจารณาว่าจะเพียงพอต่อการดำเนินการทางปกครองหรือไม่ อยู่ที่ดุลยพินิจของผู้บังคับบัญชา

รายงานข่าง ระบุว่า ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ได้รับมอบหมาย คือ พล.ต.ท.ธนพล ศรีโสภา รองจเรตำรวจแห่งชาติ

ทวี”ย้ำต้องยึดระเบียบ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เปิดเผยกรณี กลุ่มคปท.กองทัพธรรม ศปปส. ไปร้องที่ป.ป.ช. เพื่อขอให้ดำเนินการกับข้าราชการที่ช่วยนายทักษิณ ให้ไม่ต้องติดคุก รวมถึง พ.ต.อ.ทวี สอดส่องฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ที่จะร้อง เราทำตามกฎหมายและยินดีให้ตรวจสอบ ส่วนรายละเอียดเราต้องเคารพในองค์การที่เขาตรวจสอบ เราก็ยินดีให้ความร่วมมือ มองว่ารายละเอียดต่างๆ ก็ตามที่ปรากฏไปแล้ว เนื่องจากหากดูในคำพิพากษายังไม่ได้ไปพาดพิงใคร แต่เราจะขอเอาคำพิพากษามาดู ยินดีให้ตรวจสอบ

เมื่อถามว่า กรณีการคุมขังนายทักษิณ เห็นว่าจะใช้ช่องทางคุมขังนอกเรือนจำ พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า อันนี้อยู่ในอำนาจและระเบียบของกรมราชทัณฑ์ แต่ส่วนใหญ่ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะตนฟังและติดตามข่าวจากสื่อมวลชนเช่นเดียวกัน

ชี้แม้วสนับสนุนขรก.ทำผิด

พลตำรวจโท อำนวย นิ่มมะโน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “เป็นผู้ร่วมกระทำผิดในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำความผิด ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต”ฟังแล้วอาจจะรู้สึกแปลกๆ ตกลงจะเป็นผู้ร่วมกระทำความผิด หรือเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดกันแน่!!!

จากการที่ความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือโดยทุจริต” ผู้กระทำความผิดจะต้องมีสถานะเป็นเจ้าพนักงานเท่านั้น ดังนั้น โอกาสที่บุคคลธรรมดา(ไม่มีสถานะเป็นเจ้าพนักงาน) จะกระทำความผิดในข้อหาดังกล่าวในฐานะตัวการก็จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายอาญามีบทบัญญัตินอกจากตัวการแล้ว ยังมีผู้สนับสนุนการกระทำความผิดที่จะต้องรับโทษสองในสามของตัวการ(เจ้าพนักงาน) กล่าวคือ เป็นผู้สนับสนุนมีบทบาทในการอำนวยความสะดวก หรือช่วยเหลือในการกระทำความผิดของเจ้าพนักงาน มาตรา157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวังโทษจำคุกตั้งแต่1-10ปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

เชื่อยังมีปัญหาตามมาอีก

จากข่าวแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฉบับที่ 17 วันอังคารที่ 9 กันยายน 2568 ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง อ่านคำสั่งกรณีศาลมีคำสั่งให้ไต่สวนว่าการบังคับโทษ พันตำรวจโท หรือนายทักษิณ ชินวัตร จำเลย เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุด หรือไม่ เนื้อข่าวหน้าที่ 3 บรรทัดที่ 4 ความว่า “...เชื่อได้ว่า ในคืนวันที่ 22 สิงหาคม 2566 จำเลยไม่ได้มีอาการแน่นหน้าอก แต่อ้างว่ามีอาการแน่นหน้าอก เพื่อให้เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้ออ้างในการส่งตัวจำเลยไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ…”หน้าที่ 3 ย่อหน้าที่ 2 ความว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การบังคับโทษจำคุกจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และตามพฤติการณ์ดังกล่าวข้างต้นบ่งชี้ให้เห็นว่า จำเลยทราบข้อเท็จจริงหรือรับรู้เหตุการณ์ได้ว่าตนไม่ได้ป่วยวิกฤตฉุกเฉิน แต่จำเลยมีเพียงโรคประจำตัวซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาตัวแบบผู้ป่วยนอกได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพราะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพและสภาวะร่างกายของจำเลยเอง นอกจากนั้นยังได้ความว่า จำเลยเข้าไปมีส่วนตัดสินใจในกระบวนการรักษาของแพทย์ โดยปฏิเสธการผ่าตัดรักษาโรคหัวใจและโรคกระดูกคอกดทับไขสันหลังและเส้นประสาท แต่ให้แพทย์รักษาโดยการรับประทานยาตามอาการและเลือกรับการผ่าตัดนิ้วล็อคและเอ็นหัวไหล่ขวาซึ่งไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน และเป็นผลทำให้การรักษาตัวจำเลยในโรงพยาบาลตำรวจขยายระยะเวลาออกไป จำเลยจึงได้รับประโยชน์จากการอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ต้องกลับไปถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจนได้รับการปล่อยตัว และไม่อาจอ้างว่าเป็นการดำเนินการของแพทย์และเจ้าหน้าที่มิได้เกิดจากการกระทำของจำเลยเพื่อถือเอาประโยชน์จากระยะเวลาที่พักอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจมาหักวันคุมขังโทษตามคำพิพากษา

ย้ำต้องฟันธงให้ตรงประเด็น

จากข้อเท็จจริงในคำสั่งไต่สวนของศาลในวันนี้ (9 กันยายน 2568) คงจะไม่สามารถเป็นอย่างอื่นไปได้ นอกจากจะต้องนำไปใช้ในคดีอาญาที่มีการกล่าวหาเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ที่อยู่ระหว่างดำเนินการของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งหากมีเพียงพนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ แพทย์ พยาบาลทั้งโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจจะจำนวนสิบหรือยี่สิบคนก็ตาม คดีจะอยู่ในอำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง แต่ถ้าหากมีการดำเนินคดีกับฝ่ายการเมืองร่วมด้วย เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม คดีจะอยู่ในอำนาจศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทันที แต่ไม่ว่าจะอยู่ในอำนาจศาลใด จากคำสั่งไต่สวนในวันนี้ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นที่ยุติว่าจะต้องมีผู้อื่นซึ่งมิใช่เป็นเจ้าพนักงานจะต้องถูกดำเนินคดีในฐานะเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวแล้วข้างต้นด้วย เหตุที่กระผมเขียนเรื่องนี้ขึ้น เนื่องจากได้ติดตามนักวิชาการหลายท่านวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้กันในหลากหลายมิติ แต่ไม่เห็นการพูดในประเด็นนี้ จึงเกรงว่าจะมีปัญหาติดตามมาอีก

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top