‘อดีตรมว.คลัง’กางเหตุผลหนุนยกเลิก MOU43 ฟาดเขมรโคมลอย ขวางไทยไม่ได้

‘อดีตรมว.คลัง’กางเหตุผลหนุนยกเลิก MOU43 ฟาดเขมรโคมลอย ขวางไทยไม่ได้

วันพฤหัสบดี ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 08.54 น.

‘อดีตรมว.คลัง’กางเหตุผลหนุนยกเลิก MOU43 ฟาดเขมรโคมลอย ขวางไทยไม่ได้

2 ตุลาคม 2568 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โพสต์บทความเรื่อง “เหตุผลต้องยกเลิก MOU43 (บทความที่ 1)” ลงบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า...


“เหตุผลต้องยกเลิก MOU43 (บทความที่ 1)”

ถามว่า มีเหตุผลใดบ้างที่สนับสนุนให้รัฐบาลไทยสมควรยกเลิก MOU43?

ตอบว่า เหตุผลที่หนึ่ง เพราะยกเลิกได้

MOU เป็นข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ทำขึ้นในปี 2543

ประเทศไทยและกัมพูชามีปัญหาเรื่องเขตแดนมานานหลังจากกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส รัฐบาลทั้งสองฝ่ายจึงได้ร่วมกันลงนามในบันทึกความเข้าใจฉบับหนึ่ง ซึ่งในบทความนี้เรียกย่อว่า MOU43

เนื้อหาหลักคือ จัดตั้งคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (Joint Border Committee หรือ JBC) เพื่อปักปันเขตแดนตามเอกสาร 3 ฉบับ คือ อนุสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1904 สนธิสัญญาฉบับปี ค.ศ. 1907 และแผนที่ที่จัดทำขึ้นตามผลงานการปักปันของคณะกรรมการระหว่างอินโดจีนกับสยาม ตามอนุสัญญา ฉบับปี ค.ศ. 1904 และสนธิสัญญา ฉบับปี ค.ศ. 1907

อย่างไรก็ดี เวลาผ่านมานานถึง 25 ปีจนถึงปัจจุบัน ก็มีความคืบหน้าน้อยมาก ไม่สามารถมีการสร้างกำแพงเขตแดนได้ แต่กลับมีการละเมิดหลายครั้ง

ในข่าว “กระดาษเปื้อนหมึกที่เขมรไม่แยแส” นายคำนูญ สิทธิสมาน อดีต สว. ได้อธิบายต่อสำนักข่าวอิศราว่า

สาระสำคัญที่สุดอยู่ที่ข้อ 5

“เพื่ออำนวยความสะดวกในการสำรวจแนวเขตแดนทางบกร่วมกัน หน่วยงานของรัฐบาลและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานเหล่านั้นจะงดเว้นการดำเนินการใด ๆ ที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เว้นแต่เป็นการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเทคนิคร่วม”

ซึ่งหมายความว่า แต่ละฝ่ายจะรุกล้ำไม่ได้ จะเปลี่ยนแปลงสภาพพื้นที่ไม่ได้ ไม่ว่าจะสร้างสิ่งก่อสร้างอะไรทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นถนน วัด ตลาด หรืออะไรก็ตาม ขุดสนามเพราะไม่ได้ วางกับระเบิดก็ไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งฝ่ายไทยไม่เคยทำ

แต่ปรากฏว่ากัมพูชาได้ละเมิดมาแล้วประมาณ 450 ครั้ง เมื่อไทยแจ้งไป กัมพูชาแก้ไขให้เพียงประมาณ 100 ครั้ง

(ข้อมูลมาจากรศ.ดร.ปณิธาน วัฒนายากร นักวิขาการด้านความมั่นคง ในรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568)

การไม่มีกำแพงเขตแดนดังกล่าว ทำให้ชาวกัมพูชารุกล้ำได้ง่าย ก่อปัญหาการค้าของเถื่อน ธุรกิจสแกมเมอร์ และกาสิโนรุกล้ำ รวมทั้งกลุ่มของนายฮุนเซน มีการใช้เขตแดนที่ไม่มีกำแพงเป็นประโยชน์ในการก่อความขัดแย้งเพื่อปลุกกระแสความรักชาติในการเลือกตั้งหลายครั้ง

ล่าสุด เกิดกระแสคนไทยเรียกร้องให้ยกเลิก MOU43

ปรากฏอมรินทร์นิวส์รายงานว่า โฆษกยุติธรรมเขมรแถลงข่าวว่า ไทยยกเลิก MOU43 ฝ่ายเดียวไม่ได้ถ้าเขมรไม่สมยอม เพราะ MOU43 มีสถานะตามกติกาสหประชาชาติเป็นสนธิสัญญา

ผมมีความเห็นว่า กัมพูชาแสดงท่าทีมาตลอด 25 ปีไม่ต้องการยกเลิก MOU43 เพียงแต่เก็บเอาไว้ เพื่อเป็นยันต์เบรก มิให้ฝ่ายไทยสามารถสร้างกำแพงเขตแดนได้ เบื้องต้นก็ย่อมแสดงเจตนาชัดเจนว่า การยกเลิกจะเป็นประโยชน์แก่ไทยมากกว่ากัมพูชา

ถามว่า ถ้าหากว่า MOU43 เข้าข่ายเป็นสนธิสัญญา ไทยมีสิทธิ์ยกเลิกฝ่ายเดียวได้หรือไม่?

ตอบว่า ได้ เนื่องจากกัมพูชามีการละเมิดหลายครั้ง

ตามอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฎหมายสนธิสัญญา ค.ศ. 1969 (Vienna Convention on the Law of Treaties, 1969) ข้อ 60 ระบุว่า

การยกเลิกเนื่องจากถูกละเมิด

ข้อย่อย 1 กรณีที่เป็นสนธิสัญญาระหว่างสองประเทศ ประเทศหนึ่งอาจยกเลิกหรืออาจระงับการมีผลใช้เป็นการชั่วคราวซึ่งสนธิสัญญาบางส่วนหรือทั้งหมดได้ ถ้าหากอีกประเทศหนึ่งทำการละเมิดข้อตกลงอย่างมีนัยสำคัญ

ดังนั้น ข้ออ้างของโฆษกยุติธรรมเขมร จึงเป็นโคมลอย ไม่ตรงกับกติกา ไม่สามารถขัดขวางไทยยกเลิก MOU43 ฝ่ายเดียวได้

นี่เป็นเหตุผลที่หนึ่ง ที่สนับสนุนการยกเลิก MOU43

วันที่ 2 ตุลาคม 2568

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล

รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top