'อนุทิน’ลั่นตอกเสาเข็มสร้างหลักนิติธรรมปท  4เดือนไม่สญเปล่า กระตุ้นศก.เฟส1-2ก่อนยุบสภา

'อนุทิน’ลั่นตอกเสาเข็มสร้างหลักนิติธรรมปท 4เดือนไม่สญเปล่า กระตุ้นศก.เฟส1-2ก่อนยุบสภา

วันพฤหัสบดี ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2568, 06.00 น.

'อนุทิน’ลั่นตอกเสาเข็มสร้างหลักนิติธรรมปท
 4เดือนไม่สญเปล่า
กระตุ้นศก.เฟส1-2ก่อนยุบสภา
ปชน.เกทับพท.กวาด250สส.
‘เกรียง’ดอดเข้าหารือ‘เนวิน’
วิป3ฝ่ายถกแก้รธน.14-15ต.ค.

นายกฯเปรียบเมื่อก่อนตนเป็นวิศวกร ให้ความสำคัญวางรากฐานหลักความยุติธรรม เป็นเสมือนเสาเข็มประเทศ ลั่นความยุติธรรมต้องมีเพื่อทุกคน ไม่ใช่แค่บางคน แนะบรรจุเป็นมาตรฐานในรธน.ลั่นคนมีอำนาจไม่จำเป็นต้องถูกเสมอไป ผิด-ถูก หลักนิติธรรมดำเนินการ ยันรบ.ไม่มีทำเพื่อใคร คนมีอำนาจเป็นแค่คนธรรมดาชี้เป็นชี้ตายใครไม่ได้ ด้าน’ปชน.’ชี้ปรากฏการณ์’ภูมิใจดูด’เรื่องปกติ ใกล้เลือกตั้ง มีย้ายขั้วสลับค่ายกันบ้าง แต่มาจากต้นเหตุเพราะรัฐธรรมนูญทำระบบการเมืองเป็นแบบนี้ ชี้การบริหารยังไม่มีอะไรน่าห่วง ดักคอ”เพื่อไทย”อย่าจ้องซักฟอก เพียงเพราะแค่อยากล้างแค้น กวักมือมาแก้ รธน.ดีกว่า

เมื่อวันที่ 8ตุลาคม2568 ที่ห้องคอนเฟอเรนซ์ ฮอลล์ ชั้น 2 สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ) กรุงเทพฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ร่วมงานเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม ครั้งที่ 3 (The Third Rule of Law Forum)


โดยนายกฯ กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ“ความพร้อมของกลไกเชิงสถาบันกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ”ตอนหนึ่งว่า ถือเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้พวกเราทุกคน ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในกระบวนการยุติธรรมของชาติได้มาทบทวนร่วมกันและร่วมกันขับเคลื่อนให้หลักนิติธรรมกลายเป็นวาระแห่งชาติ และเป็นพื้นฐานของความสามารถในการแข่งขันของประเทศในอนาคตอันใกล้ เขาว่าคำว่าหลักนิติธรรม เป็นคำที่ถูกอ้างถึงบ่อยที่สุด ขณะเดียวกันเป็นคำที่หลายคนใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ถูกต้อง โดยอ้างคำว่าหลักนิติธรรม ทั้งนี้ ตนต้องออกตัวก่อนว่า ตนไม่ใช่นักกฏหมาย แต่เชื่อในเรื่องของ Rule Of Law หลายคนในที่นี้เคยทำงานร่วมกันและเมื่อมีความเห็นแย้งเมื่อไร

นายกฯเคยเป็นวิศวกรต้องตอกเสาเข็มปท.

‘ถ้ามีคนที่อธิบายกับตนได้ในเรื่องของ Law ตนก็จะเชื่อในสิ่งนั้นยึดถือและเชื่อมั่นในกฎหมายในแนวคิดนี้มาโดยตลอดและเชื่อว่าทำให้ความคิดนี้ของตนอยู่รอดและประสบความสำเร็จพอสมควร ไม่ว่าจะสมัยเป็นนักธุรกิจ กระทั่งมารับใช้บ้านเมืองในฐานะที่เป็นนักการเมืองและเป็นรัฐมนตรีที่ต้องมาบริหารราชการแผ่นดิน พื้นหลังตนเป็นวิศวกร นั่นคือการวางรากฐานที่มั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างอาคารโครงสร้างต่างๆ ที่ตนถนัด หรือการก่อตั้งองค์กรใดๆหรือการพัฒนาใดๆตนจะความสำคัญของเรื่องรากฐานที่มั่นคงก่อนเสมอ และในความเป็นวิศวกรนั้น ตนเชื่อว่าหลักความยุติธรรม เป็นเสมือนเสาเข็มที่สำคัญของทุกสังคม เพราะพวกเราทุกคน’นายอนุทิน กล่าว

กฎหมายต้องใช้เท่าเทียมกันทุกคน

องใช้เท่าเทียมกันทุกคนนายกฯกล่าวต่อว่า นอกต้องมีปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตแต่ละวันแล้ว เราต้องมีกฎหมายเป็นที่พึ่ง และกฎหมายต้องอำนวยความยุติธรรมให้กับทุกคน โดยภาษาไทยยังไม่บัญญัติศัพท์ให้คนเข้าใจง่ายและเกิดความมั่นใจ แต่ตนได้มีโอกาสไปศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและคำว่าjustice for all มันบรรยายได้หมดว่า เป็นความยุติธรรมสำหรับทุกคน ตนใส่ในหัวโดยตลอด เมืองไทยไม่มีคำศัพย์ง่ายๆเช่นนี้ ตนอยากให้บัญญัติคำศัพท์เช่นนี้และอาจจะอยู่ในรัฐธรรมนูญด้วย ให้ทุกคนอ่านแล้วเข้าใจ และต้องเชื่อมั่นกฎหมายบางทีอ่านเข้าใจ แต่บางครั้งเชื่อมั่นกันหรือเปล่า เพราะคนตัดสิน อีกคนมาตัดสินแบบนี้อีกคนออกซ้าย อีกคนออกขวา ถ้ามีอำนาจอยู่ก็จะโดนอย่างนี้ ถ้าไม่มีอำนาจก็จะโดนอย่างนั้น ไม่มีใครทราบและรู้สึกเรื่องเหล่านี้ได้ดีเท่ากับตนหรืออาจจะบอกว่า พวกตนก็ได้ ถ้าใครติดตามข่าวก็จะเห็นว่า

ยุติธรรมต้องเป็นไปตามครรลอง

‘สิ่งที่คนกลัวนักหนากลัวกันว่า พวกผมจะมาใช้อำนาจjustice for some (ความยุติธรรมสำหรับบางคน) ในรัฐบาลผม ผมให้คำยืนยัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ที่นี่ที่เดียว แต่ในรัฐสภาต่อหน้าสมาชิกรัฐสภาว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นในรัฐบาลที่ผมเป็นหัวหน้าอยู่ จะปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไปตามครรลองที่มันควรจะเป็น มนุษย์ทุกคนต้องการความเป็นธรรม รวมถึงท่านทั้งหลายในที่นี้และผมด้วย’นายกฯ กล่าว

ถ้าไม่เป็นธรรม-สังคมจลาจลวุ่นวาย

นายกฯ กล่าวต่อว่า ในองค์กรต่างๆก็เช่นเดียวกัน ถ้าสมาชิกในองค์กรนั้นรู้สึกถึงความไม่เป็นธรรมก็จะมีการแสดงออกหลายอย่างและเมื่อความเป็นธรรมไม่เกิดมันจะเกิดการจลาจล ฉะนั้นการมองไปตั้งแต่ความยุติธรรมสำหรับทุกคนตั้งแต่ที่บ้านที่ทำงาน เข้าสู่สังคมและอยู่ในการบริหารประเทศ ถ้าไม่มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ผลคือความจลาจล ความวุ่นวาย ความยุ่งเหยิง ไม่มีใครในประเทศไทยหรือประเทศใดในโลกที่จะต้องการสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นความเป็นธรรมจึงเป็นรากฐานของความเป็นประโยชน์สุขในสังคม ประเทศใดในโลกจะแข่งขันได้อย่างยั่งยืน หากขาดหลักนิติธรรมที่มั่นคง การสร้างโครงสร้างเศรษฐกิจที่แข็งแรงต้องอาศัยกฏหมายที่มีความมั่นคงและแน่นอนการคาดเดาจากนักลงทุนที่เราต้องการชักชวนเข้ามาและสังคมที่สงบสุข ที่จัดตั้งอยู่บนความเชื่อมั่นว่ากฎหมายทั้งหลายในประเทศนั้นๆจะถูกใช้เพื่อความเป็นธรรมของบรรดาสมาชิก หรือstakeholder(ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย) ทุกคน ทั้งนี้ หลักนิติธรรมสำหรับตนความจริงไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมาย แต่คือเรื่องของวัฒนธรรมแห่งความเป็นธรรมที่จะต้องปลูกฝั่งให้มีอยู่ในทุกสังคม เพื่อให้เรามีกฎหมายที่เป็นธรรม และระบบที่ทุกคนให้ความเชื่อมั่นและยึดถือให้คนที่ใช้กฎหมายนั้นยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องทุกประการ

ใช้กม.ชี้เป็นชี้ตายประชาชนไม่ได้

“หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐ ควรยึดหลักนิติธรรมอย่างเข้มแข็งและกล้าหาญในการใช้กฎหมายเพื่อความถูกต้องเที่ยงธรรม ไม่ถูกครอบงำและชักจูงให้ใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หรือกลั่นแกล้งบุคคลใดที่คิดว่า เป็นปฏิปักษ์กับตนเอง ทำอย่างนี้ไม่ได้ อย่างนี่ไม่ใช่ justice for all แปลว่าใครก็ช่วยใครไม่ได้ ถ้าคนนั้นผิดและใครจะทำให้คนนั้นผิดไม่ได้ ถ้าเขาถูกเมืองไทยต้องไม่ถึงจุดนี้และความมั่นคง ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้าต่างๆมันจะเกิดขึ้นเอง รัฐบาลต้องทำทุกอย่างไม่ให้เกิดช่องโหว่ของกฎหมาย ถ้าพวกผมผิดตอนเป็นฝ่ายค้านก็ต้องผิด มาเป็นรัฐบาลก็ต้องผิดต้องดำเนินคดีให้ได้ ไม่ใช่ พอมาอยู่ตรงนี้ช้าลง ท่านอย่าช้า ถ้าใครทำช้าผมเอาเรื่องหนักยิ่งกว่า เพราะผมก็ทนไม่ได้เหมือนกันกับกระบวนการยุติธรรมที่ทำเพื่อวัตถุประสงค์ของคนกลุ่มใด กลุ่มหนึ่งอย่างนั้นมันยิ่งกว่าเผด็จการ เพราะชี้เป็นชี้ตายคนได้ คนที่ทำอย่างนี้ได้ตอนนี้ในโลก ผมว่าแทบจะไม่เหลือแล้ว ประเทศไทยต้องไม่ยอมยิ่งไม่ใช่คนที่มีอำนาจสูงสุด เป็นแค่คนธรรมดาที่ประชาชนเลือกมา คุณจะมาชี้เป็นชี้ตายประชาชนไม่ได้ จะมาชี้เป็นชี้ตายอนาคตและทิศทางของประเทศไม่ได้เป็นอันขาด ผมจะไม่มีวันยอมให้เกิด”นายกฯ กล่าว

ลั่น4เดือนไม่สูญเปล่า-วางรากฐานปท.

นายกฯกล่าวอีกว่า การฟื้นฟูโครงสร้างเชิงระบบและหลักนิติธรรมไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลา ต้องอาศัยความต่อเนื่อง แต่อยู่ที่รัฐบาลอย่างเดียวไม่ได้ พวกท่านต้องช่วยกันให้ความร่วมมือ ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ใน4เดือนของรัฐบาลชุดนี้ จะไม่เป็น4เดือนที่สูญเปล่า แต่จะเป็น4เดือนที่ตอกเสาเข็มวางฐานรากและสร้างโรดแมปให้รัฐบาลหน้า ซึ่งต้องถูกกรอบของระบบที่พวกท่านวางไว้สร้างไว้ บังคับให้รัฐบาลใดๆก็ตามได้เดินต่อไป เพื่อทำให้ประเทศไทยมีรากฐานมั่นคงและแข่งขันได้อย่างมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก

ก่อนยุบสภามีแผนกระตุ้นศก.เฟส1-2

นายอนุทินให้สัมภาษณ์หลังโครงการคนละครึ่งพลัสเริ่มเดินหน้าแล้ว รัฐบาลจะมีการดำเนินการมาตรการอะไรต่อบ้าง ว่า เราพยายามจะวางรากฐานเศรษฐกิจให้มีความมั่นคงแข็งแกร่งให้มีการกระจายรายได้ของประชาชน โดยเฉพาะช่วงสิ้นปีนี้และจะใช้ระยะเวลา4เดือนที่รัฐบาลชุดนี้ทำงานได้อย่างเต็มที่ วางแนวทางและหลักฐานที่ดีเพื่อที่จะรัฐบาลชุดต่อไปที่จะเข้ามาจะได้สามารถเดินหน้าต่อยอดไปได้ เมื่อถามว่า หมายความว่าก่อนยุบสภาจะมีมาตรการออกมาอีกใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อาจมีมาตรการออกมาอีกเรื่อยๆ เฟส 1เฟส2 เตรียมคิดไว้อยู่แล้ว เมื่อถามอีกว่า กรณีที่นายกฯ ระบุว่าจะมีการผลักดันเศรษฐกิจให้ไทยผงาดในภูมิภาคจะมีแนวทางอย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เราตั้งเป็นเป้าหมาย ประเทศไทยเราเคยเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้มาโดยตลอดแทบทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเงิน การท่องเที่ยว เกษตร อุตสาหกรรม เมื่อถามย้ำว่า แต่ปัญหาใหญ่ที่ทำให้เศรษฐกิจไม่ต่อเนื่องคือเรื่องของการเมือง นายกฯ กล่าว ปฏิเสธว่า ไม่ใช่การเมืองแต่เป็นการคอรัปชัน เราต้องสร้างระบบ เช่น สังคมดิจิทัล มันบังคับให้การกระทำที่เป็นเรื่องทุจริตถูกตรวจสอบได้ สังคมข้อมูล เอไอสังคมข่าวสาร ความโปร่งใสตรวจสอบได้เหล่านี้เราต้องสร้างระบบขึ้นมา ที่ทำให้คนที่อยู่ในสังคมหรืออยู่ในระบบนี้ ไปคิดแหวกแนวหรือพิเรนทร์ไม่ได้อีกต่อไป

‘เท้ง’ชี้’ภูมิใจดูด’เรื่องปกติใกล้ลต.

ด้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่นักการเมืองเริ่มเข้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จนเป็น”พรรคภูมิใจดูด”ว่า อาจเป็นเรื่องปกติที่เมื่อเข้าใกล้ฤดูกาลเลือกตั้งจะมีการสลับขั้วย้ายค่ายกันบ้าง แต่รากฐานจริงของเรื่องนี้อยู่ที่ระบบการเมือง รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นกลไกที่เราปฏิเสธไม่ได้ว่า จะทําให้เกิดการย้ายพรรคได้ง่าย แบบ สส.งูเห่าที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา ฉะนั้นถ้าเราอยากได้การเมืองที่ตรงไปตรงมา ก็ต้องกลับมาแก้ไขที่ระบบการเมือง เป็นหนึ่งสาเหตุที่ทําให้พรรคประชาชนให้ความสําคัญกับการจัดทํารัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ตั้งเป้ากวาด250สส.เกทับ’เพื่อไทย’

ส่วนกรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ประกาศว่า พรรคเพื่อไทยน่าจะได้ สส.200ที่นั่งและพรรคประชาชนจะได้ลดลง นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิ่งที่ทุกพรรคประเมินว่าตัวเองได้เยอะอยู่แล้ว ตั้งเป้าหมายให้สูง แต่เราเชื่อมั่นว่า การเลือกตั้งข้างหน้าเป้าหมายของเราได้ 20ล้านเสียง อาจคํานวณเป็นที่นั่งไม่ได้ แต่หากสะท้อนอย่างตรงไปตรงมา ก็จะประมาณ 250ที่นั่ง หากดูนิด้าโพลก็ยอมรับและเข้าใจความรู้สึกของประชาชนว่า กระแสตก แต่เชื่อว่า การทําหน้าที่ของพวกเราทุกคนจนถึงวันเลือกตั้ง จะเป็นสิ่งที่ทําให้ประชาชนให้ความเชื่อมั่นของพวกเรากลับมา

‘เกรียง’โผล่คุยแกนนำพรรคภูมิใจไทย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงบ่ายวันที่ 8ตุลาคม2568 นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีต สส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย รัฐบาลนายเศรษฐา ทสีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ปรากฏตัว บริเวณด้านหน้าล็อบบี้โรงแรมพูลแมน ซอยรางน้ำ กทม. ซึ่งคาดว่าจะมาพบกับแกนนำคนสำคัญของพรรคพรรคภูมิใจไทย เพื่อพูดคุยถึงการย้ายเข้าสังกัดในการเลือกตั้งสมัยหน้า โดย จ.อุบลราชธานี ขณะนี้มีทั้งหมด 11 เขตเลือกตั้ง คาดว่า การปรากฏตัวของนายเกรียงครั้งนี้น่าจะขนลูกทีม อบจ.และสส.ในสังกัด มาร่วมงานกับค่ายน้ำเงินในอนาคตอันใกล้นี้

อ้างคุยธุระ’เนวิน’-ไม่ใช่จ่อย้ายพรรค

นายเกรียง กัลป์ตินันท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ยอมรับ หลังมีการเผยแพร่ภาพปรากฎตัวอยู่ที่ โรงแรมพลูแมน รางน้ำ ว่า เป็นความจริง แต่ยืนยันว่า ตน และกลุ่มส.ส.อุบลราชธานี ไม่ได้จะย้ายมาสังกัดพรรคภูมิใจไทยแต่อย่างใด เป็นเพียงการมาพบกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด เพื่อพูดคุยธุระกัน คบกับนายเนวิน มานานแล้ว คุยกันอยู่เรื่อย ไม่ใช่คบกันวันนี้ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการลงเลือกตั้งแต่อย่างใด ยืนยันว่า กลุ่มส.ส.ของตนยังอยู่ที่เดิม ตามที่เปิดตัวที่พรรคเพื่อไทย

‘หนู’อ้างทั้งสองคนเขาเป็นเพื่อนกัน

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ปรากฏตัวที่โรงแรมย่านซอยรางน้ำเป็นสัญญาณจะมาร่วมกิจกรรมการเมืองกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายอนุทินย้อนถามสื่อว่า รู้ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวตอบว่า นายเกรียง มาพบกับ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด นายอนุทินกล่าวว่า เขาเป็นเพื่อนกัน ส่วนจะมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ ตนไม่ได้พบกับ นายเนวิน มา 2วันแล้ว ตอนนี้เริ่มคิดถึง เดี๋ยวจะโทรหา เมื่อถามต่อว่า ขณะนี้นายกรัฐมนตรีเดินหน้าบริหารประเทศ ส่วนหลังบ้านก็เดินเกมการเมืองเต็มที่ใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “หน้าบ้าน หลังบ้านคนเดียวกันหมด มีแค่นี้”

กินข้าวกับ’นิพนธ์’11ต.ค.เรื่องปกติ

เมื่อถามต่อว่า วันที่ 11ตุลาคม นายกฯจะเดินทางไป จ.สงขลา เพื่อร่วมรับประทานอาหารกับนายนิพนธ์ บุญญามณี อดีต รมช.มหาดไทยและส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อทาบทามเข้าภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตนไปตรวจราชการที่สงขลาและประชุม7จังหวัดภาคใต้ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง เครื่องจะไปลง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็แวะกินข้าวด้วยกัน เป็นเรื่องปกติ เมื่อผู้สื่อข่าวย้ำว่า นายนิพนธ์ยังจะอยู่พรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า “เมื่อเช้ายังมั่นใจอยู่” เมื่อถามว่า นายนิพนธ์จะไม่กลับไปพรรคสีฟ้าใช่หรือไม่ นายอนุทินพูดทีเล่นทีจริงว่า สีฟ้าเข้ม ขณะที่สื่อมวลชนแย้งว่า หมายถึงพรรคสีน้ำเงินใช่หรือไม่ นายอนุทินไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้ารับ

วิป3ฝ่ายนัดถกแก้รธน.14-15ตุลาคมนี้

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมการประสานงานร่วมสภาผู้แทนราษฎร (วิป) รัฐบาลฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณากำหนดเวลาการประชุมร่วมกันของรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 256 แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 15/1 วันที่ 14 - 15 ต.ค.ของพรรคภูมิใจไทย, พรรคประชาชน และพรรคเพื่อไทย หลังหารือ นายวันนอร์ ให้สัมภาษณ์ถึงผลประชุมว่า ที่ประชุมเห็นว่าจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง3ฉบับรวมกัน แต่การลงมติวาระที่1จะแยกลงมติและจะตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อพิจารณาในวาระ2และ3 จำนวน42คน โดยใช้เวลาอภิปรายทั้งหมดรวมการเสนอร่างทั้ง 3 ฉบับ 19 ชั่วโมงครึ่ง แบ่งเป็นเวลาของประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง สว.5ชั่วโมงครึ่ง พรรคร่วมรัฐบาล 3ชั่วโมง และพรรคร่วมฝ่ายค้าน 10 ชั่วโมง ทั้งนี้ การลงมติอาจจะใช้เวลานานเนื่องจากเป็นการลงมติแบบขานชื่อทีละบุคคลว่าจะแต่ละท่านรับ ไม่รับ หรือรับหลักการทั้ง 3ร่าง หรือไม่รับหลักการทั้ง 3ร่าง

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top