วันพฤหัสบดี ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
นายกฯขอโทษ
ทำให้พี่น้องประชาชนลำบาก
รับต้องแก้ไขปัญหาระบายน้ำ
“อนุทิน” เยี่ยมพื้นที่น้ำท่วมอ่างทอง ขอบคุณชาวบ้านเสียสละพื้นที่รับน้ำ เร่งดันงบจ่ายเยียวยารายเดือนจนกว่าน้ำลด ยันไม่ทอดทิ้ง ส่วนโผงเผง จมบาดาล ท่วมนานกว่า 2 เดือน ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม.ย้ำเจ้าพระยา ผ่านจุดสูงสุดแล้ว มั่นใจพร้อมรับมือ น้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน กทม.ไม่น่าห่วง ไม่ซ้ำรอยปี 2554
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางจากสนามเฮลิคอปเตอร์ พล.ม.2 รอ. เขตพญาไท กทม.ลงพื้นที่ จ.อ่างทอง โดยระหว่างทาง เฮลิคอปเตอร์ได้บินวนดูพื้นที่รับน้ำ ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท แล้ววนกลับทาง จ.สุพรรณบุรี ก่อนจะเข้า จ.อ่างทอง
จากนั้นเวลา 12.30 น. นายกฯ เดินทางถึงสนามกีฬาโรงเรียนปาโมกข์วิทยาภูมิ ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก เพื่อติดตามสถานการณ์อุทกภัย และมอบถุงยังชีพ ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ โดยมีนายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
โดยนายกฯ กล่าวว่า มีความห่วงใยสถานการณ์น้ำท่วม ซึ่งพี่น้องประชาชนต้องผจญกับความยากลำบาก เราเป็นรัฐบาลต้องรับผิดชอบในการบริหารสถานการณ์ให้ดีที่สุด
นายกฯ กล่าวต่อว่า เข้าใจดีว่าเป็นปัญหาที่เกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นความทุกข์เรื้อรังของพวกเราในฐานะที่เป็นคนลุ่มเจ้าพระยา ทรัพย์สินต้องเสียหาย ต้องขนย้ายของหนีน้ำ พวกตนต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะระบายน้ำออกให้มากที่สุด และหลายครอบครัวเป็นเจ้าของไร่นา ที่เสียสละรับน้ำ สูญเสียโอกาสผลิตพืชผลทางการเกษตร ทำไร่ ทำนา เพื่อไม่ให้น้ำเข้าไปสร้างความเสียหายในเขตเมือง หรือเขตเศรษฐกิจ ตนต้องขอขอบคุณ โดยได้หารือกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง จึงขอใช้อำนาจในฐานะนายกฯ จ่ายเงินทดแทน ในโอกาสที่พี่น้องชาวไร่ชาวนาเสียสละพื้นที่รับน้ำ ตนจะนำงบประมาณที่กำกับมาดูแลรายเดือนจนกว่าน้ำจะหมด โดยให้นายภราดร เร่งเสนอให้รัฐบาลอนุมัติโดยเร็ว ไม่เฉพาะชาวป่าโมก จ.อ่างทอง
“นายกฯ” ขอโทษประชาชนทำให้ลำบาก รับต้องแก้ไขเรื่องการตัดสินใจระบายน้ำ ไม่ให้เดือดร้อนเหมือนปีนี้ สั่งเร่งระบายน้ำออกทางตะวันออกของพื้นที่เพิ่มหวังช่วยลดความเดือดร้อน ขณะชาวบ้านชมนายกฯหล่อ อวยพรให้เป็นนายกฯอีกสมัย
เวลา 13.40 น. ที่วัดบันไดช้าง อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายอนุทิน กล่าวว่า ดีใจที่ได้เจอทุกคน ถ้าตรงนี้เป็นแม่น้ำลำคลองหนองบึง แล้วได้เห็นพ่อแม่พี่น้องพายเรือมาเจอในวันนี้คงดี แต่ที่หัวเราะไม่ออก เพราะตรงนี้ไม่ใช่แม่น้ำ แต่เป็นถนน เรือกสวนไร่นา บ้านเรือน ซึ่งวันนี้โดนน้ำท่วมเยอะมาก ตนต้องไปวางแผนว่าทำอย่างไร ที่จะไม่ให้น้ำเข้ามาหนักกว่านี้ ช่วงเวลาที่ยังอยู่อย่างน้อยจะช่วยในระยะสั้นให้มากที่สุดก่อน หลังจากนี้จะสั่งรัฐมนตรีภราดร รัฐมนตรีสุรศักดิ์ เร่งหาทางช่วยเหลือ พร้อมย้ำว่า จะสั่งการจ่ายเป็นเดือนๆให้พ่อแม่พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่พยายามทำตั้งแต่สมัยอยู่กระทรวงมหาดไทย คือพยายามเสนอวิธีการจัดการน้ำท่วมไม่ให้เดือดร้อนแบบนี้กันทุกๆปีและจะเจียดเงินไปทำทางน้ำเพื่อหาทางบริหารจัดการน้ำให้พ่อแม่พี่น้องมากที่สุดในอนาคต ทั้งนี้ ปีหน้าพ่อแม่พี่น้องก็ไปเลือกตั้งแล้ว คงอยู่ได้อีกไม่เกิน 2 เดือน ซึ่งจะช่วยเหลือเยียวยาไปพลางก่อน สำหรับบ้านเรือนที่น้ำท่วม 3-4 เดือน จะให้นายภราดรไปดูย้อนหลังให้ตั้งแต่วันน้ำท่วม วันนี้ต้องกราบขออภัยจริงๆ ที่ทำให้เกิดความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ยืนยันว่าจะไม่ทำให้เจตนารมณ์ของพ่อแม่พี่น้องสูญเปล่า มีเท่าไหร่ก็ต้องเอามาทำให้อย่างเต็มที่พร้อมกับจัดการเร่งระบายน้ำให้
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ตอนอยู่บนเฮลิคอปเตอร์มองลงมาเห็นพื้นที่ได้ชัดเจน เห็นว่าฝั่งตะวันออกยังมีพื้นที่ ก็จะสั่งการให้เร่งระบายน้ำออกไป เพื่อให้น้ำฝั่งตะวันตกได้ระบายออกไป ส่วนร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็สนิทกันอยู่แล้วก็จะเร่งรัดให้เสนอโครงการระบายน้ำทางอ่าวไทย เพื่อเป็นตัวช่วยระบายน้ำเจ้าพระยาออก จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนแบบนี้ พร้อมกับจะเร่งโครงการขอกรมชลประทานหลายโครงการให้แล้วเสร็จ
“ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลต้องกราบขออภัยพ่อแม่พี่น้อง ที่ทำให้ต้องประสบความลำบากยากเย็น ปกติปลายเดือนตุลาคมน้ำจะไปหมดแล้ว ปีนี้ฝนก็ไม่ได้มากขึ้น แต่คงต้องแก้ปัญหาเรื่องการตัดสินใจในการระบายน้ำออกไปตามช่องทางต่างๆ ซึ่งต้องไปแก้ไขในส่วนนี้ เพื่อไม่ให้มีความเดือดร้อนอย่างปีนี้อีก เรื่องนี้ขอให้เป็นธุระของพวกผม” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก มีน้ำท่วมเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว โดยชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าวต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสายน้ำอย่างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่น้ำจะลด บ้านเรือนหลายหลังจมน้ำเหลือให้เห็นเพียงหลังคาที่โผล่พ้นน้ำ บางครอบครัวต้องย้ายไปนอนริมถนน ท่ามกลางแสงไฟโซล่าร์เซลล์ และมีสัตว์เลี้ยงที่ต่างตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกัน
ส่วนสถานการณ์น้ำในพื้นที่ จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณชุมชนซอยพิบูลสงคราม 1 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรีซึ่งติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา พบว่าระดับน้ำสูงกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจรเข้าออก โดยบางรายต้องรอรับส่งบุตรหลานไปโรงเรียนในบริเวณดังกล่าว ทั้งโรงเรียนสตรีนนทบุรี และโรงเรียนวัดเขมาภิรตาราม
ขณะที่สถานการณ์น้ำเขื่อนภูมิพล ปัจจุบันมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 13,399.77 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 99.54% ปริมาณน้ำพร้อมใช้งานอยู่ที่ 9,599.77 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 99.36% โดยเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเก็บน้ำ 88.08 ล้าน ลบ.ม.สามารถรับน้ำได้อีก 62.23 ล้าน ลบ.ม.คิดเป็น 0.46% และ ระดับน้ำของอ่างเก็บน้ำอยู่ที่ 259.8 เมตร วัดจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันเดียวกันนี้ เขื่อนภูมิพล จะระบายน้ำตามแผนของกรมชลประทาน 55 ล้าน ลบ.ม.ต่อวัน โดยจะติดตามประเมินสถานการณ์และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมของสถานการณน้ำต่อไป
ที่ท่าเรือสะพานพุทธ เขตพระนคร กทม.นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.พร้อมคณะ แถลงถึงความพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำเหนือและน้ำทะเลหนุน ในพื้นที่ กทม.ว่าสถานการณ์น้ำไม่น่าเป็นห่วงเนื่องจากผ่านวันที่มีน้ำหนุนสูงสุด 8 พฤศจิกายนไปแล้ว น้ำจะหนุนสูงอีกครั้งวันที่ 20 ธันวาคมนี้ แต่ไม่สูงมาก สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำเหนือ ที่น่าจะบรรเทาลง ถ้าไม่มีพายุลูกใหม่ สถานการณ์จะคลี่คลาย ที่ผ่านมา กทม.ได้ปรับปรุงโครงสร้างประตูระบายน้ำให้แข็งแรง ปัญหาน้ำท่วมจึงไม่น่าเกิดขึ้นแบบปี 2554
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า ที่น่าห่วงคือชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำ 11 ชุมชน ประมาณ 300 หลังคาเรือน โดย กทม.สร้างสะพานไม้และแก้ไขปัญหาต่างๆ แล้ว ส่วนเรื่องแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมเสียหายจากเรือแล่นเร็ว ได้ประสานกรมเจ้าท่า จัดเจ้าหน้าที่คอยปรามผู้ที่ขับเรือเร็ว
ด้านายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า กรณีที่ประชาชนเห็นภาพน้ำล้นเข้ามาจากแม่น้ำเจ้าพระยา ตามสื่อสังคมออนไลน์นั้น เกิดจาก 2 สาเหตุ คือ 1.พื้นที่ฟันหลอของเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่ง 3 ปีที่ผ่านมา มีพื้นที่ฟันหลอ 32 จุด ประมาณ 4 กิโลเมตร โดย กทม.ดำเนินการแก้ไขแล้ว 22 จุด ประมาณ 2.6 กิโลเมตร เหลือเพียง 10 จุดเท่านั้นที่เป็นพื้นที่เอกชน ต้องขออนุญาตก่อสร้าง จึงดำเนินการได้ รวมทั้งมีช่องเปิดต่างๆ เช่น บริเวณท่าเรือ ไม่สามารถสร้างเขื่อนกั้นน้ำได้ จึงใช้กระสอบทรายวางแนวกั้น
2.พื้นที่แนวเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีการรั่วซึม ซึ่งจากปี 2565 พบประมาณ 120 จุด กทม.ได้แก้ไขแล้วจนเหลือ 76 จุด ประมาณ 8 กิโลเมตร ทำให้เกิดการรั่วซึมเป็นภาพน้ำท่วมที่เห็นกัน หากประชาชนพบปัญหาน้ำท่วม ท่อตัน ฝาท่อชำรุด น้ำเน่าเสีย สามารถแจ้งได้ที่ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กรุงเทพมหานคร โทร.02-248-5115 หรือสายด่วน กทม.1555
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลกรมอุตุนิยมวิทยา ปัจจุบันประเทศไทยมีฝนลดลง บริเวณภาคเหนือตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วน กทม.มีฝนลดลง และมวลอากาศเย็นจะมีกำลังแรงขึ้น ช่วงวันที่ 14-15 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ทำให้ฝนไปตกบริเวณภาคใต้ ประกอบกับพายุโซนร้อนกำลังแรง “ฟงวอง” (FUNG-WONG) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นไปทางทิศเหนือ เข้าใกล้บริเวณเกาะไต้หวัน โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
ทั้งนี้ กทม.ได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำทุกด้าน โดยสำนักการระบายน้ำ ดำเนินมาตรการเชิงรุก 1.ลดระดับน้ำในคลองกว่า 1,980 คลอง และแก้มลิง 33 แห่ง ให้พร้อมรับน้ำฝน 2.ตรวจสอบความมั่นคงของแนวเขื่อนป้องกันน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา รวมระยะทางกว่า 80 กิโลเมตร 3.เฝ้าระวังจุดเสี่ยง แนวฟันหลอ 32 จุด (ซ่อมแล้วเสร็จ 22 จุด ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการและของบประมาณเพิ่มเติม) และ 4.แก้ไขแนวรั่วซึมและช่องเปิดท่าเรือ เช่น ท่าราชวรดิษฐ์ วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร และแนวถนนพระราม 3 ซึ่งได้ดำเนินการอุดรอยรั่วและเสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มเติมแล้ว นอกจากนี้ ยังได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ประจำสถานีสูบน้ำ 200 แห่ง และบ่อสูบน้ำ 349 แห่ง รวมถึงเครื่องสูบน้ำกว่า 1,581 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำในจุดเสี่ยง พร้อมเครือข่ายโทรมาตรตรวจวัดระดับน้ำแบบเรียลไทม์ และเรดาร์ตรวจอากาศ 2 แห่ง ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง
ในส่วนการดูแลชุมชนนอกแนวคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา คลองบางกอกน้อย และคลองมหาสวัสดิ์ ปัจจุบันมี 11 ชุมชน 320 หลังคาเรือน ครอบคลุม 6 เขต ได้แก่ ดุสิต พระนคร บางคอแหลม ยานนาวา บางกอกน้อย และคลองสาน ได้จัดเจ้าหน้าที่ลงติดตามระดับน้ำอย่างต่อเนื่อง พร้อมจัดจุดอพยพชั่วคราว เครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ และแนวทางช่วยเหลือเบื้องต้นในกรณีที่น้ำเอ่อล้นเข้าพื้นที่ พร้อมประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเร่งด่วน รวมทั้งจัดโครงการฟื้นฟูชุมชนภายหลังน้ำลด เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติอย่างรวดเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี