วันอาทิตย์ ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
"อนุทิน"เปิดตัว 3 บ้านใหญ่ "ชาติไทยพัฒนา-บ้านใหญ่ชลบุรี-บ้านใหญ่ระยอง" ด้าน"วราวุธ"ปัดทิ้งมรดกเตี่ย ยัน ชทพ.ยังมีผู้ใหญ่ดูแลอยู่ "สนธยา"จับมือ"เฮ้ง"ลืมอดีต ทำงานให้เมืองชล "ปิยะ"โยน"เสี่ยหนู"ในฐานะเจ้านาย คุย"สาธิต"ดึงร่วมค่าย"ภท."
เมื่อเวลา 14.20 น.วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ภท.แถลงเปิดตัว นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) , นายสนธยา คุณปลื้ม แกนนำกลุ่มชลบุรี และ นายปิยะ ปิตุเตชะ นายก อบจ.ระยอง ร่วมงานกับพรรค ภท.
โดย นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรค ภท.มีโอกาสต้อนรับผู้ที่จะมาร่วมการทำงานการเมืองด้วยกันในนามพรรค ภท.ภายหลังจากการมียุบสภาและมีการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ใกล้จะถึงนี้ เป็นไปตามที่มีการนำเสนอข่าวไปก่อนหน้านี้ วันนี้ถือโอกาสมายืนยันว่าในการเลือกตั้งครั้งต่อไป พรรค ภท.จะมีกลุ่มของนายวราวุธ มาพร้อมกับสมาชิกที่สังกัดพรรค ชทพ.และมีทางนายสนธยา ที่จะทำการเมืองร่วมกันในนามพรรค ภท.ในพื้นที่ จ.ชลบุรี ส่วน จ.ระยอง มีนายปิยะ ที่จะมาทำงานการเมืองร่วมกับพรรค ภท.ซึ่งเราได้มีการหารือทำความเข้าใจถึงนโยบายและแนวทางการดำเนินการทางการเมืองของพรรค ภท.ทุกท่านล้วนแต่มีเป้าหมาย จุดประสงค์ และเจตนารมณ์เดียวกันคือ ตั้งใจเข้ามาอาสาทำงานรับใช้ประเทศชาติ ประชาชน และทำความเจริญก้าวหน้าให้ประเทศไทยมากที่สุด ด้วยประสบการณ์ ศักยภาพ และเครือข่ายต่างๆ ที่เรามีอยู่ ซึ่งชัดเจนว่า เมื่อมีการยุบสภา ท่านทั้งหลายจะมาทำงานด้วยกัน
ด้าน วราวุธ กล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรค ภท.ว่า ขอชี้แจงกรณีที่มีกระแสข่าวศิลปอาชาทิ้งพรรค ชทพ.ว่า วันนี้ยังมีศิลปอาชาอยู่ และผู้ใหญ่ของพรรค ชทพ.ยังดำเนินกิจกรรมของพรรคอยู่ ไม่ได้ทิ้งไปไหน ส่วนเหตุผลที่ยกกลุ่มมาร่วมงานกับพรรค ภท.นั้น เดี๋ยวถึงเวลาพอยุบสภาจะได้เห็นถึงความชัดเจนอย่างที่นายอนุทินกล่าว แต่การทำงานแน่นอนเราอยากทำงานให้พี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็น จ.นครปฐม , จ.ร้อยเอ็ด และ จ.สุพรรณบุรี ให้มีประสิทธิภาพ อย่างเช่น ปัญหาน้ำท่วมที่ จ.นครปฐม และ จ.สุพรรณบุรี เรื่องสถานการณ์น้ำท่วมหนักหนา ซึ่งการได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงและหน่วยงานของรัฐต่างๆ ให้กับประชาชน คิดว่าจะสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าเรื่องพรรคเล็กอาจจะไปได้ยาก และจะย้ายเข้าพรรคใหญ่ นายวราวุธ กล่าวว่า ไม่ผิด เพราะจริงๆ แล้วในระบบการเมือง ไม่ว่าจะในประเทศไหนก็ตาม การที่มีพรรคการเมืองจำนวนมากจะทำให้เกิดพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคร่วมฝ่ายค้านเป็นจำนวนมาก แต่หากดูจากหลายประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษ ที่มีพรรคการเมืองหลักอยู่ 2 - 3 พรรค ทำให้การทำงานมีความราบรื่นมากขึ้น
เมื่อถามย้ำว่า ประชาชนในพื้นที่สุพรรณบุรีเข้าใจใช่หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนคิดว่าพอถึงเวลา อย่างเช่นในขณะนี้ ถ้าได้มีโอกาสช่วยเหลือประชาชนได้อย่างเต็มที่ ตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนจะเห็นถึงการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อถามอีกว่า ใช้เวลาในการตัดสินใจยากหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นการพูดคุยกันกับทุกคน เพราะไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว เป็นการเห็นพ้องต้องกันของสมาชิกที่อยู่ในพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรค ชทพ.เปลี่ยนมาจากเป็นพรรค ภท.มั่นใจว่าจะได้ยกจังหวัดหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ตนคิดว่าสมาชิกที่อยู่ในแต่ละพื้นที่เราทำงานอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็แล้วแต่ สมาชิก และ สส.ทำงานเคียงข้างพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด และหวังว่าจะได้รับความไว้วางใจอีกครั้งหนึ่ง ก็มั่นใจ
เมื่อถามว่า เป็นทิ้งพรรคซึ่งเป็นมรดกของบิดาหรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า "พรรค ชทพ.พ่อบรรหารเองรับไม้ต่อจากราชครู และที่ตนกล่าวไปคือ ศิลปอาชายังอยู่คู่กับพรรค ชทพ.อยู่ ที่สำคัญการตัดสินใจดำเนินการทางการเมืองแบบนี้เป็นการรักษามรดกของผมเองไว้ด้วย" ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า "ผมก็มาจากตรงนั้นเหมือน พวกเราต่างก็มีที่มาจากตรงนั้นแหละครับ"
ขณะที่ นายสนธยา กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อเกตว่าไม่ถูกกับ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) จริงหรือไม่ ว่า การทำงานทางการเมืองหรือวิถีทางการเมือง บางครั้งในเรื่องการแข่งขันมันก็มีเป็นเรื่องปกติของการเมือง ณ วันนี้ เรื่องการทำงานในนามของพรรค ภท.ทำให้เห็นชัดเจนว่า วิถีกับวิธีการทำงานทางการเมืองที่ จ.ชลบุรี เราทำงานในนามของพรรค ภท.ชลบุรี ทำงานด้วยกัน เดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อที่จะสร้างความไว้วางใจ หรือทำให้พี่น้องประชาชนเห็นว่า ทีม ภท.ชลบุรีมีเป้าหมายในการทำงานร่วมกัน โดยมีนโยบายของพรรคเป็นหลัก และมีพวกเราเป็นผู้ขับเคลื่อนนโยบายของพรรคในพื้นที่
ด้าน นายปิยะ กล่าวถึงการร่วมงานกับพรรค ภท.ว่า วันนี้ก็อยู่ด้วยกัน มีความคุ้นเคยกัน วันนี้ดีใจที่มาคุยกัน ทราบว่านายกฯมีนโยบายที่กระจายอำนาจ ผลักดันให้ท้องถิ่น ซึ่งตนเป็นนายก อบจ.ระยอง ตนอยากจะรู้ว่าการพัฒนาท้องถิ่นจะนโยบายชัดเจนอย่างไร วันนี้ดีใจ มีนโยบายที่จะกระจายอำนาจเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีนโยบายที่จะกระจายท้องถิ่น คิดว่าความร่วมมือกับนายกฯและพรรค ภท. มีแนวทางที่ทำให้การพัฒนาพื้นที่ จ.ระยองและเขตอีอีซีของระยองเติบโตขึ้น ส่วนกรณี นายสาธิต ปิตุเตชะ อดีต สส.ระยอง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) จะย้ายตามมาพรรค ภท.ด้วยหรือไม่นั้น ปัญหาครอบครัว ความจริงนายสาธิตเป็นลูกน้องนายกฯ พี่น้องอาจจะคุยกันยากหน่อย เจ้านายกับลูกน้องอาจจะคุยกันได้ เลยยกให้นายอนุทินเป็นคนไปคุย ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรเสียเรายังเป็นสายเลือดเดียวกัน
ขณะที่ นายอนุทิน กล่าวเสริมว่า "เอาน่ะ พี่เฮ้ง (นายสุชาติ ชมกลิ่น) กับพี่แป๊ะ (นายสนธยา คุณปลื้ม) ยังมาดีกันได้เพราะน้องหนู (นายอนุทิน ชาญวีรกูล)" ตนคิดว่าวันนี้อาจจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ทางการเมือง ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ทำการเมืองมาด้วยการแตกแยก มีแต่คิดถึงตัวเองเป็นหลัก วันนี้เราสามารถเปลี่ยนบริบททางการเมือง คนที่ได้รับประโยชน์สูงสุดคือประชาชน แต่อย่าลืมว่าผู้แทนราษฎรคือ ตัวแทนของประชาชน ถ้าผู้แทนราษฎรไม่ถูกกัน ทะเลาะกัน คือ ประชาชนแตกแยกกัน ไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้นกับประชาชนและประเทศชาติ สิ่งที่เราต้องการที่สุดวันนี้คือ ความสมัครสมานสามัคคี เอาประสบการณ์ทุกสิ่งที่แต่ละคนสั่งสมกันมา 20 กว่าปี สมัยก่อนเราเป็นวัยรุ่นทางการเมือง แต่วันนี้ต้องถือว่าการสั่งสมประสบการณ์ทางการเมืองมากพอสมควรแล้ว จึงต้องใช้ประสบการณ์ ใช้เครือข่าย ความสามารถ ทำให้ประเทศของเราก้าวหน้า สิ่งที่เราเห็นเรื่องความแตกแยกกันมา วันนี้ตนมีหน้าที่ที่จะทำให้เรื่องเหล่านี้หมดไป และมาเป็นพลังเดียวกันเพื่อทำให้เกิดการพัฒนา เกิดความสงบเรียบร้อย ความสามัคคี ทำให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี