วันพุธ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568
วันที่ 17 ธันวาคม 2568 จากกรณี ศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดี ปลอมใบสด.43 หมายเลขดำอทย.155/2567 ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ฟ้อง นายจิรัฏฐ์ หรือนวรินทร์ ทองสุวรรณ์ อดีตส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมและนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ฯ อันเป็นเท็จ
ตซึ่งศาลพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยกระทำผิดฐานใช้เอกสารราชการผ่านการเกณฑ์ทหาร(ใบ สด.43)จริง จำคุก 2 ปีโดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาอื่นให้ยก ต่อมาศาลอาญา พิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตให้นายจิรัฏฐ์ จำเลยประกันตัวไประหว่างอุทธรณ์คดี โดยตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยไม่กำหนดเงื่อนไขใดๆ
ล่าสุด เพจเฟซบุ๊ก "ปราชญ์ สามสี" ได้โพสต์ถึงเรื่องนี้ว่า ประเทศไทยไม่ได้แกล้งคุณหรอก คุณต่างหากที่กำลังโกหกประเทศไทย
ผมขออนุญาต “ตัดอารมณ์” ออก แล้วคุยกันด้วย ข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เวทีเล่าเรื่องให้คนเชื่อ แต่เป็นเรื่องที่ศาลได้วินิจฉัยจากพยานหลักฐานแล้ว
ในคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลได้พิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่ทั้งสองฝ่ายนำสืบแล้วเห็นว่า พยานฝ่ายโจทก์ (พยานราชการ/นายทหารกรมพระธรรมนูญ) เบิกความยืนยันถึงข้อมูลการเกณฑ์ทหารใน “เล่มต้นฉบับ” และระบบตรวจสอบที่เป็นระเบียบ โดยปรากฏว่ามีการผ่อนผันระหว่างเป็นนักศึกษา และเมื่อครบกำหนดมีหมายเรียกให้เข้ารับการตรวจเลือก แต่มีการหลีกเลี่ยงไม่เข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก จนเคยมีคำพิพากษาในคดีหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารมาก่อนแล้ว
ที่สำคัญ ในประเด็น ใบ สด.43 ศาลได้กล่าวไว้ชัดว่า แม้โจทก์จะไม่ได้สืบให้ชัดเจนว่า “ใครเป็นผู้ทำเอกสารปลอม” แต่ศาลให้น้ำหนักที่ “การนำไปใช้” และ “สภาพพยานหลักฐาน” โดยข้อเท็จจริงคือ จำเลยไม่ได้นำเอกสารต้นฉบับมาแสดงต่อศาล และ ไม่มีพยานฝ่ายจำเลยมาเบิกความสนับสนุน ทั้งที่ศาลเห็นว่า จำเลย “รู้ดีอยู่แล้ว” ว่าตนไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน
ศาลยังพิจารณาสถานะของจำเลยในฐานะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการทหารของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง “ย่อมรู้ดี” ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และศาลระบุด้วยว่า พยานโจทก์ล้วนเบิกความไปตามจริง ไม่มีเจตนาปรักปรำหรือกลั่นแกล้ง
ท้ายที่สุด ศาลวินิจฉัยว่า การกระทำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อกระทรวงกลาโหม ประชาชน และกระทบความเชื่อมั่นต่อระบบการเกณฑ์ทหาร อันเกี่ยวกับความมั่นคงของชาติ จึงลงโทษฐานใช้เอกสารราชการปลอม โดยพิพากษาจำคุกตามที่ปรากฏในคำพิพากษาชั้นต้น (ข้อหาอื่นให้ยก)
ดังนั้น ถ้าจะออกมาพูดบนสื่อใหญ่ว่า “ถูกกลั่นแกล้งเป็นขบวนการ” หรือ “เอกสารไม่ปลอม” อย่างน้อยที่สุดต้องย้อนกลับมาดูว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยอะไรไว้แล้ว เพราะการพูดสวนคำพิพากษา โดยไม่หยิบหลักฐานเดิมที่ศาลต้องการมาแสดงให้ชัด ไม่ได้ทำให้เรื่องจริงเปลี่ยนไป มีแต่จะยิ่งทำให้สังคมเห็นว่า กำลังสื่อสารเพื่อกลบข้อเท็จจริง
ขอเตือนตรง ๆ ด้วยความหวังดี: การโกหกหรือบิดเบือนบนหน้าสื่อใหญ่ ไม่ได้ช่วยให้รอด แต่มักทำให้เสียหายหนักกว่าเดิม เพราะมันจะย้อนกลับมาทำลายทั้งความน่าเชื่อถือ ชื่อเสียง คนรอบตัว และโอกาสทางการเมืองในระยะยาว แบบ “เจ็บซ้ำ” โดยไม่จำเป็นเลย
ถ้าจะสู้ ก็สู้ด้วยหลักฐานในกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่สู้ด้วยวาทกรรมบนหน้าจอ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี