วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
‘ภูมิธรรม-ทวี’ระทึก
ศาลรธน.นัดตัดสิน
คดีแทรกแซงฮั้วสว.
บ่าย3โมง21ม.ค.69
‘อ้วน’ยันทำตามหน้าที่
“ภูมิธรรม-ทวี”ลุ้นระทึก!ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย คดีแทรกแซงกกต.“ฮั้วเลือกสว.” 21 มกราคม 2569 หลังศาลรัฐธรรมนูญ นัดไต่สวนพยาน-ผู้ที่เกี่ยวข้องปม“ภูมิธรรม-ทวี”ถูกร้องแทรกแซงคดี‘ฮั้วเลือกสว.’ในขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ด้าน‘ภูมิธรรม’มั่นใจแจงได้ทุกประเด็น โล่งอกให้ปากคำศาล รธน. ย้ำทำทุกอย่างในคดีฮั้วสว.ตามหน้าที่
เมื่อเวลา 10.30น. วันที่ 24 ธันวาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดพยาน และผู้เกี่ยวข้องที่ประกอบด้วย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา, นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรมว.กลาโหม, พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรมว.ยุติธรรม, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ, ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.เดินทางมาศาลตามนัด ที่กำหนดให้มีการไต่สวนพยานบุคคล
ในคดีที่ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากทั้งสองมีมติให้การกระทำความผิดทางอาญาอื่นเป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 21วรรคหนึ่ง (2) เป็นการแทรกแซง หรือครอบงำหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือแทรกแซงกระบวนการตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการกลั่นแกล้ง กดดัน ข่มขู่ และครอบงำสมาชิกวุฒิสภา ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ ขัดต่อหลักการแบ่งแยก อำนาจและฝ่าฝืนหลักนิติธรรม จึงถือได้ว่าไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และมีพฤติกรรม เป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
นายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อนการไต่สวน โดยยืนยันว่าดำเนินการเป็นไปตามอำนาจหน้าที่มีอยู่ เบื้องต้น ได้ชี้แจงทั้งหมดไปแล้ว แต่วันนี้ศาลนัดไต่สวนในฐานะพยานและผู้ถูกร้องด้วย
เมื่อถามว่าศาลนัดไต่สวนในวันนี้เพราะยังคงสงสัยที่ใช้อำนาจแทรกแซงดีเอสไอในคดีฮั้วสว.เป็นคดีพิเศษนั้นนายภูมิธรรมตอบว่ายังไม่ทราบว่าศาลมีข้อสงสัยเรื่องอะไร หากศาลจะถามเรื่องความชัดเจนก็พร้อมที่จะชี้แจงอยู่แล้วตามกรอบอำนาจที่มีอยู่และสิ่งที่เป็นจริงเชื่อว่าตนเองบริสุทธิ์ ทำหน้าที่ในสิ่งที่ควรทำในฐานะประธานกรรมการบอร์ดดีเอสไอซึ่งเป็นไปตามกระบวนการ
ล่าสุด เวลา 13.00 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ นายภูมิธรรมและพ.ต.อ.ทวีส่งหนังสือแถลงปิดคดีภายในวันที่ 6 มกราคม 2569 และนัดสินคดีวันที่ 21 มกราคม 2569 เวลา 15.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเสร็จสิ้นการไต่สานพยาน 6 ปาก คดีแทรกแซงฮั้ว สว.เสร็จสิ้นแล้วนายภูมิธรรม เวชยชัย อดีตรองนายกฯและรมว.กลาโหม พร้อมด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตรมว.ยุติธรรมได้ลงมาจากห้องพิจารณาคดีพร้อมกันจากนั้นทั้งคู่เดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยนายภูมิธรรมกล่าวว่า ในการชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่มีอะไร เราได้บันทึกเอกสารส่งครบถ้วน เรียบร้อยแล้ว ครั้งนี้ เป็นการสอบถามเพิ่มเติมซึ่งตนได้ชี้แจงว่าบทบาทหน้าที่ของเราอยู่ตรงไหน และพูดถึงข้อเท็จจริงในการปฏิบัติ
เมื่อถามถึงเหตุผลในการเปลี่ยนวาระการประชุมครั้งที่ 2 และมีการพิจารณามาตรา 2(1) และ (2) นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องนี้ตนก็ได้ชี้แจงว่าในการประชุมครั้งที่ 2 มีการพูดคุยและเห็นว่าเพื่อให้มีความรอบคอบมากขึ้น จึงให้ส่งไปที่อนุกรรมการฯพิจารณาทั้งนี้ตนไม่ได้เห็นรายละเอียด แต่อยู่ในเอกสารที่รายงานไปแล้ว
“ผมสบายใจตั้งแต่ก่อนที่จะมาให้ถ้อยคำแล้วเพราะมันไม่มีอะไรเราก็ทำหน้าที่ของเรา จากนี้ก็อยู่ที่ศาลท่านจะวินิจฉัย” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าคดีทุจริตเลือกสว.ยังเป็นอำนาจที่ดีเอสไอจะดำเนินการได้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่าก็เป็นอำนาจหน้าที่ของ แต่ละฝ่าย โดยที่ไม่ไปก้าวก่ายอำนาจของกันและกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่าภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้นนายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋นบุรีรัมย์ พร้อมด้วยประชาชน ได้นำดอกไม้มามอบเพื่อให้กำลังใจแก่นายภูมิธรรมและพ.ต.อ.ทวีด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี