ประชาชนจะให้ความร่วมมือกับตำรวจได้นั้น ยากและจะให้มาช่วยงานตำรวจอีกยิ่งยากไปใหญ่ จึงต้องมีตำรวจชุมชนสัมพันธ์ เพื่อชักชวนให้ประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาความเรียบร้อย รวมถึงการป้องกัน และแก้ไขปัญหาอาชญากรรม ภายในชุมชนของตนเอง ซึ่งเป็นการเพิ่มบทบาทเหมือนเป็น ตำรวจ คอยช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องดูแล ผลที่ได้จะทำให้ชุมชนนั้นเข้มแข็งขึ้น

พ.ต.ท.ธนเดช ทีนาคะ หรือ หนุ่ย รอง ผกก.ป.สน.นางเลิ้ง ดีกรีดอกเตอร์ วัย 49 ปี ชาวจังหวัดลพบุรี เล็งเห็นถึงการป้องกันปราบราม งานชุมชนสัมพันธ์ รวมถึงการสร้าง อาสาสมัครตำรวจบ้าน อย่างมีประสิทธิภาพ เคยฝากผลงานไว้มากมายสมัยเป็น สวป.สน.ท่าข้าม เป็นที่ประจักษ์ จนได้รับรางวัลมากมาย

แม้ไม่ได้จบ นรต. แต่เข้าสู่ วงการสีกากี ด้วยการเป็นนักเรียนพลตำรวจนครบาล รุ่น 61 จากนั้นก็คว้าปริญญาตรีรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง สอบขึ้นชั้นสัญญาบัตรสายงานป้องกันปราบปราม เมื่อปี 2540 เริ่มรับราชการเป็น รอง สวป.สน.หนองค้างพลู รอง สว.จร.สน.พระราชวังสว.ประจำสำนักงาน ผช.ผบ.ตร. สวป.สน.ท่าข้าม และขึ้นเป็น รอง ผกก.ป.สน.นางเลิ้ง

พ.ต.ท.ธนเดช บอกว่า งาน ป.สน.ท่าข้าม กับ สน.นางเลิ้ง ต่างกัน สุดขั้ว ที่ท่าข้ามต้องดูแลพื้นที่กว่า46 ตร.กม. ประชากรมากกว่าหลายเท่า มีโรงงานห้างสรรพสินค้า ชุมชนหลายแห่ง ขณะที่นางเลิ้ง เรื่องการปราบปรามไม่ค่อยมี คดีน้อย สถานการณ์จึงไม่น่าเป็นห่วงดูแลพื้นที่เพียง 2.7 ตร.กม.มีชุมชน 12 แห่ง สิ่งที่ต้องเน้นกลับเป็นเรื่องการป้องกันสถานที่ราชการ เช่น ทำเนียบรัฐบาล กระทรวงต่างๆ ยูเอ็น ฯลฯ

“แต่เรื่องที่ให้ความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งคือการถวายอารักขารักษาความปลอดภัยพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์ ภูมิใจมากๆ เป็นความโชคดีของตำรวจนางเลิ้ง เป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด เรามีโอกาสได้มาทำหน้าที่นี้ เชื่อว่าตำรวจต่างจังหวัดอยากมีโอกาสอย่างเรา”

ส่วนอีกความภาคภูมิใจ คือเมื่อครั้งเป็น สวป.สน.ท่าข้าม ตั้งแต่ปี 2552 ได้สร้างอาสาสมัครตำรวจบ้านจากเดิม 20-30 คน เพิ่มเป็นกว่า 120 คน โดยดึงชาวบ้านในพื้นที่เข้ามาฝึกอบรมให้ความรู้ และได้ผลเป็นที่น่าพอใจอย่างเมื่อก่อนหน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังในพื้นที่ย่านถนนพระราม 2 มีเหตุวิ่งราวทรัพย์ทุกคืน พออาสาสมัครฯ ของเราไปดูแลความเรียบร้อย แต่งเครื่องแบบให้รู้ว่ามีเจ้าหน้าที่อยู่ เหตุอาชญากรรมตรงนี้ไม่เกิดขึ้นเลย รวมถึงจุดเสี่ยงต่างๆ ตามตรอกซอกซอยในชุมชน ลดปัญหาอาชญากรรมได้เยอะมาก

ตลอดระยะเวลา 8 ปี ยังได้มีส่วนร่วมก่อสร้างห้องประชุม สน.ท่าข้าม โดยไม่ต้องใช้งบประมาณของทางราชการ 4 ล้านกว่าบาท จากเมื่อก่อนต้องนั่งประชุมกับพื้นห้องสายตรวจ ได้ภาคประชาชนช่วยหาทุนบันดาลให้เป็นห้องประชุมที่สวยงาม ทันสมัย จึงนับเป็นอีกความภาคภูมิใจ

“อยู่ที่ สน.ท่าข้าม ทำไมต้องมาเหนื่อยขนาดนี้ทำไมต้องรับผิดชอบเยอะ ก็เพราะคิดว่าเรายิ่งทำ เราก็ยิ่งได้ประสบการณ์ พอใจมากที่ได้รับความร่วมมือจากพี่น้องประชาชน ทุกวันนี้อาสาสมัครที่นั้น ยังมีความผูกพันกับผม ส่วนที่ สน.นางเลิ้ง กำลังจะรื้อฟื้นเพราะเดิมมีอาสาสมัครแต่ขาดความต่อเนื่อง ยังมีชุมชนที่รถเข้าไม่ถึง ตรงนี้เขาก็จะเป็นตัวแทนตำรวจ ดูแลในชุมชนเบื้องต้นอยากจะได้สัก 30-40 คน”

ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจกับรางวัลต่างๆ มามากมายอาทิ รางวัลชุดปฏิบัติการตำรวจชุมชนสัมพันธ์ ดีเด่นอันดับ 1 บช.น. ปี 2558, รางวัลการปฏิบัติตามนโยบายพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว อดีตผบ.ตร. อันดับ 1 จาก 88 สน., รางวัลเกียรติยศตำรวจไทย สาขาชุมชนสัมพันธ์ ปี 2557-2558, รางวัลการจับกุมยาเสพติด สน.ท่าข้าม ปี 2559, และรางวัลชุมชนดีเด่น บช.น. 2558-2560

จนช่วงที่ย้ายมาอยู่ สน.นางเลิ้ง ช่วงแรกๆ ก็ต้องปรับตัวเพราะเข้าใจวัฒนธรรมหน่วยงาน ซึ่งแต่ละที่ไม่เหมือนกัน ไม่ใช่มาแล้วจะเปลี่ยนทุกอย่าง คงต้องดูว่าเขาเคยทำกันมาอย่างไร อะไรดีอยู่แล้ว อะไรควรปรับแก้เพื่อให้ดีขึ้น เราต้องเรียนรู้พวกเขา ซึ่งก็ถือว่าโชคดีที่ได้รับความร่วมมือดี ช่วงแรกได้จัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ ตำรวจก็ช่วยกันทำความสะอาดโรงพัก เราสร้างการทำงานเป็นทีมแล้วตำรวจเราจะรักกัน

รองฯ หนุ่ย ฝากถึงตำรวจสาย ป.ว่า ตนกลับไปบ้านก็คือประชาชนคนหนึ่ง ตำรวจที่ดีต้องเป็นกันเองกับประชาชน แล้วเขาจะไว้เนื้อเชื่อใจเราเอง ไม่จำเป็นว่าตำรวจสาย ป. ต้องเคร่งขรึมตลอดเวลา เชื่อว่าถ้าคุยกับประชาชนดีๆ เขาก็อยากจะคุยกับเรา แล้วเขาก็จะพูดว่าไม่เคยเจอตำรวจแบบนี้เลย

“เราต้องสร้างมวลชน เรื่องการลงชุมชน ผมก็จะมาขับเคลื่อน ที่นี่ต่อ” พ.ต.ท.ธนเดช กล่าวทิ้งท้าย

ทีมข่าวอาชญากรรม