ในช่วงชีวิตราชการของตำรวจนายหนึ่งที่ได้ทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนให้สมกับเงินภาษีที่อุดหนุนหล่อเลี้ยงชีวิตมากว่า 40 ปี นั้น ผู้ที่จะผ่านพ้นก้าวมาถึงจุดนี้ได้ย่อมไม่ธรรมดา ประสบการณ์และชั่วโมงบินที่สะสมมาตลอดชีวิตต่างล้วนเป็นประโยชน์ต่อรุ่นน้องนายตำรวจ รวมทั้งยังเป็นเรื่องราวที่มีเกร็ดน่าสนใจมากมาย อย่างเช่น นายตำรวจรุ่นเก๋าแห่งหน่วยงานที่พึ่งสุดท้ายนายนี้ ร.ต.ท.สำเริง ใจแสน รองสารวัตร กองกำกับการฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการปราบปราม (รอง สว.กก.ฝอ.บก.ป.)
เรามาทำความรู้จักกับผู้หมวดผู้กำลังเป็นตำนานอีกนายหนึ่งแห่งกองบังคับการปราบปราม กันเลย ร.ต.ท.สำเริง เป็นชาว อ.หันคา จ.ชัยนาท โดยพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ครอบครัวมีอาชีพทำนาข้าว เข้าเรียนระดับชั้นประถมที่โรงเรียนวัดวิกิตรรังสรรค์ ต.วังไก่เถื่อน อ.หันคา และโรงเรียนสรชัยศึกษา ก่อนต่อศึกษาผู้ใหญ่ ระดับ มศ.4-5 ที่โรงเรียนชลกันยานุกูล ที่ จ.ชลบุรี เรียนหลังรับราชการตำรวจแล้ว
ร.ต.ท.สำเริง เล่าย้อนความหลังว่า ช่วงที่จบชั้น มศ.3 ได้ลองไปสมัครสอบเข้าอบรมเป็นตำรวจที่ โรงเรียนตำรวจภูธรภาค 6 เพราะตอนนั้นต้องช่วยเหลือครอบครัว และใจก็อยากเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ได้ทำงานสืบสวนปราบปราม จับโจรผู้ร้าย หลังจากอบรมเป็นเวลา 6 เดือน จึงได้เริ่มเข้ารับราชการครั้งแรกในตำแหน่งพลสำรองพิเศษ ที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2518 ก่อนจะย้ายไปสังกัดกองบังคับการตำรวจภูธรภาค 2 ซึ่งปัจจุบันมีการปรับโครงสร้าง แบ่งพื้นที่ใหม่เป็นกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3
ผู้หมวดรุ่นใหญ่ เล่าต่อว่า ระหว่างที่อยู่ สภ.แสนสุข ได้ทำงานสืบสวนปราบปรามร่วมกับนายตำรวจ และเพื่อนตำรวจชั้นประทวนที่เป็นมือปราบหลายนาย ซึ่งก็ตรงกับความตั้งใจ ยิ่งช่วงนั้นยังหนุ่มฉกรรจ์จึงบู๊ล้างผลาญ แต่ก็มีเหตุปะทะครั้งหนึ่งที่จดจำได้ดี เพราะเกือบเอาชีวิตไม่รอดเหมือนกัน ตอนนั้นประมาณปี 2521-2522 ได้ออกล่าโจรเรียกค่าไถ่ ไปกับ จ.ส.ต.ปาน งามสม ผบ.หมู่ สภ.แสนสุข เพื่อนตำรวจรุ่นพี่ ไล่ตามคนร้ายไปจนถึงพื้นที่ อ.วังน้ำเย็น จ.สระแก้ว ด้วยความที่คนร้ายมีอาวุธสงคราม ประกอบกับเราไม่ชำนาญพื้นที่ จึงเกือบพลาดท่า
“ผมจำได้ว่าจ่าปาน ซึ่งปัจจุบันท่านก็เสียชีวิตไปแล้ว ได้อาศัยความชำนาญและยุทธวิธีตำรวจรุ่นเก่า ที่ฝึกฝนทบทวนกันมาเป็นอย่างดี จนสามารถเอาตัวรอดมาได้ ก่อนจะมีการเรียกกำลังเสริม ซึ่งที่สุดแล้วคดีนี้คนร้าย 3 ราย ถูกวิสามัญฆาตกรรมไป 1 ราย ถูกจับกุม 1 ราย และหนีรอดไปได้อีก 1 ราย ถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญทำให้เรามีสติ ไม่ตกอยู่ในความประมาททุกครั้งที่ออกทำงาน” ร.ต.ท.สำเริง กล่าว
ร.ต.ท.สำเริงกล่าวอีกว่า หลังจากประสบการณ์เฉียดตาย ก็ได้ย้ายมาอยู่ที่กองบังคับการตำรวจภูธรภาค 2 หรือกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 ในปัจจุบัน จากนั้นจึงย้ายมาสังกัด กก.2 บก.ป.นับตั้งแต่ปี 2536 จนถึงทุกวันนี้เป็นเวลากว่า 22 ปีแล้ว เหลืออายุราชการเพียงเดือนเศษก็จะเกษียณ อำลาชีวิตราชการ ถอดเครื่องแบบและหัวโขน ไปเป็นชาวสวนชาวไร่ที่บ้านเกิด จ.ชัยนาท ซึ่งตนก็วางแผนชีวิตหลังจากนี้ไว้แล้ว
สำหรับประสบการณ์ในช่วงที่อยู่ที่กองบังคับการปราบปราม นั้น ได้ทำงานหลายหน้างานช่วงแรกจะเป็นงานปราบปราม มีคดีดังอย่างคดีเพชรซาอุฯ งานด้านอำนวยการ ก่อนจะขอมารับหน้าที่สิบเวรประจำห้องขัง บก.ป.เพราะอายุมาก ออกไปบู๊ไม่ไหวแล้ว จนมาเกิดเรื่องห้องขังอาถรรพ์ ในเวลาต่อมา
ร.ต.ท.สำเริงถ่ายทอดเรื่องราวห้องขังภายในอาคารที่ทำการเก่า ว่า ต้นเรื่องเกิดจากกรณีที่ตำรวจ บก.ปดส.หรือ บก.ปคม.ในขณะนี้ ได้จับกุมผู้ต้องหาข่มขืนหลานตัวเอง มาฝากควบคุมตัวไว้ที่ห้องขัง บก.ป.เนื่องจากเวลานั้น บก.ปดส.ยังไม่มีห้องขัง แต่ผู้ต้องหาเกิดอาการเครียดผูกคอฆ่าตัวตายหนีความผิด แม้จะมีการเฝ้าระวังติดตามอาการของผู้ต้องหากันเป็นอย่างดีแล้ว ซึ่งตอนนั้นสิบเวรประจำห้องขังเป็นเพื่อนตำรวจรุ่นพี่ ที่เข้าเวรอยู่ ประสบเหตุจึงแจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมาก็เป็นข่าวใหญ่ว่าวิญญาณของผู้ต้องหารายนี้ซึ่งสวมใส่เสื้อสีแดง ยังวนเวียนอยู่ที่ห้องขัง และจะปรากฏตัวให้ผู้ต้องหาที่ถูกควบคุมที่ห้องขัง บก.ป.ได้พบเห็นหลายครั้ง จนเป็นที่กล่าวขานถึงอาถรรพ์และความเฮี้ยน แต่ตนก็ไม่เคยพบกับตัวเองแม้แต่ครั้งเดียว แม้ลึกๆ จะไม่ค่อยเชื่อแต่ก็ไม่ลบหลู่ ซึ่งหากเขามาหาจริงๆ ก็คงจะบอกให้ไปผุดไปเกิด ดีกว่าวนเวียนอยู่อย่างนี้ ที่ผ่านมาหลายยุคสมัยมีการทำบุญปัดรังควานก่อนย้ายที่ทำการ เรื่องราวเล่าขานนี้ก็ซาลงไป
ร.ต.ท.สำเริงฝากถึงตำรวจรุ่นน้องที่ต้องเข้ามาทำงานสานต่อ ว่าขอให้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต มีคติประจำใจ ต้องตรงไปตรงมาในการทำงาน เป็นตำรวจอาชีพเพราะชีวิตราชการกว่าจะก้าวมาถึงจุดที่เราต้องถอดเครื่องแบบอำลาตำแหน่งนั้นใช้เวลาหลายสิบปี หากเราวอกแวกไปกับสิ่งยั่วยุต่างๆ จะทำให้ไขว้เขว ตนยังอยากเห็นน้องๆ ได้ก้าวพ้นความตำรวจด้วยความภาคภูมิใจ เดินออกไปอย่างสง่างาม
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี