“ภาระหน้าที่ความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่มีวันหยุดและอยู่ในตัวเราตลอดเวลา” เป็นคำกล่าวของ พ.ต.ท.จอม สิงห์น้อย ผู้ช่วยนายเวร พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. อีกนายตำรวจน้ำดี มือปราบ ที่เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญของ “บิ๊กปู” พล.ต.อ.ศรีวราห์ บนถนนสีกากี ขอแนะนำให้ทำความรู้จักกับผู้ช่วยนายเวรรายนี้กันเลย พ.ต.ท.จอม พื้นเพเป็นชาวฝั่งธนฯ เป็นเด็กวัดบางขุนนนท์ บางกอกน้อย ชีวิตในวัยเยาว์เคยติดภาพตำรวจที่ใช้กำลัง ใช้ความรุนแรง จับกุมรุ่นพี่เด็กวัดด้วยกัน ภาพยังฝังใจ แต่โตมากลับคิดใหม่ รู้ว่านั่นเป็นหน้าที่และที่สำคัญคือ การผดุงความยุติธรรมและความสงบเรียบร้อยของสังคม

หลังจากจบชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส ชีวิตหักเหมาสวมเครื่องแบบสีกากี ทั้งที่เคยรู้สึกไม่ชอบในภาพลักษณ์เดิมก่อนหน้านี้ นับจากวันที่ตัดสินใจไปสอบเข้าโรงเรียนพลตำรวจนครบาล โดยต้องทดสอบสมรรถภาพ แต่ก็ผ่านฉลุยได้เป็นอันดับ 1 ด้วยความที่ชอบออกกำลังกายสม่ำเสมออยู่แล้ว ได้ศึกษาโรงเรียนพลตำรวจนครบาล รุ่น 61 ระหว่างนั้นก็เป็นนักกีฬาฟุตบอล ยิงปืน ก่อนเริ่มปฏิบัติหน้าที่ที่ สน.ดับเพลิงบางอ้อ (ขณะนั้นตำรวจดับเพลิงยังขึ้นกับกองบัญชาการตำรวจนครบาล) ด้วยเพราะรักความก้าวหน้า มีความมุ่งมั่น และรู้ตัวดีว่าไม่ได้เก่งกล้า จึงขยันเป็นสองเท่า จนสามารถสอบเข้าศึกษาที่โรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน จบมาเป็น นรต.รุ่น 48

จากนั้นชีวิตราชการก็เปลี่ยน โดยเริ่มบรรจุแต่งตั้งเป็น รอง สว.สส.สภ.เมืองสตูล ช่วงนั้นได้ทำคดีมากมาย เพราะเราผูกมิตรกับชาวบ้าน แม้เราเป็นคนกรุงเทพฯ แต่รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายกับคนภาคใต้ ก็รับคดีร้องทุกข์จนงานล้นมือ แต่ด้วยความที่ต้องการบำบัดความทุกข์ร้อนของชาวบ้านจึงเดินหน้าสะสางคดี ฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนาม คลี่คลายคดีได้หลายคดี จนได้รับคัดเลือกให้เป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่นของ จ.สตูล และรางวัลจากการปฏิบัติหน้าที่อื่นๆ เป็นกำลังใจและเป็นความภูมิใจเล็กๆ ส่วนตัว

หน้าที่การงานถือว่าทำเต็มที่ในขอบเขตความรับผิดชอบทุกตำแหน่ง จนเมื่อปี 2547 ย้ายมาสังกัดกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) หน่วยงานที่มีความศรัทธา ว่าเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประชาชน เคยตั้งใจว่าครั้งหนึ่งในชีวิตราชการจะขอมาสังกัดที่นี่ให้ได้สักครั้ง เมื่อความฝันเป็นจริงได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาเลยไม่พลาดร่วมทำคดีสำคัญๆ มากมายหลายคดีต่อเนื่อง หนึ่งคดีที่ทำสำเร็จ ถือเป็นหนึ่งบทเรียนของงานตำรวจที่เป็นประสบการณ์ล้ำค่าหาซื้อไม่ได้ เพราะไม่มีใครแต่งตำราขายในร้านหนังสือ

ช่วงนั้นยังได้รับโอกาสเข้าศึกษาอบรมหลายหลักสูตรซึ่งล้วนช่วยให้ได้รับความรู้ใหม่ๆ เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติหน้าที่ และได้ถ่ายทอด เหมือนส่งต่อความรู้ให้กับรุ่นน้องๆ ต่อไป

ส่วนประสบการณ์ในคดีความมั่นคงช่วงที่มีการชุมนุมทางการเมืองต่อเนื่องนั้น นับว่าเป็นประสบการณ์ที่มีค่าเพราะได้ร่วมคลี่คลายคดีการชุมนุมทางการเมืองที่มีการใช้อาวุธสงคราม และวัตถุระเบิดซึ่งประสงค์ต่อชีวิตและทรัพย์สิน ร่วมวิเคราะห์ข้อมูลทางคดี จัดทำแผนภูมิแสดงความสัมพันธ์เชื่อมโยงของกลุ่มผู้กระทำความผิดและเครือข่าย ซึ่งเป็นหัวใจในการแสดงพยานหลักฐานเพื่อให้ศาลเชื่อในสิ่งที่รวบรวมมา และเพื่อให้พิจารณาลงโทษผู้กระทำความผิด

พ.ต.ท.จอม มีแนวคิดในการปฏิบัติหน้าที่ของตนคือทำตัวเป็นคน “ปากจู๋” คือ พูดให้น้อย ปฏิบัติให้มาก ต้องทำตัวเป็นคน “หูกาง” คือ เป็นคนที่รับฟังข้อมูลทั่วทุกสารทิศ เพื่อนำมาคัดกรอง วิเคราะห์ และวางแผนในการทำงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งต่อตนเองและหน่วยงาน ต้องทำตัวเป็นคน “ตาโต” คือ เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองไปถึงอนาคต มีแผนงานเป็นเข็มทิศการปฏิบัติหน้าที่เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และต้องทำตัวเป็นคน “โง่เป็น” คือ มีกุศโลบายในการปฏิบัติงานร่วมกับผู้อื่น ไม่ติดยึดกับอดีต หรืออนาคต แต่อยู่กับปัจจุบัน เรื่องที่เรารู้บางครั้งอาจไม่จำเป็นต้องพูดให้ผู้อื่นฟัง

“ปรัชญาการดำเนินชีวิตของผมนั้นจะน้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรมาประยุกต์ใช้กับครอบครัว โดยเฉพาะการจัดทำบัญชีครัวเรือนแสดงให้เห็นที่มาของรายได้และรายจ่ายส่วนคติที่ยึดมั่นในใจตลอดมา คือ ต้องเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว และต้องไม่เบียดเบียนผู้อื่น เป็นตำรวจต้องช่วยเหลือประชาชนที่ทุกข์ร้อน”

พ.ต.ท.จอม กล่าวอีกว่า ในส่วนของงานอดิเรกก็ชอบอ่านหนังสือทุกประเภท เพราะมองว่าเป็นการเพิ่มมุมมองให้ชีวิต และสามารถนำเกร็ดความรู้มาประยุกต์ใช้กับการทำงานได้ นอกนั้นหากมีเวลาก็ชอบเล่นกีฬาฟุตบอล วิ่ง และช่วงหลัง เมื่อเริ่มอายุมากขึ้นก็หันมาตีกอล์ฟ ซึ่งก็สนุกสนานและได้สังคม ได้รู้จักกับผู้คนในแวดวงต่างๆ ที่ล้วนเป็นประโยชน์กับการทำงานทั้งสิ้น

ทีมข่าวอาชญากรรม