เด็กบ้านนอกลูกชายเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ชาว จ.สุพรรณบุรี ผู้หนึ่งที่เดินเล่นอยู่ในเรือนจำสุพรรณบุรี ได้เห็นการทำงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ประสานงานส่งตัวผู้ต้องหาเข้าห้องขัง เกิดซึมซับการทำงานของชุดสืบสวน จึงใฝ่ฝันอยากเป็น นักสืบ นอกเครื่องแบบ ตัดสินใจเข้าสอบนายร้อยตำรวจ นรต.รุ่น 45 ออกมาทำงานที่กองร้อย ตชด.144 เผชิญกับผู้มีอิทธิพลแต่ก็ไม่กลัว หน้าอินทร์
หน้าพรหม ใดๆ ทั้งนั้น
ทำให้ชื่อของ พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. วัย 49 ปี เป็นโลโก้ในฐานะยอดนักสืบ ผู้ไม่เคยเกรงกลัวอิทธิพล และไม่ยอมให้เงามืดมาครอบงำ ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว การทำงานของ รองเต่า กลายเป็นที่จดจำเป็นแบบอย่างแก่ ตำรวจกองปราบฯ ทำงานชนิดเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย โลดโผนมาทั้งชีวิต การทำงานจึงบังคับให้ต้อง ดุดัน มิเช่นนั้นคงสยบเจ้าพ่อตามเมืองต่างๆ ทั่วประเทศไม่ได้
“นายชาดา ไทยเศรษฐ์ อดีต สส.อุทัยธานีทุกครั้งที่ตำรวจไปตรวจค้น ไม่ว่าท้องที่หรือกองปราบฯ ไม่เคยจับได้สักที ตำรวจกองปราบฯมีการระดมพล ใช้ยุทธการที่รวดเร็วสามารถจับกุม ดำเนินคดีข้อหาพกอาวุธสงคราม หรือแม้มือปืนป๊อปคอร์น ในยุคที่ไม่มีใครกล้าจับ กปปส. ผมคิดว่าเราเป็นตำรวจ ถ้าไม่กล้าจับคนกระทำความผิด ก็อย่าอยู่เลย อยู่ก็อยู่อย่างมีศักดิ์ศรี” อดีต ผกก.สส.บก.น.2 กล่าว
รองเต่า เล่าตอนอยู่ ตชด.144 จ.เพชรบุรี ว่า เป็นกองร้อยที่เงียบและใกล้ กทม.มากที่สุด ไม่มีผลการปฏิบัติงานอยู่กันแบบเรียบง่าย เราไปเห็นตำรวจดูเผินๆ เหมือนชาวบ้าน ไม่ออกไปทำงาน ไม่สืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด ทั้งที่เห็นว่ามีพวกลักลอบตัดไม้ทำลายป่า บุกรุกป่าและมีเรื่องยาเสพติด จุดเริ่มต้นที่นี้คือเราไม่ย่อท้อ พาลูกน้องออกไปจับกุมคดีต่างๆ ทำให้กองร้อยมีผลงานมากที่สุดใน บช.ตชด.
“เหมือนไปสร้างแรงบันดาลใจ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีให้กับกองร้อย ไม่ว่าในพื้นที่จะมีอิทธิพล นามสกุลยิ่งใหญ่ที่เขาไม่กล้าจับกัน คงไม่ต้องพูดนามสกุลอะไรดังๆ ผมจับหมด จับจนมีคำเตือนต้องระวังตัว จากป่าที่สมบูรณ์กลายเป็นป่าโทรม เอาเสาปูนกั้นออกเป็น ส.ป.ก.4-01 ผมเจอทั้งในเครื่องแบบ นอกเครื่องแบบ นักการเมือง คิดว่าเราอยู่ ตชด. มันก็สุดๆ แล้ว ถ้าจะโดนย้ายก็คงไม่กลัว”
ตนมากองปราบฯช่วงแรกอยู่ศูนย์ยาเสพติด ศูนย์โจรกรรมรถ แล้วช่วยงานอาชญากรรม เราเป็นมดงานที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง ไม่ค่อยได้ออกมาโชว์อะไรมากมาย จะอยู่ ตชด.หรือที่ไหนมาก่อนถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจทำงานผู้บังคับบัญชาเห็นก็ใช้เราอยู่แล้ว ตนถือคติ ทำไม่ได้ไม่มี นายสั่งต้องทำได้ทุกเรื่อง เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน กองปราบต้องเป็น ที่พึ่งสุดท้าย อย่าไปเกรงกลัวอิทธิพล
ระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา กองปราบฯพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นยุคที่กำลังสร้างชื่อเสียงให้กลับคืนมาเหมือนเมื่อก่อน เราพยายามปรับปรุงทีมงานโดยเฉพาะ สว.-รอง ผกก. มีการพูดคุยกันระหว่างผู้บังคับบัญชาว่า ให้หาคนที่มีฝีไม้ลายมือ มีจิตใจที่อยากจะทำงานจริงๆ เอาเข้ามาอยู่ในชุดเพื่อปรับทีมงานให้แข็งแกร่งขึ้น เมื่อได้ตัวบุคคลที่เหมาะสมกับงาน องค์กรก็จะเริ่มขับเคลื่อนไปได้ดี
“เราเป็นแบบอย่างให้กองปราบฯ ยุคนี้ต้องไม่มีเจ้าพ่อ ผบช.ก.พูดแล้วว่าถ้ามีที่ไหน ให้ไปดำเนินการจัดการ คุณต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ต้องหยุด ถ้าไม่หยุดเราจะมาเยี่ยมคุณใหม่ การถูกโยกย้ายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ยี่ห้อของผมไม่กลัวการถูกโยกย้าย แต่ขอให้เราทำหน้าที่สมกับเป็น ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์”
พ.ต.อ.จรูญเกียรติ บอกว่า อยู่กองปราบฯหลักของการทำงาน ต้องใช้พระเดชน้อยๆ พระคุณเยอะๆ จึงจะสร้างทีมงานที่แข็งแกร่งได้ เราจะต้อง ปลุกจิตสำนึก อุดมการณ์ ของความเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ นโยบายของผู้บังคับบัญชา คือพยายามฟื้นฟูหน่วยงานให้มีชื่อเสียง และเป็นที่ยอมรับของประชาชน สังเกตได้ว่ากองปราบฯยุคนี้ พยายามปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ เร่งทำงานจนดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
สไตล์ของตนคือ ความยุติธรรมไม่ต้องร้องขอ จะทำอย่างไรให้ตำรวจกองปราบฯ ต้องเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง ไม่ใช่มีป้ายว่าที่พึ่งสุดท้ายที่หมายพึ่ง ใครมาก็เดินก้มหน้าออกไปมันไม่ใช่ บางคดีตำรวจท้องที่ไม่สามารถทำได้ เพราะเจอผู้มีอิทธิพลเข้าไปก็ถอยกัน กราวรูด ฉะนั้นเราเป็นหน่วยสุดท้ายแล้ว ที่จะเข้าไปดำเนินการปราบปรามกลุ่มพวกนี้ ไม่อย่างนั้นประชาชนทั่วไปจะไม่มีที่พึ่ง
“ผมจะทำให้เป็นผลสำเร็จทุกงาน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน จะธำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม งานจะยากเย็นแสนเข็นขนาดไหน จะลำบากต้องลุยน้ำลุยไฟ ถ้ารับปากว่าทำก็คือต้องทำ”
รองผู้การ ป. กล่าวจุดยืนว่า สืบสวนเป็นงานที่เสี่ยง เคยบอกครอบครัวว่า ก้าวออกจากบ้าน วันหนึ่งเราอาจจะไม่ได้กลับไป เราต้องรับผิดชอบในหน้าที่ ให้รู้จักภาษีของประชาชน เจอภูเขาจะเดินอ้อมหรือมุดก็ต้องไป ให้ยึดมั่นในหน้าที่ไม่ต้องไปเกรงว่า ภายภาคหน้าเขาจะกลับมาเล่นงานเรา หรือทำให้ไม่เจริญในหน้าที่การงานตนเติบโตมาจากเนื้องานจริงๆ จึงไม่เคยเกรงกลัวต่ออิทธิพล เพราะใจรักในงานสืบสวน
ทีมข่าวอาชญากรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี