ในที่สุด “ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ก็นำพาตัวเองขึ้นสู่ทำเนียบ “ตัวตลกโลก” เป็นที่เรียบร้อย หลังปล่อยประเด็นใหญ่โตว่าจะแฉ “ทักษิณ ชินวัตร” เรื่องความไม่ซื่อสัตย์กับคนของตัวเอง และไม่จงรักภักดี ให้ร้ายพระมหากษัตริย์ ครั้นถึงเวลาจริงๆ กลับมีแต่ประเด็นผิวเผิน
โดยเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2568 “ฮุนเซน” ประธานวุฒิสภากัมพูชา ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊ก“Samdech Hun Sen of Cambodia” สรุปใจความสำคัญๆ ได้ว่า
1.เทปเสียงสนทนาระหว่างเขากับ “อุ๊งอิ๊งค์” เป็นเทปเสียงที่ “หลุดออกไป” เขาไม่ได้เป็นคนปล่อย ยืนยันว่า ทำการบันทึกเสียงไว้ก็เพราะเคยถูกหักหลังมาก่อน และตำหนิ “อุ๊งอิ๊งค์” ว่า การอ้างว่าเป็น “กลยุทธ์การเจรจา” นั้นเป็นการดูถูกกัน
วิเคราะห์ : ประเด็นนี้ เห็นความ “กระจอก” ของฮุนเซนชัดเจนมาก กล้าทำ ไม่กล้ารับ และย้อนกลับมาตำหนิในประเด็นเล็กๆ กลบเกลื่อนความเลวระยำของตนเอง
2.ฮุนเซน บอกว่า ทักษิณดูหมิ่นกองทัพและเบื้องสูงของไทย รวมถึงลูกของทักษิณ (หมายถึง แพทองธารชินวัตร) โจมตีเขาทางออนไลน์
วิเคราะห์ : ไม่มีอะไรใหม่ ไม่มีอะไรเป็นหลักฐาน และยังคง “กระจอก” เหมือนเดิม
3.ฮุนเซน โต้แย้งว่าการที่ไทยปิดพรมแดน อ้างเรื่องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้น เป็นข้ออ้างเพื่อรุกราน และยืนยันว่ากัมพูชาอดทนมานานแล้ว
วิเคราะห์ : เหมือนไม่มีอะไรจะพูด การปิดพรมแดนนั้น
กัมพูชาเป็นฝ่ายปิดก่อน หาเรื่อง กวนตีน มิได้ใช้ความอดทนใดๆ มิได้สนใจมิติด้าน “มนุษยธรรม” กลับเป็นฝ่ายไทยที่ทั้งกดดันและประนีประนอม ยอมให้คนผ่านด่านได้ สกัดไว้แต่พวกแก๊งมิจฉาชีพและผีพนัน คนไข้ นักเรียน ไทยยังเปิดด่านให้ผ่าน อำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ แน่นอน สิ่งนี้ ฮุนเซนย่อมไม่พูดให้ตนดูแย่
4.ฮุนเซน กล่าวว่า ไทยตัดอินเตอร์เนตแล้วมาขอโทษภายหลัง และมองว่าแม้แต่คนไทย ยังไม่ไว้วางใจผู้นำของตน
วิเคราะห์ : การไม่พูดความจริงว่า ทั้งอินเตอร์เนตและไฟฟ้า ฝ่ายกัมพูชาเป็นคนตัดเองทั้งสิ้น ยิ่งเห็นความไม่ตรงไปตรงมา โป้ปด บิดเบือน อันเป็น “สันดานชั่ว” ที่ชัดเจนมาก นี่จึงเป็นการทำโชว์ “จอมปลอม” ที่ฮุนเซน เมาโซเชียลเท่านั้น
5.ฮุนเซน ระบุว่า กัมพูชาถูกบีบให้หยุดซื้อเชื้อเพลิงจาก ปตท. ของไทย แต่เราก็มีแหล่งอื่นจาก เวียดนาม มาเลเซีย สิงคโปร์ คุณไม่สามารถข่มขู่กัมพูชาได้อีกต่อไป และพร้อมที่จะรับแรงงานกัมพูชาที่ทำงานในไทยกลับประเทศ เพราะกัมพูชามีความต้องการแรงงาน
วิเคราะห์ : น่าสงสารประชาชนกัมพูชาที่มีผู้นำ “ป่วย” ขนาดนี้ โป้ปด บิดเบือน เอาความรู้สึกส่วนตัวมาเล่นการเมือง จนประชาชนต้องลำบาก การจ้างงานในกัมพูชา รู้กันทั้งโลกว่า ค่าแรงต่ำเพียงใด เมื่อเทียบกับไทย และประชาชนส่วนใหญ่มิได้เต็มใจกลับ แต่กลัวการข่มขู่ว่าจะไม่ได้กลับ และพวกเขาล้วน “รู้เช่นเห็นชาติ” ฮุนเซน ดี การอ้างความต้องการแรงงานนี้ จะถูกพิสูจน์โดยตัวมันเองโดยไม่ต้องใช้เวลานานนัก
6.ฮุนเซน อ้างว่า แพทองธาร ชินวัตร เคยมาปรึกษาเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรีของไทยที่บ้านของเขา และพูดถึงปัญหาภายใน ทำให้ฮุนเซน ไม่บอกปัญหาภายในของกัมพูชาให้แพทองธารทราบ โดยมีการท้าให้สาบาน หากเรื่องที่พูดไม่จริง
วิเคราะห์ : การท้าสาบานเป็นความ “ล้าหลัง” ของคนระดับ “ผู้นำประเทศ” เห็น “ความไม่เจริญ” อย่างชัดเจนมาก ระดับการเมืองระหว่างประเทศ เขาต้องใช้ “หลักฐาน” และ “ความจริง” การใช้การสาบานเป็นเครื่องมือพิสูจน์ นับเป็นเรื่อง “ตลก” และ “ทุเรศ” สิ้นดี
7. ฮุนเซน เรียกร้องต่อศาลไทย ขอให้ปากคำในฐานะพยาน โดยยืนยันว่านายทักษิณ ไม่ได้ป่วยจริง แต่ “แกล้งป่วย” และ “สวมปลอกคอต่อหน้าสาธารณชน แล้วก็เอาออกทีหลัง” โดยกล่าวหาว่า ทักษิณ และทรยศเขา จึงต้องออกมาแฉ
วิเคราะห์ : กระจอก ชกสะเปะสะปะ ข้อมูล
ฝ่ายไทยมีทั้งพยานและหลักฐานที่สืบเสาะได้ ว่า ทักษิณป่วยแค่ไหน ไม่จำเป็นต้องใช้ “พยานที่เป็นคู่ขัดแย้ง” อย่างฮุนเซน ในกระบวนการยุติธรรมภายในของไทยเลย และฮุนเซนเปิดเปลือยอย่างชัดเจนว่า เขา “ผูกใจเจ็บ”ในฐานะ “เรื่องส่วนตัว”
8.เส้นทางหลบหนีของยิ่งลักษณ์ : ฮุนเซนตั้งคำถามว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้พรมแดนใดในการหลบหนีกัมพูชา ลาว หรือเมียนมา?
วิเคราะห์ : เก่า ผุ ทั้งสมองและข้อมูล เสียเวลาฟังเสียดายค่าอินเตอร์เนต
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการ กล่าวถึงการที่สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา แถลงโจมตี ว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องคิดและทำจากการแถลงของสมเด็จฮุนเซน คือ บุคคลดังกล่าวมีสถานะทางการเมืองเป็นประธานวุฒิสภา เป็นผู้นำประเทศ มีอิทธิพลทางการเมืองสูงสุดเหนือรัฐบาลของกัมพูชา จะบอกว่าเป็นคำกล่าวส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกัมพูชาไม่ได้ การแสดงเจตจำนงว่า อยากให้ประเทศไทยเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีและเชื่อว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะดีขึ้น หลังจากมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในประเทศ และผิดมารยาททางการทูตอย่างร้ายแรง
การกล่าวว่าตัวเองเคยช่วยเหลือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลบหนีคดีอาญาจากประเทศไทย ก่อนส่งต่อไปมาเลเซียและสิงคโปร์นั้น เป็นการร่วมกันทำผิด
กฎหมายไทย และการประกาศว่า กัมพูชามีอาวุธที่ยิงถึงกรุงเทพมหานคร แต่ไม่ทำนั้น ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ถือเป็นการแสดงการคุกคามประเทศไทยอย่างชัดเจน
แม้จะไม่มีส่วนใดของคำกล่าวที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมหมิ่นสถาบัน แต่การบอกว่ามีหลักฐานให้รัฐบาลไทยส่งคนมาขอได้
ถือเป็นการข่มขู่คนในตระกูลชินวัตร รวมทั้งนายกรัฐมนตรีไทย ว่า เขายังมีสิ่งที่พร้อมจะเปิดเผยให้เสียหายได้อีกรัฐบาลไทยไม่ควรนิ่งเฉย หรือมึน จนไม่กล้าตอบโต้ ประชาชนจะเข้าใจผิด ว่าการไม่ตอบโต้ใดๆ เป็นเพราะเกรงข้อมูลที่ยังไม่เปิดเผยอีกจำนวนมาก การเพิ่มมาตรการต่างๆ เพื่อตอบโต้และกดดันกัมพูชาเท่านั้น ที่จะทำให้ประชาชนเชื่อมั่นและไว้วางใจในรัฐบาลชุดนี้
ขณะที่ นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก “ทูตนอกแถว The Alternative Ambassador Returns” ระบุว่า...
เดินทางไปต่างประเทศหลายวันแต่ก็ติดตามข่าวที่ไทยตลอด อยากถามว่าใครสังเกตเห็นอะไรบ้างเรื่องข่าวความขัดแย้งไทย-กัมพูชาระยะหลังนี้?
ช่วงหลังมานี้ ไม่ว่าจะเรื่องปล่อยคลิปเสียงคุยกันทางโทรศัพท์ (ที่ไม่มีผู้นำที่มีมารยาทและศักดิ์ศรีประเทศไหนใครเขาทำกัน) การบอกว่าอีกสามเดือนนายกฯไทยจะเปลี่ยนตัวพูดโดยผู้นำอีกประเทศ และล่าสุดขู่จะออกมาแฉโน่นนี่เพิ่มเติมนั้น สังเกตว่า แทบไม่เอ่ยถึง หรือเกี่ยวอะไรกับเรื่องข้อพิพาทเขตแดนโดยตรงเลย
สิ่งนี้มันจึงชี้ว่า
1.แท้ที่จริงเรื่องเขตแดนไม่ใช่สาเหตุปัญหาหลักของความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
2.เป้าประสงค์ของผู้นำกัมพูชาจริงๆ จึงน่าจะอยู่ที่การบ่อนทำลายรัฐบาลปัจจุบันของไทย เพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล หรือที่เรียกว่า regime change มากกว่า (ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลใดของไทย ปัญหาเขตแดนระหว่างกันย่อมยังคงอยู่ตามเดิม)
3. และด้วยเหตุนี้ การมุ่งบ่อนทำลายรัฐบาลไทยปัจจุบันโดยฝ่ายกัมพูชาย่อมลบล้างข้อกล่าวหาของคนไทยบางคนที่ว่ารัฐบาลไทยไปเข้าข้าง หรือเป็นพวกเดียวกันกับรัฐบาลกัมพูชา โดยสิ้นเชิงตามตรรกะสามัญสำนึก เพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะไปร่วมมือกับคนที่จะมาทำลายเราเอง
ส่วนสาเหตุว่าทำไมเขาจึงอยากบ่อนทำลายรัฐบาลเราปัจจุบัน คำตอบส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่นโยบายการปราบปรามธุรกิจผิดกฎหมายทุกรูปแบบรอบบ้านเราที่สร้างเคราะห์กรรมให้คนไทยมากมาย อย่างจริงจังโดยรัฐบาลไทย ที่ไปทุบหม้อข้าวเขาโดยตรง รวมไปถึงนโยบายเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ที่รอบบ้านไม่อยากให้เกิด เพราะถ้าสำเร็จของเขาก็คงแข่งยาก
การกระทำหลายอย่างช่วงหลังของกัมพูชานั้น เท่ากับเป็นการแทรกแซงและบ่อนทำลายรัฐบาลไทย อันเป็นการแสดงถึงความเป็นปฏิปักษ์อย่างโจ่งแจ้ง ซึ่งเป็นการละเมิดหลักการพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รวมทั้งหลักการสำคัญของอาเซียนด้วย
ในเกือบหกทศวรรษของการก่อตั้งอาเซียน ไม่เคยปรากฏมีเหตุการณ์ที่ประเทศสมาชิกหนึ่งมุ่งบ่อนทำลายเสถียรภาพรัฐบาลของอีกประเทศสมาชิกอย่างโจ่งแจ้งเยี่ยงนี้มาก่อน การกระทำเช่นนี้จึงยังเท่ากับเป็นการบ่อนทำลายเสถียรภาพของอาเซียนโดยรวมอีกด้วย
ผมยังอยากบอกด้วยว่าในสถานการณ์เช่นนี้เราควรเสพข่าวอย่างมีสติรอบคอบ ไม่ตกเป็นเหยื่อของข่าวสารโดยง่ายเพราะอารมณ์ความรู้สึกโกรธเกลียดส่วนตัว
อันว่างูพิษนั้น ถ้ากัดถูกเราอาจถึงตายได้ แต่งูมันกัดเราได้แค่ยามเผลอ ลับหลัง เวลาที่เราไม่รู้ตัวเท่านั้น เมื่อก่อนบ้านผมอยู่ใกล้สวนเลยเคยตีงูเห่าตายบ่อย ตีง่ายครับ แค่มีไม้ยาวอันนึง จึงอยากบอกว่าถ้ามีสติไม่มีงูไหนมาทำร้ายเราได้หรอก แค่ต้องตั้งสติครับ
สรุป : การแถลงครั้งนี้ของ “ฮุนเซน” ตัวเขาเอง “ขาดทุน” และบอกถึง “ความกระจอก” ความเป็น “เรื่องส่วนตัว” มากกว่าจะมีผลทางการเมืองใดๆ ต่อประเทศไทย อุ๊งอิ๊งค์ก็ยังคงไม่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนกลุ่มที่เรียกร้องให้เธอรับผิดชอบด้วยการลาออกตามเดิม
ขณะที่การชี้แจงตอบโต้ของรัฐ ก็ยังคงเชื่องช้า เสมือนว่า คำพูดของ “ลุงข้างบ้าน” ครั้งนี้ เป็นเรื่อง
“ไร้สาระ” และไม่สะท้อน “ปัญญา” ถึงขั้นที่ประเทศไทยต้องให้ความสำคัญ!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี