หลังจากตกเป็นข่าวอยู่นานกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สอบสวนกรณีข้อกล่าวหาเรื่องนาฬิกาหรู 22 เรือน ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม สวมอยู่และเรื่องแหวน 12 วงที่มีอยู่ในครอบครองหลังจากใช้ระยะเวลาสอบข้อเท็จจริง ประมาณ 1 ปี เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้ง 9 คน ก็ได้มีการประชุมสืบค้นข้อมูลด้วยการตั้งคณะอนุกรรมการค้นหาข้อเท็จจริงหลังจากนั้นพลตำรวจเอกดร.วัชรพล ประสารราชกิจประธานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ก็ได้ขอถอนตัวไม่เข้าร่วมพิจารณา เนื่องจากข้อครหาที่ว่ามีความสนิทกับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 6 อายุ 72 ปี เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2488 เป็นบุตรชายของพลตรีประเสริฐ วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการกองพล ปตอ. กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ พลเรือเอกศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ ที่เสียชีวิตแล้วเป็นโค้ชฟุตบอล ชื่อเล่นว่าก๊อก อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมทีโอทีและพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ อดีตโค้ชฟุตบอลของสโมสรธนาคารกรุงไทย และพนักงานธนาคาร อดีตข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติคนที่ 2
และมีญาติเป็นชาวนครราชสีมาคือ จ่าสิบเอกประจิม วงษ์สุวรรณ อดีตนักวิ่งทีมชาติไทยซึ่งถึงแก่กรรมไปเมื่อปี 2542 ประจิมเป็นนักกรีฑารุ่นเก่ารุ่นนาวาอากาศเอกสุทธิ มัณยากาศ เคยวิ่งในระยะ 100, 200, 400 เมตร เป็นตัวแทนไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์สมัยที่เรียกว่า กีฬาแหลมทอง, เอเชี่ยนเกมส์และโอลิมปิก หลังจากนั้นได้ลาออกจากข้าราชการทหารบกไปทำงานเอกชน เมื่อเกิดสงครามอินโดจีนที่เวียดนาม, กัมพูชา และลาว ได้สมัครไปอยู่หน่วยทหารเสือพรานไปประจำการในลาว กลับจากลาวได้ดำเนินอาชีพนักประพันธ์ใช้ชื่อจริงเขียนเรื่องกรีฑาให้นิตยสารเครือสยามสปอร์ตและเขียนนวนิยายด้วยนามปากกาก้องหล้า สุรไกรและสยมภู ทศพล ในหนังสือพิมพ์รายวันไทยรัฐและนิตยสารต่างๆ เป็นระดับนักประพันธ์ชื่อดังปากกาทองได้ค่าเรื่องค่อนข้างมากจนป่วยถึงแก่กรรม
พล.อ.ประวิตร สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปี 2505 จากนั้นในปี 2508 ได้สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และศึกษาต่อ โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 สำเร็จการศึกษาในปี 2512 ในปี พ.ศ. 2521 เข้าศึกษา โรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 ปี 2556
“บิ๊กป้อม” หรือพลเอกประวิตรเป็นนายทหารเหล่าทหารราบรับราชการในตำแหน่งที่สำคัญ เช่น ผู้บังคับหมวดปืนเล็กกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 3 กองพลที่ 3 นครราชสีมา ผู้บังคับหมวดเครื่องยิงหนักกองร้อยเครื่องยิงหนักกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ชลบุรี ผู้บังคับกองร้อยอาวุธเบา กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ รองผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ ผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์
รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 แม่ทัพน้อยที่ 1 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบก ฝ่ายยุทธการ แม่ทัพภาคที่ 1ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารบก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม 2 สมัย และรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
พลเอกประวิตรเคยศึกษาในโรงเรียนเซนต์คาเบรียลเป็นโรงเรียนของนักบวชคณะซาเลเซี่ยนคริสต์ศาสนาสาขาโรมันคาทอลิกในไทยที่ตั้งสมัยรัชกาลที่ 6 มีสาขาเดียวกับอัสสัมชัญบางรัก, เซนต์หลุยส์, อัสสัมชัญศึกษา, อัสสัมชัญคอนแวนต์, คณะเซนต์ปอลเดอชาร์ตรสายเดียวกับซางตาครู้สคอนแวนต์, เซนต์โยเซฟคอนแวนต์ ฯลฯ เป็นที่ทราบกันว่านักเรียนโรงเรียนฝรั่งยุคก่อนจะรักใคร่สนิทสนมกันมากทั้งชายและหญิงจะเรียนห้องเดียวกันในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ไปจนถึงชั้นมัธยมศึกษา การที่เพื่อนที่มีฐานะร่ำรวยกว่าจะให้เพื่อนยืมของมีค่าเป็นเรื่องปกติ มีการให้ยืมทั้งนาฬิกา,แหวนเพชร,สร้อย,รถยนต์ หรือปืน
การที่พลเอกประวิตรเผยว่าเพื่อนสมัยเรียนเซนต์คาเบรียลคือนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ให้ยืมใส่จึงเป็นเรื่องธรรมดาของเพื่อนเก่าที่สนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กซึ่งนักเรียนโรงเรียนฝรั่งทำกันทั้งนั้นคนไทยสมัยนี้ไม่เข้าใจเพราะนี่คือเรื่องจริงสมัยโน้นเพื่อนรักกันมากตายแทนกันได้ทั้งหญิงและชาย การที่มติที่ประชุม ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติ 5 ต่อ 3 เห็นว่า พล.อ.ประวิตร ไม่ได้แสดงทรัพย์สินอันเป็นเท็จ เพราะพบเอกสารหลักฐาน 21 จาก 22 เรือน ว่า เป็นของนายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เป็นเจ้าของ ให้ตีตกเรื่องดังกล่าวไป เนื่องจากไม่มีมูลเพียงพอ
พล.อ.ประวิตร ยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่เพื่อนคนนี้มีนามว่าปัฐวาท สุขศรีวงศ์ หรือ เสี่ยคราม เพื่อนนักเรียนสมัยเรียนโรงเรียนเซนต์คาเบรียล เสี่ยครามไม่ได้มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับทหารแต่เป็นเจ้าของธุรกิจเครือคอม-ลิ้งค์ ซึ่งเป็นธุรกิจให้บริการวางระบบสื่อสารกับหน่วยงานภาครัฐ และมีเครือข่ายมูลค่าเป็นหมื่นล้านเสี่ยครามเสียชีวิตไปตั้งแต่กุมภาพันธ์ปี 2560 เสี่ยครามสะสมนาฬิกาหรูไว้เป็นร้อยๆ เรือนก็ให้เพื่อนยืมใส่ไม่ใช่เรื่องทุจริตอะไร
เมื่อเกิดเป็นข่าวบิ๊กป้อมก็ได้นำเอานาฬิกาทั้งหมดไปคืนให้ทายาทคือบุตรสาวของเสี่ยครามหมดแล้ว ดังนั้นการที่จะมีใครต่อใครไป “จองเวร” เอากับคณะกรรมการ ป.ป.ช. 5 คนอีกนั้น น่าจะเป็นการฟื้นฝอยหาตะเข็บเสียมากกว่าแพ้แล้วยังไม่รู้จักแพ้และไม่มีน้ำใจเป็นนักกีฬาเอาเสียเลย
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี