ขอน้อมถวายความอาลัยแด่พระเทพวิทยาคม หรือ “หลวงพ่อคูณ
ปริสุทโธ” และรำลึกถึงวันที่ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ และทีมงานได้กราบ
มนัสการหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ และได้มีโอกาสสัมภาษณ์ท่านในรายการคิดเป็น...ก้าวเป็น กับ “ดร.จีระ” ตอน : ศาสนากับการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งออกอากาศเมื่อวันพุธที่ 5 และวันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2551
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ตั้งสถาบันทรัพยากรมนุษย์ มาเกือบ 40 ปีแล้ว ทำให้ประเทศไทยสนใจเรื่องคนหรือการพัฒนาทุนมนุษย์มากขึ้น เพราะในอดีต เรื่องคนถูกมองเป็นแค่การบริหารบุคคลในองค์กร ไม่ได้มองว่าเป็นยุทธศาสตร์หรือวาระแห่งชาติ
ประกอบด้วยปัจจัยที่มีทรัพยากรธรรมชาติพอเพียงโดยแผนพัฒนาที่ 1-8 เน้นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ เช่น ป่าไม้ ที่ดิน เหมืองแร่ ซึ่งบัดนี้ไม่มีเหลือแล้ว
พอเริ่มขยายตัวเรื่องอุตสาหกรรม ก็เน้นเรื่องแรงงานราคาถูก เพื่อให้ต้นทุนอุตสาหกรรมต่ำเพื่อการแข่งขัน ไม่ใช่คิดพัฒนาคนหรือทุนมนุษย์ให้มีมาตรฐานที่สูงขึ้น ในอดีต การเมืองก็ไม่สนใจการพัฒนาคน เพราะเป็นสิ่งที่สร้างปัญหา ต้องใช้เวลานาน ดังสุภาษิตจีน...
ปลูกแตงกวา 3 เดือน
ปลูกมะม่วง 3 ปี
ปลูกมนุษย์ชั่วชีวิต
ปัญหาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เมืองไทยไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ต่อไปแล้ว เพราะคนแตกต่างจากทุนอื่นๆ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน ต้องสร้างคนให้มีจริยธรรมและเป็นมืออาชีพด้วย ปัจจุบัน เป็นการหาความรู้เพื่อทันกับความเปลี่ยนแปลงเร็วมากของโลกด้วย ไม่ว่าจะเป็น AI หรือ digital
เรื่องค่านิยมหรือเน้นความดี ตามแนวคิดของผมคือ การออกแบบทางทุนมนุษย์หรือ HR Architecture บทบาทของ
1.ครอบครัว
2.ศาสนา
3.สื่อ
เป็นตัวสร้างปัญหาให้กับทุนมนุษย์ในระยะยาว
เพราะช่วงวัยเด็กขาดการอบรมสั่งสอนให้เป็นคนดีในอดีต พ่อแม่จะทำได้ดี แต่ปัจจุบัน พ่อแม่ต้องทำมาหากิน ยิ่งคนต่างจังหวัด ต้องเข้ากรุงเทพฯ ก็ขาดความใกล้ชิดกับครอบครัว เมื่อมาพบกับสิ่งเร้าใจหลายอย่าง ทำให้ค่านิยมความดี ความซื่อสัตย์ต่างๆ หายไป ผมจึงขอขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์ที่อย่างน้อยได้เน้น
แก้จน
สร้างคน
สร้างชาติ
ซึ่ง ถ้าเน้นสร้างคนในระดับฐานราก หรือที่ผมเรียกว่าพลิกพีระมิด ก็ช่วยแก้จนได้อย่างมาก
พรรคใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทย ออกมาพูดเรื่องคนด้วยแต่ยังขาดรายละเอียด ต้องดูว่า จะเน้นแบบหาเสียงหรือความยั่งยืนระยะยาว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก หาเสียงแบบค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท ไม่เอาอีกแล้ว
ในด้านรัฐบาลของคุณประยุทธ์ที่ผมชอบคือ มีกองทุนการศึกษาเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ โดยดูว่า เด็กยากจนอยู่ที่ไหน เข้าไปให้ทุนและสร้างคุณภาพคนชนบทมากขึ้น โดยเฉพาะการศึกษาที่มีคุณภาพของเด็กยากจน
ในอดีต ความยากจนทำให้คนต่างจังหวัดต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน เสียดายคุณภาพของคนที่ขาดโอกาสในประเทศรัสเซีย คนที่เก่งด้านวิทยาศาสตร์ได้ทุนเรียนต่อในไทย ความยากจนคือการไม่มีโอกาสในการศึกษา
จากประสบการณ์ของผมที่ต่อเนื่องมา 40 ปี ผมคิดว่า พรรคการเมืองทุกพรรคน่าจะนำไปพิจารณาได้
คือ วัยเด็ก 0-8 ปี โดยเฉพาะในเรื่องโภชนาการ และวัยอื่นๆ ด้วย ทำให้มีคุณภาพ โดยเน้นวัยทำงาน 25-60 ปีต้องเพิ่มความรู้ และวัยสูงอายุให้มีงานทำและสุขภาพดี
สุดท้าย ผมฝากข้อคิดไว้
1.คนจะต้องเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ได้เน้นคนโดดๆ ไปเชื่อมนโยบายเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรมและระหว่างประเทศ
2.นโยบายแรงงานต่างด้าว พรรคการเมืองมีแนวนโยบายอย่างไรที่จะไม่สร้างปัญหาในอนาคต ดูเหมือนว่า พรรคการเมืองพูดเรื่องเหล่านี้น้อยไป
3.ต้องมองนโยบายคนจาก Macro ถึง Micro จากภาพใหญ่ถึงภาพเล็ก ให้เชื่อมกันให้ได้ เช่น กระจายอำนาจจากส่วนกลางมาท้องถิ่นเรื่องการศึกษา
4.การพัฒนาคนในอดีตจะได้รับงบจากสำนักงบประมาณไม่มาก เพราะสำนักงบประมาณยังไม่เข้าใจเรื่องการพัฒนาคน คิดว่า เป็นเรื่องที่สำคัญระดับท้ายๆ พอมีปัญหาก็ตัดเงินในการพัฒนาคน การดูแลคน ต้องมีคุณภาพ ไม่มีของถูกอีกต่อไป
ผมได้พูดคราวที่แล้วว่า นโยบายการพัฒนาคนในระดับรากหญ้าสำคัญ คือ ให้ปัญญาและเบ็ดตกปลา ผมได้ทำเรื่องการพัฒนาคนในระดับรากหญ้าอยู่เสมอ กระทรวงมหาดไทยก็ทำอยู่แต่ไม่ได้ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม คือไม่มีวิธีการนำความเป็นเลิศของชาวบ้านให้เห็น แล้วรัฐบาลจึงเติมช่องว่างลงไป
ภาครัฐมีงบมาก น่าจะจัดกิจกรรม ตัวชี้วัดจากจำนวนคนเข้าร่วมฟัง ถ้าเพิ่มร่วมแลกเปลี่ยน เรียนรู้ เพื่อทำงานอย่างต่อเนื่อง น่าจะช่วยได้มากกว่า
ผมอยากให้ท่านผู้อ่านได้ทราบว่า ที่สำคัญสุดคือ สร้างชุมชนการเรียนรู้ในระดับล่าง ให้ชาวบ้านได้แสดงความคิดเห็นว่าขาดอะไร
เราจึงเติมเข้าไปไม่ควรทำตัวแบบเพลงผู้ใหญ่ลี“ทางการเขาสั่งมาว่า” ต้องอดทนในการรับฟังความคิดเห็นและคำสั่งของทางราชการ การพัฒนาคนต้องไม่ทำโดยราชการฝ่ายเดียวโดยเฉพาะมหาดไทย
ไม่ใช่สร้างคนอย่างเดียว ต้องบริหารด้วยความเสมอภาค ซึ่งผมเรียกวิธีนี้ว่า HRDS
Happiness ความสุขร่วมกัน Respect การเคารพนับถือซึ่งกันและกัน Dignity ศักดิ์ศรีของคน Sustainability ความยั่งยืน
ในการพัฒนาคนต้องใช้การสร้างขวัญกำลังใจและสร้างแรงบันดาลใจ โดยใช้ความเสมอภาค นับถือและยกย่องคนจากภาคราชการ
ผมเรียกการพัฒนาสำเร็จอยู่ที่
n ต่อเนื่อง
n ชนะเล็กๆ
n สร้างมูลค่าเพิ่ม
n สร้างปัญญาไม่ใช่แจกเงิน
n และขออนุญาตประชาสัมพันธ์หลักสูตร “ศาสตร์พระราชากับการพัฒนาผู้นำยุค 4.0” ประจำปี 2562 ซึ่งจัดเป็นรุ่นที่ 3 เป็นหลักสูตรการเรียนรู้แบบเข้มข้น7 วัน รวม 42 ชั่วโมง และจะมีการศึกษาดูงาน “ดอยตุงโมเดล” ณ จังหวัดเชียงราย (3 วัน 2 คืน) เป็นการเจาะลึกศาสตร์พระราชาและนำสู่การปรับใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเชื่อมโยงไปสู่เป้าหมายของการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN Sustainable Development Goals) ด้วย เป็นหลักสูตรที่เหมาะกับผู้นำและผู้บริหารระดับกลางถึงระดับสูงของทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยากจะเชิญชวนนักการเมือง เพราะศาสตร์พระราชา ผู้นำ และการพัฒนาอย่างยั่งยืนเป็นทางรอดของประเทศไทยของเราครับ สำหรับท่านที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 0-2433-5414-5 ครับ
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี