ตำรวจเป็นอาชีพที่มีชีวิตต้นทุนทางสังคมต่ำ ในขณะที่ความคาดหวังของสังคมมีสูงมาก หลายคนเคยถามว่าจะมีตำรวจไว้ทำไม แต่ทุกวันนี้ตำรวจ นอกแถว มีน้อยมาก เพราะหลายองค์กรคอยตรวจสอบจับผิด จงคิดว่าวันที่อยากมาเป็นนายตำรวจได้ตั้ง ปณิธาน ไว้ว่าอย่างไร เมื่อมีโอกาสมาถือกฎหมายแล้วต้องทำอย่างไร ฉะนั้นแล้วให้ยึดระเบียบคำสั่งข้อกฎหมาย จารีตประเพณีและอุดมคติของตำรวจไทย

เป็นข้อเตือนสติแก่ลูกน้องชาวภูธรภาค 1 ของ พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 หรือ รองโอ๋ เพื่อต้องการให้ตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ด้านงาน สืบสวน เขาได้วางรากฐานพร้อมคุมหางเสือเรือกำหนดทิศทางสู่ความสำเร็จ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างมากมาย รับราชการทั่วทุกสารทิศบ่มเป็นประสบการณ์ และเป็นต้นแบบของตำรวจสืบสวน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1

ในวัยเด็กของ พล.ต.ต.ธนายุตม์ มีพ่อเป็นผู้ใหญ่บ้านยามลูกบ้านมีคดีความ มีหน้าที่ตัดสินเจรจาไกล่เกลี่ยให้ความเป็นธรรม หรือเกิดเหตุขึ้นภายในหมู่บ้านจะนำกำลัง คณะกรรมการหมู่บ้านและตำรวจเข้าจับกุม เกิดแรงบันดาลใจสวมเครื่องแบบ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เพราะสามารถช่วยเหลือประชาชนได้ จึงตัดสินใจเข้ารับราชการจบ นบ.รบ.รุ่น 15 ส่วนใหญ่ใช้ชีวิตนักสืบหลายกองบัญชาการ

“เป็นงานที่ท้าทายและปิดทองหลังพระ นอกจากเราได้ทำตามหน้าที่ครบถ้วนแล้ว ถือว่าได้ทำอาชีพที่มีความสุขและได้บุญอย่างยิ่ง เชื่อว่าประชาชนเขารอความหวังตรงนี้อยู่ บางคนพ่อแม่ถูกฆ่า รถถูกลัก บ้านถูกปล้นแต่จับคนร้ายไม่ได้ ความรู้สึกเขาคงขมขื่นไม่รู้จะพึ่งพาใคร”

เดอะโอ๋ กล่าวว่า ภูธรภาค 1 เป็นน้องนครบาลอาชญากรรมมีทั้งในเมือง กึ่งเมือง และนอกเมือง เขตวงรอบชั้นในประกอบด้วย จ.นนทบุรี จ.ปทุมธานี จ.สมุทรปราการ อาชญากรรมเยอะเนื่องจากความเจริญมีสูง เขตวงรอบชั้นกลาง จ.พระนครศรีอยุธยา จ.สระบุรี จ.ลพบุรี อาชญากรรมจะเป็นอีกรูปแบบสมัยก่อนจะมี ซุ้มมือปืน โดยเฉพาะ อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี และเขตวงรอบชั้นนอก จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท จ.อ่างทอง

ตนสั่งผู้ใต้บังคับบัญชาว่าทุกคดีต้องเต็มร้อย เรามีการบูรณาการ สืบสวนเชิงรุก และเพิ่มเติมองค์ความรู้แก่นักสืบภาค 1 สิ่งสำคัญต้องเป็นบุคคลที่มี Connection คลุกคลีทุกวงการตั้งแต่ผู้ร้ายยันเศรษฐี การทำงานแต่ละครั้งควรมีวิชาป้องกันตัว หรือวิชาการสืบสวน เนื่องจากนักสืบเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูง เราจะระมัดระวังทุกวันนี้คนร้ายไม่กลัวตำรวจ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าตนรักลูกน้องเสมือนลูก

ตนได้รับมอบหมายจาก ผบช.ภ.1 เป็นหัวหน้างานสืบสวนรับผิดชอบ 9 จังหวัด 134 สถานี มีการทำงานเป็นทีม คดีเกิดตนจะนั่ง Head แล้วมอบหมายตั้งแต่ บก.สส.ภ.1 กก.สส.จว. และ สส.โรงพัก โดยประชุมเร่งรัดติดตามตลอดหน้าที่นักสืบ คือ ไล่ล่าบุคคลตามหมายจับทั้งภาคพื้นดินและอากาศ ตนเน้นความถูกต้อง ชัดเจน แม่นยำ ไม่มีกลั่นแกล้ง ตรงไปตรงมา ถ้ากระทำผิดแล้วไม่ปล่อยให้ลอยนวล

“เราเป็นตำรวจมืออาชีพทำงานเชิงรุก เพื่อความผาสุกของประชาชน ผมบอกผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ต้องเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ถ้าหากประชาชนไม่มีที่พึ่งแล้ว มีคดีเกิดขึ้นป้องกันไม่ได้ไม่เป็นไร แต่จับกุมไม่ได้อีกเขาจะถามว่ามีตำรวจไว้ทำไม ผมจึงต้องตอบโจทย์สังคมว่า การป้องกันไม่ให้เหตุเกิดนั้นคือส่วนของงาน ปป. แต่งานสืบสวนเราต้องติดตามจับกุมให้ได้ อันนี้คือตอบโจทย์ว่ามีตำรวจไว้ทำไม”

รอง ผบช.ภ.1 ด้านสืบสวน กล่าวถึงลูกน้องว่า ในทุกหน่วยทุกสังคมมีทั้งคนดีและไม่ดี แน่นอนว่าเรามีบทลงโทษถ้าลูกน้องทำผิด แต่ก็ต้องให้ขวัญกำลังใจ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่เป็นสิ่งที่ลูกน้องทุกคนต้องการ ตนไม่เคยอยู่หลังลูกน้องจะยืนหน้าและข้างเสมอ ยืนหยัดในความถูกต้อง ชอบธรรม และมีความรับผิดชอบ สำหรับตนถอดใจให้เลยว่าชีวิตนักสืบ เราร่วมทุกข์ร่วมสุขพร้อมลุยไปด้วยกัน

ทุกคดีในภูธรภาค 1 สื่อมวลชน ประชาชน และผู้บังคับบัญชาให้ความสนใจ ตนไม่เคยกดดันผู้ใต้บังคับบัญชา นักสืบทุกคนมีอิสระในการให้ข้อมูล เพราะเขาเดินภาคพื้นดินและอากาศย่อมรู้ดี ตนยอมรับในความสำเร็จและล้มเหลว ปกครองด้วยความเป็นธรรมและเมตตาธรรม กลายมาเป็นจุดแข็งของนักสืบภาค 1 คือ อดทน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย จริงใจ เรียนรู้ กัดไม่ปล่อย ล่าไม่ถอย คอยไม่เลิก

นอกจากนี้ เรามีการระดมเปิดยุทธการ ปิดเมืองสยบโจรโค่นอิทธิพล ปิดล้อมตรวจค้นบุคคลที่มีหมายจับ รวมถึงช่วงเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึง เป็นตำรวจต้องมีศักดิ์ศรี อยู่พื้นที่ต้องเหนือนักเลง อย่าให้นักเลงมาเหนือเรา ถ้าสุจริตชนเราจะอ่อนน้อมถ่อมตน คนดีต้องอยู่เย็นเป็นสุข แต่ถ้าทุจริตชน ทรชน หรือคนชั่วต้องอยู่ร้อนนอนทุกข์ จงหาที่อยู่ที่เหมาะสมให้เขานั้นคือ…ในคุก

“ตำรวจยุคใหม่ต้องใส่ใจประชา ทุกหย่อมหญ้าต้องผาสุก ตราบใดประชาชนยังทุกข์ พวกเราจะอยู่สุขได้อย่างไร” เอราวัณ 2 ฝากถึงตำรวจภาค 1

ทีมข่าวอาชญากรรม