เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี 2562 ที่ผ่านมา “ที่นี่แนวหน้า” มีโอกาสไปร่วมสังเกตการณ์การหารือร่วมกันระหว่างฝ่ายประชาชนกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ณ สน.ศาลาแดง เขตทวีวัฒนา กรุงเทพมหานคร (กทม.) กรณีพื้นที่ “ถนนเลียบคลองทวีวัฒนา” ถูกห้ามไม่ให้
ยานพาหนะบรรทุกถังน้ำ รวมถึงบรรทุกคนเข้าไปเพื่อเล่นสาดน้ำในเทศกาลสงกรานต์ ขณะที่บนทางเท้าก็ถูกห้ามตั้งเต็นท์ ถังน้ำหรือเครื่องสูบน้ำ และห้ามขายสินค้าในช่วงสงกรานต์ มาตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งฝ่ายประชาชนนั้นไม่เห็นด้วย เนื่องจากบริเวณนั้นมีการเล่นสาดน้ำกันมาไม่ต่ำกว่า 20 ปี
บทสรุปในการหารือ..ฝ่ายประชาชนยังคงต้องอดเล่นสาดน้ำวันสงกรานต์ในพื้นที่ของตนเป็นปีที่ 3 เพราะแม้ตำรวจจะไม่ได้ห้ามเล่นสาดน้ำโดยตรง แต่ด้วย “ข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานครว่าด้วยการห้ามรถทุกชนิดหรือบางชนิดเดิน ห้ามหยุดหรือจอด กำหนดให้รถเดินได้ทางเดียว และกำหนดระเบียบการใช้ทาง ในถนนบางสาย ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2562” ซึ่งออกโดย กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) นั้นมีถนนเลียบคลองทวีวัฒนาอยู่ด้วย ตำรวจท้องที่จึงต้องทำตามหน้าที่ ไม่อาจผ่อนผันได้
เรื่องนี้ในมุมหนึ่ง “เข้าใจและเห็นใจเจ้าหน้าที่” เนื่องด้วย “ตำรวจท้องที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจหรืออนุญาตโดยตรง จึงไม่สามารถรับคำร้องขอของฝ่ายประชาชนไว้ได้” แม้ฝ่ายประชาชนจะมีการเตรียมแผนรับสมัครจิตอาสาในพื้นที่ร่วมดูแลการจราจรและความสงบเรียบร้อยกับฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐกันมาอย่างดีแล้วก็ตาม (ส่วนทางเขตทวีวัฒนานั้นไม่มีตัวแทนเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ฝ่ายประชาชนได้ประชาสัมพันธ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว)
แม้เทศกาลสงกรานต์จะผ่านพ้นไป แต่สำหรับประชาชนหลายพื้นที่ในกรุงเทพฯ เชื่อว่าหลายคนยัง “คาใจ” กับมาตรการ “ห้ามยานพาหนะบรรทุกถังน้ำและบรรทุกคนเพื่อการเล่นสงกรานต์” เข้าถนนสายต่างๆ ในระดับที่ “แทบจะทุกจุดของเมืองหลวง” เพราะเป็นที่ทราบกันว่า “สงกรานต์ท้ายรถกระบะอยู่คู่สังคมไทยมานาน” ดังนั้น แม้ไม่ห้ามเล่นสาดน้ำโดยตรง แต่การห้ามยานพาหนะบรรทุกถังน้ำก็ทำให้บรรยากาศดู “กร่อย” ไปโดยปริยาย
ที่ต้องเน้นว่า “เป็นเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ” เพราะหากย้อนไปเมื่อ 2 เม.ย. 2562 ที่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ระบุว่า “ตำรวจไม่ห้ามประชาชนเล่นน้ำสงกรานต์ท้ายรถกระบะ แต่ต้องดูความเหมาะสมไม่สุ่มเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ” จึงสรุปได้ว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในภาพรวมทั่วประเทศ ไม่ได้ห้ามประชาชนใช้รถกระบะเล่นสงกรานต์” เป็นเพียงมาตรการที่ออกโดย บช.น. อันเป็นหน่วยงานตำรวจที่มีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยในเมืองหลวงเท่านั้น
เรื่องนี้ได้รับการยืนยันโดยภาพจากสื่อมวลชนทุกแขนง เพราะ “ตลอด 3 วัน 13-15 เม.ย. 2562 ทั่วทั้งประเทศไทย ไม่ว่าเหนือ กลาง อีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ) ใต้ ภาคไหนๆ จังหวัดใดๆ ประชาชนก็ใช้รถกระบะออกมาเล่นสาดน้ำอย่างสนุกสนาน” จนเกิดคำประชดประชัน “สงสัย กทม. ไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จึงไม่ให้เล่นสงกรานต์ท้ายรถกระบะ” ประชาชนไม่น้อยใช้ช่องทางออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์มาตรการของ บช.น. ในเชิงไม่เห็นด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น “ยังมีความพยายามแจ้งพิกัดสถานที่ที่ทางการไม่ห้ามใช้ยานพาหนะบรรทุกน้ำเพื่อการเล่นสงกรานต์” ในหลายจุดที่อยู่นอกเขต กทม.“บางจุดแม้ไม่ปรากฏในฐานข้อมูลแผนที่ของ GoogleMaps แต่ประชาชนโดยเฉพาะวัยรุ่นคนหนุ่มสาวก็ช่วยกันบอกทางแบบปากต่อปาก (หรือตัวอักษรต่อตัวอักษร) เพื่อชักชวนให้ไปสนุกสนานกัน” โดยให้เหตุผลว่าเพราะที่บ้านของตนเองไม่มีการเล่นสาดน้ำด้วยข้อห้ามข้างต้น
ที่ต้องขอใช้พื้นที่คอลัมน์สัปดาห์นี้เขียนถึงเรื่องการห้ามเล่นสงกรานต์ท้ายรถกระบะในพื้นที่ กทม. ก็เพราะ 1.มีเสียงจากผู้คนไม่น้อยที่เกิด เติบโต ทำงานและมีครอบครัว ในชุมชนที่เคยมีการเล่นสาดน้ำวันสงกรานต์มาหลายสิบปี บางคนบ่นว่า “สงสารลูกๆ หลานๆ ไม่รู้มันจะไปเล่นที่ไหน เพราะบรรยากาศหน้าบ้านนั้นเงียบเหงา” จากมาตรการห้ามรถบรรทุกถังน้ำเข้าพื้นที่
2.หรือต่อไปคนเมืองหลวงต้องเสียเงินเพื่อเล่นสาดน้ำวันสงกรานต์? เรื่องนี้เป็นข้อสังเกตจากการพูดคุยกับบรรดา “คนขับแท็กซี่” ในช่วง 2-3 ปีล่าสุด หลายคนบอกว่า “สงกรานต์กลางวันหาลูกค้าจากห้างส่วนกลางคืนหาจากร้านเหล้า” นั่นเพราะเมื่อบนถนนถูกห้าม คนที่ต้องการเล่นสาดน้ำก็จะต้องไปร่วมกิจกรรมที่ทางห้างสรรพสินค้าหรือสถานบันเทิงยามราตรีจัดขึ้น “กลายเป็นเอื้อทุนใหญ่ไปอีก” ต่างจากสงกรานต์บนท้องถนนตามชุมชน ที่พ่อค้าแม่ค้ารายย่อยจะมาขายสินค้าทั้งอาหารและอุปกรณ์เล่นสาดน้ำ เป็นการกระจายรายได้ให้คนระดับฐานราก
อนึ่ง..ยังมีความเข้าใจคลาดเคลื่อน นั่นคือ “การเล่นน้ำท้ายรถกระบะเป็นประเพณีผิดเพี้ยนที่เพิ่งเกิดขึ้น” ทั้งที่ในความเป็นจริง “คนไทยใช้ยานพาหนะเล่นสาดน้ำวันสงกรานต์มาไม่ต่ำกว่ากึ่งศตวรรษ” ซึ่งท่านผู้อ่านสามารถค้นหาคำว่า “ภาพเก่าสงกรานต์เชียงใหม่” ได้จากอินเตอร์เนต ก็จะพบภาพงานสงกรานต์ที่ จ.เชียงใหม่ มีผู้ใช้รถบรรทุกบ้าง รถซาเล้งบ้าง บรรทุกถังหรือโอ่งตระเวนสาดน้ำไปตามท้องถนน เช่นเดียวกับคลิป “สงกรานต์ลำปาง พ.ศ.250x” ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ยูทูบ (Youtube) โดยคุณ Nantawat Kittiwarakul ก็มีภาพอย่างเดียวกัน
ดังนั้นขอให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า “การใช้ยานพาหนะบรรทุกถังน้ำตระเวนเล่นสงกรานต์มีมานานแล้ว” จากนั้นค่อยมาถกเถียงกันต่อ “แล้วยุคนี้ยังควรมีต่อไปหรือไม่?โดยเฉพาะใน กทม.” ซึ่งประชาชนคนเมืองหลวงคงต้องยกขึ้นมาพูดคุยกันอย่างจริงจังตั้งแต่วันนี้ เพื่อนำเสนอหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องไม่ว่า บช.น. รวมถึง กทม. หรือแม้แต่ต่อรัฐบาล ก่อนที่เทศกาลสงกรานต์ในปีถัดไปจะเวียนมาถึง!!!
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี