บอกตรงๆ ว่า อนาถใจ... เห็นสื่อมวลชนบางสำนัก และเกรียนคีย์บอร์ดบางคนในโลกออนไลน์ ไปเอาข่าวศาลยกฟ้องเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร มาทำการ “ฟอกตัว” ถึงขนาดพาดหัวทำนองว่า “ล้างมลทินวาทกรรมเสื้อแดงเผาศาลากลางจังหวัด ปี’53”
โอ้โห....
แล้วบรรดากองเชียร์ที่ไม่ยอมรับความจริง บางคนมีการศึกษาเสียเปล่า แต่พร้อมจะถูกโกหก ยอมโดนปั่นหัว หรือไม่ก็ “หลอกตัวเองต่อไปเรื่อยๆ” พากันเอาเรื่องไปขยายต่อ โดยไม่เปิดหูเปิดตาดูความจริงให้รอบด้าน
แม้แต่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ถึงขนาดกระโดดห้อยโหนไปด้วย
น่าแปลกใจ ที่ยังมีคนพยายามจะบิดเบือน ปลุกปั่น ไม่ยอมรับความจริงว่าคนเสื้อแดงบางส่วนที่ถูกแกนนำปราศรัยยุยงปลุกปั่นต่อเนื่องในช่วงปี 2553 ได้กระทำการเผาบ้านเผาเมือง เผาศาลากลางจังหวัดจริงๆ
1.ยกฟ้องเผาศาลกลางจังหวัดมุกดาหาร แค่บางสำนวน แต่สำนวนหลักพิพากษาจำคุก 15 ปี
เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2562 สื่อมวลชนรายงานว่า ศาลจังหวัดมุกดาหาร ได้อ่านคำพิพากษาคดีอาญา ในคดีที่มีนายสมคิด โพธิ์ไทรย์
กับพวกรวม 7 คน เป็นจำเลย กรณีเผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 โดยศาลพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้ง 7 คน เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ทนายความจำเลยในคดีนี้ คือ นายอนุสรณ์ โพธิ์ศิริ ก็พูดเองว่า จำเลยทั้ง 7 คนนี้ เป็นผู้ต้องหากลุ่มที่สอง ขณะที่ผู้ต้องหากลุ่มแรกจำนวน 13 ราย ถูกดำเนินคดีไปก่อนหน้านี้ตั้งแต่ปี 2553 และถูกศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุก 15 ปี
จริงๆ แล้ว ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุก 20 ปี (ศาลอุทธรณ์เมตตาแล้ว)
แต่ก็ยังมีความพยายามจากสื่อบางสำนัก จากเกรียนคีย์บอร์ด จากแนวร่วมเสื้อแดงบางคน ไม่ยอมรับความจริง หรือโกหกตัวเองมาตลอด แล้วยังพยายามจะโกหกคนอื่นต่อไปอีกว่าเสื้อแดงไม่ได้เผาศาลากลาง ก็เอาเรื่องนี้ไปตัดต่อดัดแปลง ขยายผลกลายเป็นว่า ล้างมลทินไปโน่น... ช่างน่าอนาถใจ
2.ความจริง คือ เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 2553 คนเสื้อแดงบางกลุ่มได้ทำการบุกเผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี, อุดรธานี, ขอนแก่น และมุกดาหาร
เผาจริง และศาลพิพากษาลงโทษจำคุกแล้ว ทั้ง 4 จังหวัด
เลิกดิ้น เลิกแถ เลิกบิดเบือนความจริงเสียเถิด
ถ้าไม่อายใคร ก็ละอายใจตัวเองบ้างเถิด
3.เผาศาลากลางจังหวัดมุกดาหาร
คดีที่มีนายวิชัย อุสุพันธ์ และพวก เป็นจำเลย (แนวร่วมเสื้อแดง)
ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยกลุ่มแรก 13 คน คนละ 20 ปี
โดยในส่วนของเยาวชนที่เป็นจำเลยนั้นขึ้นศาลเยาวชน พิพากษาให้มีความผิดฐานบุกรุกและให้คุมประพฤติ
เหตุผลที่ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยทั้ง 13 รายนั้น พิจารณาจากภาพถ่ายที่โจทก์นำสืบทำให้ศาลเห็นว่าจำเลยช่วยกันขนยางเข้าไปในศาลากลาง มีการวางแผนและแบ่งหน้าที่กัน จึงให้จำคุกดังกล่าว
ต่อมา วันที่ 30 ก.ย.2558 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาแก้ลดโทษเหลือ 1 ใน 4 คงเหลือโทษจำคุก 15 ปี
ในวันที่ศาลจังหวัดมุกดาหาร อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยังจำได้ว่า ไม่มีแกนนำเสื้อแดงมาให้กำลังใจเลย
มีเพียงญาติพี่น้องของผู้ต้องหา
4. เผาศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
ศาลฎีกาพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายพิเชษฐ์ ทาบุดดา หรือ อ.ต้อย แกนนำ นปช.อุบลราชธานี และพวก
โดยโทษของแต่ละคน ลดหลั่นกันไปตามพฤติกรรม (คนที่โดนหนักสุด คือ คุกตลอดชีวิต)
5. เผาศาลกลางจังหวัดขอนแก่น
ศาลพิพากษาจำคุก 13 ปี นายอดิศัย วิบูลเสข และพวก (แนวร่วมเสื้อแดง)
ชี้ว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน พฤติกรรมไม่มีความเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมืองและไม่ต้องการให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อผู้กระทำความผิด
6.เผาศาลากลางจังหวัดอุดรธานี
ศาลพิพากษาจำคุก 22 ปี นายวันชัย รักสงวนศิลป์ และพวก (แนวร่วมเสื้อแดง)
บางคน ป่วยตายในคุก ไร้การเหลียวแลจากแกนนำใดๆ โดยเฉพาะคนที่ปราศรัยยุยงปลุกปั่น
7.ทั้งหมดนี้ คือ สรุปอย่างย่นย่อเท่านั้น
ยังมีคดีอีกมากมายที่ศาลพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ อาทิ คดีเผาเซ็นเตอร์วัน ศาลแพ่งชี้ขาด คดีถึงที่สุดว่าเป็นลักษณะการก่อการร้าย ไม่เข้าเงื่อนไขประกันภัย, คดีเผาเซ็นทรัลเวิลด์ เอกชนก็ได้รับประกันภัยก่อการร้ายไปแล้ว, คงมีแต่กรณีเผาตลาดหลักทรัพย์ ที่ศาลชี้ว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอเท่านั้นเอง
ยอมรับความจริงเถอะ นำมาเป็นบทเรียนเพื่อมิให้ซ้ำรอยเดิมจะดีกว่า อย่าหลอกตัวเองอีกเลย
เสื้อแดงเผาศาลากลางจังหวัดเมื่อปี 2553 คือ เรื่องจริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี