แนวหน้า มั่นคง ตรงไป ตรงมา...nn การพิจารณานั้นเป็นการหยุดยั้งชั่งใจก่อนที่จะปฏิบัติการใดลงไป เสมือนกับได้ปรึกษากับตนเองก่อน ถ้าหากทำสิ่งใดโดยมิได้พิจารณาแล้ว ก็อาจจะตกเป็นเหยื่อแห่งอารมณ์ บังเกิดความประมาทขึ้น อันจะเป็นผลเสียหายแก่กิจการนั้นๆ ได้ ฉะนั้นขอให้ทุกคนจงใช้ความพิจารณาให้รอบคอบ ก่อนที่จะประกอบกิจใดๆ แม้แต่ถ้อยคำที่ข้าพเจ้าได้กล่าวมาแล้วนั้น ก็ควรจะได้รับการพิจารณาเช่นเดียวกันด้วย… (พระบรมราโชวาทพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในพิธีพระราชทานประกาศนียบัตร นักเรียนวชิราวุธวิทยาลัย วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2501)...
nn การอภิปรายประเด็นงบประมาณรายจ่ายแผ่นดิน พ.ศ. 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาทในวาระแรก ขั้นรับหลักการจะเริ่มขึ้นในวันที่ 17 ตุลาคม และดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม เมื่อตรวจสอบเสียงของทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแล้วพบว่า พรรคร่วมรัฐบาลมี 252 เสียง พรรคร่วมฝ่ายค้านมี 243 เสียง แต่หากเสียงของประธานรัฐสภา และรองประธานฯ อีกสองคนไปแล้ว ฝ่ายรัฐบาลจะมีคะแนนนำฝ่ายค้านเพียง 6 เสียง...
nn เมื่อเสียงห่างกันไม่มากนัก จึงทำให้นายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประยุทธ์ จันทร์โอชากำชับเข้มกับคณะรัฐมนตรีว่าห้ามหนีการอภิปรายครั้งนี้อย่างเด็ดขาดส่วนแกนนำพรรครัฐบาลที่ชื่อ บิ๊กป้อม-ประวิตร วงษ์สุวรรรองนายกรัฐมนตรี ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคอข่าวการเมืองไทยว่า มีกลเม็ดเด็ดพรายสารพัดที่สามารถมัดใจให้ฝ่ายค้านแปรสภาพเป็นจากลิงหิวกล้วยกลายเป็นงูเห่าชูหัวสนับสนุนฝ่ายรัฐบาลสาธารณชนกำลังรอดูผลลัพธ์ว่ากลเม็ดของบิ๊กป้อมจะสัมฤทธิผลหรือไม่ อดใจรอดูอีกไม่กี่เพลาก็จะทราบผล...
nn ส่วนหมัดที่พรรคฝ่ายค้าน ซึ่งนำโดยพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าเด็ด ชนิดที่สามารถน็อกรัฐบาลได้คือ การย้ำแผลให้สังคมเห็นว่ารัฐบาลประยุทธ์ทุ่มเงินงบประมาณไปเพื่อความมั่นคงมากมายจนผิดสังเกต ฝ่ายค้านตอกย้ำว่ารัฐบาลชุดนี้กำลังใช้งบฯ ผิดกาลเทศะ เพราะแทนที่จะทุ่มงบฯ เพื่อแก้ปัญหาปากท้องของชาวบ้านที่กำลังประสบปัญหาพิษเศรษฐกิจ แต่กลับทุ่มงบฯ ไปเพื่อการซื้ออาวุธให้กองทัพ พร้อมกับตั้งคำถามเหมือนเดิมว่ายุคนี้จะเอาอาวุธไปรบกับใคร เพราะเขาเลิกรบกันแล้ว...
nn ประเด็นสังคมไทยจะยุติการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส จะเป็นเพียงละครการเมือง หรือเป็นเรื่องจริง เป็นสิ่งที่ต้องตามดูกันต่อไป แม้ล่าสุดจะพบเห็นได้ว่าท่าทีของรัฐบาลชุดปัจจุบันอ่อนลงอย่างมากเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักหน่วงจากสังคมให้ยุติการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิด แม้กระทั่งนายกรัฐมนตรียังต้องออกมาบอกว่าต้องลด ละ เลิก การใช้สารเคมีทั้ง 3 ตัว ซึ่งนับว่ายอมอ่อนลงมามาก ทั้งที่แต่ก่อนไม่เคยเห็นว่านายกฯ จะอ่อนข้อกับเรื่องนี้มากถึงเพียงนี้...
nn แต่ปมสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่การประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่จะประชุมในวันที่ 22 ตุลาคม เมื่อละครการเมืองฉากเด็ดในเรื่องนี้ ดำเนินมาถึงจุดที่ทำให้ตัวละครการเมืองอย่างพรรคภูมิใจไทย ที่นำโดยเสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ต้องเล่นบทเด่นเพื่อหาคะแนนนิยมทางการเมือง โดยพรรคภูมิใจไทยออกมาประกาศว่าหากคณะกรรมการวัตถุอันตรายมีมติให้ใช้สารเคมีทั้งสามตัวต่อไป รัฐมนตรีทั้ง 7 คน ของพรรคภูมิใจไทยจะลาออกจากตำแหน่ง ย้ำว่าฟังให้ดีแล้วคิดให้ลึก เขาย้ำว่ารัฐมนตรีทั้ง 7 คน จะลาออกจากตำแหน่ง แต่เขาไม่ได้ประกาศว่าพรรคภูมิใจไทยจะลาออกจากการร่วมรัฐบาล ฟังแล้วอย่าหัวเราะ เพราะเกมนี้มันลึกจนหัวเราะไม่ค่อยจะออก...
nn ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่สังคมไทยควรรับทราบไว้คือ ปัจจุบันยังมีปริมาณสารพาราควอตเหลือในบ้านเมืองของเรา 14,595 ตัน ไกลโฟเซต 18,400 ตัน คลอร์ไพริฟอส 1,693 ตัน (ตัวเลขล่าสุดเมื่อเดือนมิถุนายน 2562) มีผู้ถามว่าหน่วยงานใดอนุญาตให้นำเข้าสารเคมีทั้งสามชนิด ตอบว่ากรมวิชาการเกษตรหากจะถามว่าใครเป็นผู้นำเข้า และนำเข้าจากที่ไหน ก็ต้องตอบแบบกำปั้นทุบดินว่า บริษัทเอกชนทั้งไทยและต่างชาติที่ทำมาหากินด้านการค้าขายสารเคมีในประเทศไทยเป็นผู้นำเข้า ส่วนนำเข้ามาจากประเทศไหนบ้าง ก็ตอบตามที่ได้ข้อมูลมาจากผู้ที่อยู่ในกรมวิชาการเกษตรว่า จากจีนก็มี จากประเทศแถบตะวันตก เช่น สหรัฐฯ ก็มากส่วนที่ถามว่าหากไม่ใช่สารเคมีทั้ง 3 ตัวแล้ว จะใช้สารเคมีตัวไหนทดแทน ก็มีคำตอบว่าใช้สารกลูโฟซิเนต แต่มีผู้บอกว่าราคากลูโฟซิเนตแพงกว่าสารเคมีตัวเดิม 3-5 เท่า คือ กลูโฟซิเนตราคาประมาณ 500 บาทต่อลิตร ส่วนสารเดิมราคาประมาณ 150 บาทต่อลิตร...
nn ปิดท้ายวันนี้ด้วยมุมมองเรื่องความไม่ทันสมัยของกฎหมายไทย ซึ่งไม่ใช่แค่ไม่ทันสมัยเท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดปัญหากับสังคมอีกด้วย คำถามคือทำไมกฎหมายไทยจึงไม่สามารถทำให้บ้านเมืองของไทยมีความสงบสุขได้อย่างแท้จริง คำตอบในเรื่องนี้มีหลายแง่มุม แต่แง่มุมหนึ่งที่น่าสนใจคือ เพราะคนเขียนกฎหมายและคนมีอำนาจบังคับใช้กฎหมายไทยไม่เคยคิดจะลดอำนาจของตนเองลง แต่ที่น่าสังเวชมากกว่านั้นคือ บางคนใช้กฎหมายเพื่อรุกรานคนอื่นด้วย เรื่องแบบนี้ไม่ทราบว่าสำนักต่างๆ ที่สอนกฎหมายของไทยเคยพิจารณาเรื่องนี้บ้างไหม หรือว่าภายในคณะเองก็ยังคงมืดๆ บอดๆ ก็เลยได้แค่ท่องตัวบทไปวันๆ ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว สังคมจำเป็นต้องส่งเสียงเตือนไปยังสำนักสอนกฎหมายของไทยให้เกิดความสำเหนียกขึ้นมาบ้าง...nn
ธรรมกร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี