วันพุธ ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568
มีคำถามในสังคมไทยว่า เหตุใด Amnesty International Thailand รวมถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติและเหล่าบรรดาองค์กรทั้งในและต่างประเทศที่อ้างตนว่า ทำงานเพื่อสิทธิมนุษยชน อาทิ Human Rights Watch นักวิชาการ และนักการเมืองจำพวกชอบโหนกระแสสิทธิมนุษยชนจึงเงียบเฉย ปิดปากนิ่งสนิทต่อกรณีสังหารเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) หมู่บ้านทุ่งสะเดา ในจังหวัดยะลา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 15 ศพ และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และเหตุการณ์ยิงถล่มชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) ลำพะยา ในจังหวัดเดียวกัน
เหตุที่ผู้คนในสังคมไทยตั้งคำถามเช่นนี้ ก็เพราะตามปกติเมื่อมีข่าวตำรวจหรือทหารปฏิบัติการในพื้นที่เขตจังหวัดชายแดนภาคใต้ คือยะลา ปัตตานี และนราธิวาส แล้วปรากฏว่า มีผู้เสียชีวิตเพราะการปฏิบัติงานของตำรวจทหาร หน่วยงานที่อ้างว่า ทำหน้าที่ดูแลรักษาสิทธิมนุษยชนมักจะดาหน้าออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงกึ่งๆ ประณามการทำงานของทหารตำรวจว่าเข้าข่าย หรือดูเสมือนเข้าข่ายจงใจละเมิดสิทธิมนุษยชนเป็นประจำ แต่เมื่อเกิดเหตุลอบยิง ชรบ. ยะลา ครั้งล่าสุด กลับไม่ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งคำถาม แม้แต่น้อยจากกลุ่มดังกล่าว
มีคำถามจากวิญญูชนในสังคมไทยต่อหน่วยงานต่างๆ ดังระบุในข้างต้นว่า การละเมิดสิทธิมนุษยชนในมุมมองของหน่วยงานที่อ้างว่า ดูแลรักษาสิทธิมนุษยชนคืออะไร การกระทำเช่นไรจึงจะถือว่า เป็นการจงใจละเมิดสิทธิมนุษยชนและการจงใจฆ่า ชรบ. ในจังหวัดยะลา ดังปรากฏเป็นข่าวนั้น ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา หรือคำว่า ละเมิดสิทธิมนุษยชนจำกัดอยู่เฉพาะเพียงการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐต่อประชาชนพลเมืองเท่านั้น หากเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกระทำหลังความรุนแรง ไม่ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือหากประชาชนที่ช่วยงานของรัฐถูกกระทำด้วยความรุนแรง ก็ไม่ถือว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เช่นกัน
การที่กลุ่มซึ่งอ้างว่า ดูแลรักษาสิทธิมนุษยชนจงใจนิ่งเฉยต่อเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดกับ ชรบ. ในยะลา รวมถึงเหตุการณ์อื่นๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกกระทำด้วยความรุนแรง ยิ่งตอกย้ำให้สาธารณชนเห็นว่า กลุ่มที่อ้างว่า ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนเหล่านั้น น่าจะเข้าข่ายทำงาน หรือวิพากษ์วิจารณ์โดยเลือกปฏิบัติ อีกทั้งยังทำให้ถูกวิจารณ์ว่า จงใจมุ่งโจมตีการทำงานของทหารตำรวจด้วยอคติ
ถ้าหากองค์กรที่อ้างว่าทำหน้าที่ดูแล รักษา และส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ไม่สามารถปฏิบัติงานให้สาธารณชนเห็นชัดว่าเน้นหนักการทำงานเพื่อกิจการดังกล่าวโดยแท้จริงแล้ว สาธารณชนก็เห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ว่านั้นอีกต่อไป เพราะมีไปก็ไร้ประโยชน์ และมีไปก็รังแต่จะก่อให้เกิดความแตกแยกร้าวฉานในสังคม
มีคำแนะนำจากสาธารณชนว่า หากองค์กรดังกล่าวเหล่านั้นต้องการจะทำให้สังคมเกิดความเชื่อถือและศรัทธาอย่างจริงจังแล้ว องค์กรดังกล่าวก็ต้องทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ เที่ยงตรง ไม่ใช่ทำหน้าที่ราวกับว่าเป็นปฏิปักษ์กับทหารตำรวจผู้ปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่เมื่อเกิดเหตุอย่างเช่น กรณีสังหาร ชรบ. ยะลา ก็กลับหุบปากนิ่งสนิท
หาก Amnesty International Thailand, Human Rights Watch คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ และอีกสารพัดกลุ่มที่อ้างว่าทำงานด้านสิทธิมนุษยชนยังทำเสมือนเลือกปฏิบัติเช่นนี้แล้ว ก็ป่วยการกับการมีหน่วยงานดังกล่าวอีกต่อไป แม้หน่วยงานดังกล่าวบางหน่วยไม่ได้ใช้เงินภาษีอากรของประเทศไทยก็ตาม

นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ ดูแล-แนะนำครอบครัววีรบุรุษ ใช้เงินเยียวยาให้เกิดประโยชน์-มีความสุข
ทหารไทย ทำลาย บันไดไม้ 1,181 ขั้น ของเขมร บน ปราสาทคนา
ธรรมนัส สวน เท้ง อยู่ในเวทีการเมืองมา ศัตรูหมู่มารในการเมือง จบไม่สวยสักคน เวรกรรมตามสนอง
อนุทิน ร่วมพิธีพระราชทานเพลิงศพ จ่าเริง เพื่อนร่วมรบเผย ร้องเพลงที่แต่งให้ฟัง ก่อนขึ้นเนิน 350
กลาโหมกัมพูชา ส่งหนังสือทางการถึง กลาโหมไทย ขอเจรจาหยุดยิงตามกลไก GBC

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี