เมื่อบุคคลกระทำความผิดแล้วยอมรับผิด แล้วยอมรับโทษทัณฑ์ตามกระบวนการของกฎหมายที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ก็ถือได้ว่าเป็นการสำนึกต่อผลของการกระทำที่บุคคลได้กระทำลงไป ซึ่งก็เท่ากับว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศสามารถดำเนินต่อไปได้ อันจะยังผลให้สังคมบังเกิดความสงบและผาสุกต่อไปได้ แต่ถ้าบุคคลกระทำผิดจริง แต่กลับตะแบงโต้แย้งว่า ตนไม่ได้กระทำความผิด แถมยังพยายามบิดเบือนว่าตนเองถูกกระบวนการยุติธรรมเล่นงานด้วยอคติ หากเป็นแบบนี้แล้วสังคมก็คงหาความสงบและผาสุกไม่ได้ และในอีกมุมหนึ่ง ถ้าหากบุคคลมิได้กระทำความผิดด้วยประการทั้งปวง แต่กลับถูกกระบวนการยุติธรรมใช้เล่ห์กลเล่นงานให้ต้องได้รับโทษทัณฑ์ เมื่อเป็นเช่นนี้สังคมก็ไม่มีวันสงบและผาสุกเช่นกัน
สำหรับกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งก็คือนักธุรกิจระดับนานาชาติที่ผันตัวเองเข้าสู่สนามการเมือง โดยไม่ว่าจะด้วยเหตุผลดีหรือร้ายประการใดก็ตาม แต่สังคมไทยก็รับทราบมาโดยตลอดว่านายธนาธรคือนายทุนที่ลงสู่สนามการเมือง แต่ประเด็นสำคัญที่สาธารณชนรับทราบเป็นอย่างดีอีกประการก็คือนายทุนก็คือนายทุน ไม่ว่านายทุนจะอ้างว่าตนเองดีเด่นหรือเสียสละเพื่อบ้านเมืองมากมายสักเท่าใดก็ตาม แต่เป้าหมายสำคัญของนายทุนคือผลประโยชน์ในเชิงธุรกิจ ซึ่งก็หมายถึงกำไร ไม่มีนายทุนคนไหนยอมลงทุนแล้วขาดทุน เพราะฉะนั้นเมื่อนายทุนลงสู่สนามการเมือง นายทุนก็ต้องการได้รับผลกำไรจากการเมือง โดยไม่มีข้อยกเว้น ต่อให้นายทุนจะพยายามโกหกมดเท็จและสร้างภาพลวงตาตลอดเวลาว่า ผมรวยมากจนเกินพอแล้ว ผมต้องการเสียสละเพื่อบ้านเมือง หรือต่อให้นายทุนอ้างว่า ผมรวยมากพอแล้ว ผมไม่โกง
สำหรับคนที่รู้จักธาตุแท้ หรือสันดานของนายทุนการเมืองเป็นอย่างดีย่อมประจักษ์แจ้งดีว่า คำพูดของคนพรรค์อย่างนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ส่วนคำพูดที่นายทุนการเมืองจงใจมดเท็จว่า รวยแล้วไม่โกง ก็ไม่มีทางเป็นความจริงได้เลย แต่ตรงกันข้ามวิญญูชนกลับพบว่านายทุนการเมืองที่มีอำนาจรัฐ จะยิ่งมีพฤติกรรมโกงบ้านกินเมืองหนักกว่านักการเมืองที่ไม่ประสีประสาเรื่องราวทางธุรกิจ เพราะวิญญูชนตระหนักดีว่า เมื่อคนโกงที่เป็นคนรวยสามารถรวบอำนาจรัฐไว้ในกำมือได้ เมื่อนั้นบ้านเมืองจะถูกโกงกินหนักกว่าเดิม เพราะคนโกงที่เป็นคนรวยไม่เคยโกงเงินจำนวนเล็กๆ น้อยๆ แต่จะโกงแบบอภิมหาโกง โกงแบบทุจริตเชิงนโยบาย ซึ่งวิญญูชนในสังคมไทยได้ประสบมาแล้ว
สำหรับนักธุรกิจที่ชื่อนายธนาธร ย่อมเข้าใจดีว่าการเป็นนักธุรกิจการเมืองจะให้ผลประโยชน์มากมายมหาศาลเพียงใดกับตนเอง ในวันที่ตนเองสามารถเข้าไปสู่เวทีของอำนาจรัฐได้ แล้วเขาย่อมเข้าใจดีมากที่สุดว่า หากเขามีอำนาจรัฐอยู่ในกำมือเหมือนกับอดีตนักธุรกิจการเมืองนามว่านายทักษิณ ชินวัตร เขาจะได้ผลประโยชน์มหาศาลเพียงใดจากบ้านเมือง
ดังนั้นการที่นักธุรกิจการเมืองชื่อนายธนาธรอ้างว่าให้พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคการเมืองของตนเอง และตนเองก็เป็นหัวหน้าพรรค กู้เงินเพื่อนำไปดำเนินธุรกิจการเมือง จึงเป็นเพียงข้ออ้างที่วิญญูชนฟังแล้วเข้าใจได้โดยทันทีว่ามีเจ้าของเงินหรือนายทุนการเมืองมีเจตนารมณ์เช่นไร เรื่องแบบนี้ถ้าหากนายทุนการเมืองไม่เรียกว่าเป็นการลงทุนทางการเมืองแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
ขออภัยนะ สังคมไทยไม่ได้มีแต่คนโง่ที่ไม่สามารถแยกแยะและวิเคราะห์ได้ว่านายทุนการเมืองที่ชื่อนายธนาธรจึงรุ่งเรืองกิจ วางเกมการเมืองเพื่อผลประโยชน์ของตนเองไว้อย่างไร ขอย้ำว่าการโกหกตนเองเป็นเรื่องง่ายสำหรับคนที่ชื่อนายธนาธร แต่การโกหกคนทั้งประเทศไม่ใช่เรื่องง่าย แม้คนจำนวนหนึ่งอาจจะยอมให้นายธนาธรโกหกก็ตาม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี