วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
มีคำถามว่า ทำไมคนไทย (ที่พอจะมีเงินอยู่บ้าง หรือมีโอกาสหาเงินกู้ได้) ต้องดิ้นรนซื้อรถยนต์ส่วนบุคคล ทั้งๆ ที่คนกลุ่มนี้ยังไม่มีบ้านเรือนเป็นของตนเอง
คำตอบในเรื่องนี้มีหลากหลาย เช่น เพราะคนไทยบางกลุ่มหลงเชื่อว่าการมีรถยนต์ส่วนบุคคลจะทำให้ตนเองมีหน้ามีตาในสังคม จึงต้องซื้อรถก่อนซื้อบ้าน แต่ในขณะเดียวกันก็มีคำตอบอีกว่า เป็นเพราะว่าคนไทยจำนวนมากไม่มีปัญญาหาเงินซื้อบ้านเนื่องจากราคาบ้าน (โดยเฉพาะบ้านในเขตตัวเมือง) แพงมากแพงเสียจนไม่สามารถเป็นเจ้าของได้ ไม่ต้องคิดถึงบ้านเดี่ยวที่มีบริเวณหรอก เอาแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ขนาดไม่ถึง 30 ตารางเมตร ก็ยังไร้ปัญญาซื้อหา แต่ถ้าหากต้องการมีบ้านสักหลัง ก็ต้องออกไปหาซื้อบ้านที่อยู่ห่างไกลจากตัวเมืองมากๆ เมื่อบ้านอยู่ไกลจากตัวเมือง และไกลจากที่ทำงานซึ่งอยู่ในเมือง ก็จำเป็นต้องซื้อรถยนต์ส่วนบุคคล เพราะไม่มีระบบขนส่งมวลชนที่ดีพอสำหรับการเดินทางเข้าไปทำงานในเมือง บางคนบอกว่ามีรถไฟฟ้าไปถึงชานเมืองแล้ว แต่คำถามคือ แล้วประชาชนมีความสามารถจ่ายค่าบริการได้ทุกคนหรือไม่
นี่คือความจริงของสังคมไทย และเป็นความจริงที่รัฐบาลทุกยุคในระยะ 3-4 ทศวรรษมาแล้วไม่มีปัญญาแก้ปัญหานี้ได้ เมื่อรัฐบาลไร้ปัญญาแก้ปัญหาพื้นฐานของสังคม ประชาชนก็จำเป็นต้องแก้ปัญหาให้ตัวเองด้วยการซื้อรถยนต์ แล้วเมื่อเกือบทุกคนต่างก็มีรถยนต์ส่วนตัว ปัญหาการจราจรที่บ้าคลั่งจึงเกิดตามมาโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ภูเก็ต ขอนแก่น ชลบุรี และนครราชสีมา เป็นต้น
มาถึงยุคนี้ ผู้คนในสังคมไทยโดยเฉพาะในเขตเมืองใหญ่กำลังเผชิญปัญหาฝุ่นละอองขนาดจิ๋วที่เป็นพิษต่อร่างกาย หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า ฝุ่นละออง PM2.5 เมื่อเกิดปัญหาใหญ่ของสังคมขึ้น ก็ส่งผลให้รัฐบาลเกิดอาการร้อนรนแล้วพยายามจะแก้ปัญหานี้ แต่ดูไปแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างเด็ดขาด เนื่องจากปัญหาหมักหมมมายาวนานหลายทศวรรษ
แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีข้อเสนอจากกลุ่มคนที่พยายามจะช่วยแก้ปัญหา PM2.5 โดยเสนอให้คนไทยในเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพฯ เลิกใช้รถยนต์ส่วนตัว บางรายเสนอว่าต้องเลิกนำรถยนต์เก่าออกมาใช้งาน บางรายเสนอให้ประชาชนใช้จักรยานแทนรถยนต์ส่วนตัว และยังมีข้อเสนอแนะอีกมากมาย เช่น ปิดโรงงานอุตสาหกรรมชั่วคราว และไม่อนุญาตให้รถบรรทุกวิ่งเข้าในเขตตัวเมืองในบางช่วงเวลา
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณแนวคิดต่างๆ ที่มีผู้นำเสนอกันอย่างมากมาย แต่ทว่าในที่นี้จะขอนำเอาประเด็นเรื่องการงดใช้รถยนต์ส่วนบุคคลมาชวนให้คุณๆ ช่วยกันคิดว่าสามารถทำได้จริงหรือในสังคมไทยเช่นทุกวันนี้ และขอถามคุณๆ ด้วยว่า คุณสามารถงดใช้รถยนต์ส่วนบุคคลในชีวิตประจำวันได้หรือไม่ แล้วถ้าคุณไม่ใช้รถยนต์ส่วนบุคคล คุณจะมีทางเลือกอื่นในการเดินทางที่จะทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย และเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์จริงในชีวิตประจำวันได้หรือไม่
ผู้เขียนเชื่อว่าคุณๆ ก็คงไม่อยากใช้รถยนต์ส่วนบุคคล ถ้าหากคุณมีทางเลือกที่ดีกว่า และสะดวกกว่า แต่คำถามคือรัฐบาลมีทางเลือกให้คุณหรือไม่ แล้วรัฐบาลทุกชุดเคยถามตัวเองบ้างหรือไม่ว่า เพราะเหตุใดจึงไม่มีปัญญาให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะกับประชาชนได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเมืองหลวง และเมืองใหญ่ตามภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ
ในเมื่อรัฐบาลทุกชุดไม่มีปัญญาแก้ปัญหาการเดินทางและการคมนาคมให้ประชาชนได้ ก็จึงจำเป็นที่ประชาชนต้องช่วยตัวเองด้วยการซื้อรถยนต์ส่วนบุคคล หากจะถามว่าประชาชนไม่รู้หรือว่าการมีรถยนต์จำนวนมากบนท้องถนนทำให้เกิดปัญหาจราจรติดขัดอย่างหนัก และเกิดปัญหามลพิษในอากาศตามมา คำตอบคือประชาชนรู้ถึงปัญหาเหล่านั้นดี แต่ไม่มีทางเลือกอื่นๆ เพราะฉะนั้นเมื่อประชาชนไม่มีทางเลือก ก็จึงเกิดคำถามกลับไปที่รัฐบาลว่า แล้วรัฐบาลมีปัญญาแก้ปัญหาให้ประชาชนได้หรือไม่

'อ.เจษฎ์'มาเอง! เปิด7ข้อเคลียร์ความเชื่อผิดๆปมดื่มนมไทย เปิดวาร์ปนมไทยที่เป็นนมโคแท้
'ปราชญ์ สามสี'ฟาด! 'พรรคส้ม' ใช้ 'สองมาตรฐาน' โจมตีกองทัพ แต่ปัดรับผิดคดีในพรรค
ผีตายยาก!เดอ ลิกต์ โขกทดเจ็บบุกแบ่งแต้มไก่
'กัน จอมพลัง' ควงลูกเมียเปิดใจน้ำตาซึม เผยความผิดพลาด เอาเวลาครอบครัวไปช่วยคนอื่น
'กัมพูชา'ขยับแรง! บุกทลาย2รังใหญ่แก๊งสแกมเมอร์ รวบผู้ต้องหากว่า600คนส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี