เป็นที่ชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วว่า ยอดของเสาธง และตัวของเสาธงแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นมีไว้เพื่อการสำคัญเพียงการเดียวเท่านั้น นั่นคือใช้สำหรับประดิษฐานธงชาติไทย เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่บังอาจและบังอาจกระทำโดยนำธงชนิดอื่นใด หรือวัตถุอื่นใดขึ้นสู่เสาธงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงว่าบุคคลผู้นั้นจงใจกระทำละเมิดต่อเสาธงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ตามกฎหมายไทยนั้นระบุว่าสถานที่ราชการทุกแห่งของไทย ไม่ว่าจะอยู่ภายในหรือภายนอกพระราชอาณาจักรไทยจะต้องมีเสาธง และสถานที่ราชการทุกแห่งของไทยจะต้องมีเสาธงชัก (เรื่องของเสาธงนั้น มีอยู่สองชนิด คือเสาธงประดับและเสาธงชัก) ดังนั้นจึงกล่าวได้อย่างชัดเจนว่าสถานที่ราชการทุกแห่งของไทยต้องมีเสาธงชัก คือเสาธงที่มีเวลาสำหรับเชิญธงไตรรงค์ขึ้นสู่ยอดเสา และเชิญธงไตรรงค์ลงจากยอดเสาในแต่ละวันโดยมีเวลาเชิญธงที่แน่นอนตายตัวคือ เวลา 08.00 น. เป็นเวลาเชิญธงไตรรงค์ขึ้นสู่ยอดเสาธง และเวลา 18.00 น. เป็นเวลาเชิญธงไตรรงค์ลงจากยอดเสาธง ซึ่งเป็นไปตามระเบียบเรื่องการใช้ธงชาติไทย (อ้างตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการใช้ธงชาติ พ.ศ. 2529)
ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีเรื่องการใช้ธงชาติ พ.ศ. 2529 กำหนดให้สถานที่ราชการต้องมีเสาธงชาติสำหรับชักโดยระบุอยู่ในส่วนที่ 2 ข้อ 12 วงเล็บ 2 กำหนดให้อาคารสถานที่ราชการฝ่ายพลเรือน ต้องชักธงชาติไทยในทุกหน่วยงาน (เน้นว่าสำหรับเสาธงชักเท่านั้น ไม่ใช่เสาธงประดับธง) การชักธงชาติไทยต้องมีเสาชักและต้องชักหรือเชิญธงขึ้นและลงตามเวลาที่สำนักนายกรัฐมนตรี กำหนดตามข้อ 15 คือ เวลาเช้าชักธง (เชิญ)ขึ้นเวลา 08.00 น. และชัก (เชิญ) ลงช่วงเย็นเวลา 18.00 น.
ส่วนสถานที่ราชการต้องมีเสาธงแบบประดับ คือเสาธงที่มีไว้เพื่อการประดับธงชาติอย่างถาวร ตามมติคณะรัฐมนตรี เรื่องการใช้ธงชาติ คือไม่ต้องชักธงชาติขึ้นและชักลง ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นเสาไม้ ตั้งประดับอยู่บนรั้ว และ/หรือนอกอาคาร และ/หรือหลังคาอาคาร
มติของคณะรัฐมนตรี เรื่องการใช้ธงชาติ โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2546 เห็นชอบร่างระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้ การชัก หรือการแสดงธงชาติ และธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2546 ตามที่สำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีการับไปตรวจพิจารณา โดยให้ถือเป็นหลักการว่าสถานที่ราชการ สถาบันการศึกษา สถานศึกษา ที่ทำการรัฐวิสาหกิจ และองค์กรอื่นๆ ของรัฐ นอกจากจะต้องชักธงขึ้นและลงตามเวลาเฉพาะในแต่ละวันแล้ว ยังให้ประดับธงชาติในที่อันสมควรเป็นการถาวร และสม่ำเสมอด้วย เพื่อสร้างความรู้สึกนิยม และภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย อีกทั้งเป็นการเผยแพร่ธงชาติไทยให้เป็นที่ปรากฏชินตาแก่ผู้พบเห็น ส่วนสถานที่ต่างๆ ของเอกชนให้อนุโลมตามความเหมาะสม และมอบให้กระทรวงวัฒนธรรมและสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีสอดส่องดูแล และให้คำแนะนำในการจัดทำธงชาติและสีธงชาติให้ได้มาตรฐานและเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ลักลั่นกันหรือดัดแปลงตามอำเภอใจจนผิดไปจากลักษณะและสีที่ควรจะเป็น ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2546
สรุปได้ว่าสถานที่ราชการทุกแห่งของไทยต้องมีเสาธงชักซึ่งเป็นไปตามระเบียบของสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องการใช้ธงชาติ พ.ศ. 2529 โดยระบุอยู่ในส่วนที่ 2 ข้อ 12 วงเล็บ 2
เมื่อสาธารณชนได้รับทราบประกาศดังกล่าวโดยทั่วกันแล้ว จึงจะอ้างเป็นอย่างอื่นอย่างใดมิได้ และจะอ้างว่าเสาธงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้น เมื่อเวลาเชิญธงชาติไทยลงจากยอดเสาแล้วจะนำธงอื่นๆ ไม่ว่าสีอะไรก็ตาม หรือจะนำวัสดุอื่นใดชักขึ้นแทนธงชาติไทยไม่ได้อย่างเด็ดขาด เพราะเสาธงของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีไว้สำหรับชักธงชาติไทยเท่านั้น
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี